บทที่ 4 มีคนใส่ร้าย
“ข้าเห็นคนผู้หนึ่งถือมัน คืนก่อนที่พวกเราจะย้ายมาที่วังจีขอรับ”
“นักฆ่า! นักฆ่าบุกเข้าจวนสกุลซิวจริงๆ ด้วย”
“ไม่เป็นไรขอรับ มันแค่วิ่งผ่านกำแพงจวนออกไป”
“เฮ้อ! ค่อยยังชั่ว นายท่านเยว่ของเจ้ายังยักแย่ยักยันอยู่อย่างนั้น ข้าเกรงว่าหากนักฆ่าบุกเข้ามาเขาจะหนีไม่ทัน”
“คงไม่เป็นไรแล้วล่ะขอรับ ในเมื่อนายท่านเยว่ก็นอนห้องใกล้กับท่านหญิงอยู่แล้ว ไม่น่าจะเป็นอันตราย”
“น่าแปลกนักที่สิบนักฆ่าคุณธรรมมุ่งหวังจะมาฆ่าเยว่หลวนคุน ปกติคนพวกนี้จะรับจ้างฆ่าเฉพาะคนชั่วช้าเท่านั้น นายท่านเยว่ของพวกเจ้าถูกผู้อื่นทำร้ายแท้ๆ เหตุใดพวกเขาจึงได้รับงานนี้เล่า?”
ไฉปิงขมวดคิ้ว นึกทบทวนถึงเรื่องนักฆ่าหน้าหยกเอาแต่ด่าตน
“เป็นไปได้หรือไม่ขอรับว่ามีคนใส่ร้ายนายท่านเยว่?
“เป็นไปได้ ใส่ร้ายแล้วก็ไปว่าจ้างให้นักฆ่าฝีมือสูงส่งมาฆ่าพวกเจ้า ช่างลึกล้ำเกินกว่าที่ข้าคาดได้ สิบนักฆ่าคุณธรรม ในห้วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยฆ่าผู้บริสุทธิ์เลยสักคน เรื่องนี้เงื่อนงำแน่แล้ว ข้าคงต้องออกไปสืบ”
จีเซี่ยงอี๋รีบออกจากวังจีเพื่อไปสืบข่าว ส่วนไฉปิงก็ตรงกลับไปที่ห้องพักของตนเอง ยามนี้นายท่านเยว่ของเขาต้องถูกท่านหมอฝังเข็มรักษาขาที่ต้องเดินกะเผลกๆ อยู่ ตัวเขาก็ว่างพอที่จะไปสอบสวนนักฆ่าหน้าหยก
หลิ่วจิงตัดสินใจที่จะหาวิธีหนีออกจากวังจีให้จงได้ การที่จะหนีได้อย่างราบรื่นตัวเขาต้องมีร่างกายที่แข็งแรง ดังนั้นเมื่อไฉปิงยกถาดข้าวมาถึงที่นอนแล้วพยุงร่างเขาขึ้นนั่ง เขาจึงไม่มีท่าทีขัดขืน
“วันนี้เจ้าคิดได้แล้วหรือ?”
“ข้าจะต้องกินอาหารให้อิ่ม รักษาตัวให้แข็งแรงเพื่อจะได้ฆ่าเจ้าตามคำสั่งให้สำเร็จ”
“คิดได้อย่างนั้นก็ดี”
ไฉปิงป้อนอาหารให้กับหลิ่วจิงจนกระทั่งเขาอิ่ม
“ข้ามีเรื่องจะซักไซ้เจ้าเสียหน่อย”
“อย่าคิดจะมาหลอกถามข้า ข้าไม่มีวันจะบอกเรื่องผู้ว่าจ้างเด็ดขาด ต่อให้เจ้าเอามีดมาจ่อคอหอยข้าก็ตาม”
“เรื่องส่วนของเจ้า ข้าจะไม่ถาม แต่เรื่องที่เกี่ยวกับตัวข้า เจ้าจะต้องบอกให้ข้ารู้ ไม่เช่นนั้นข้าจะ....”
สายตาของไฉปิงโลมเลียไปทั่วร่างของหลิ่วจิงจนชวนคนลุก
“คนชั่ว! เจ้าคิดจะทำอันใดข้า?”
“ตั้งแต่ที่เจ้ามาอยู่ในห้องนี้กับข้า ข้าล้วนแต่เอาใจเจ้า ทำแต่สิ่งที่ทำให้เจ้ามีความสุขมิใช่หรือ?” น้ำเสียงของไฉปิงแหบพร่า
หลิ่วจิงผงะ ใบหน้าเป็นสีชมพูเข้ม
“เมื่อวานเจ้ายังครางด้วยความสุขสมอยู่เลย”
นักฆ่าหน้าหยกถึงกับต้องรีบหุบปากเบือนหน้าหนี ไฉปิงยื่นมือไปจับคางของเขาเอาไว้แล้วบังคับให้หันมาเผชิญหน้า
“คนที่มาว่าจ้างพวกเจ้าให้มาฆ่านายท่านเยว่กับข้า บอกเรื่องพวกเรากับเจ้าว่าอย่างไร? เหตุใดเจ้าจึงเอาแต่เรียกข้าว่าคนชั่ว? เท่าที่ข้าจำได้ สาวใช้ที่ข้าเคยโบยก็เพราะพวกนางขโมยของของนายท่านและอีกคนก็ลอบวางยาปลุกกำหนัดนายท่าน จึงได้ถูกตัดสินโทษโบยแล้วนำตัวส่งทางการ”
“โกหก! เจ้ามันเป็นจอมชั่วช้า เป็นทาสรับใช้ของพ่อค้าหน้าเลือดที่ค้าขายเอาเปรียบผู้อื่นจนเขาต้องผูกคอตาย ซ้ำเจ้ายังเคยข่มเหงสาวใช้หลายคนจนพวกนางต้องสูญเสียความบริสุทธิ์ จากนั้นก็ขายพวกนางออกไปให้หอนางโลม”
“เดี๋ยวๆ เรื่องที่เจ้ารู้มา เหตุใดข้างจึงไม่เคยได้ยินมาก่อนเล่า?”
“เรื่องนี้หัวหน้าของข้าเป็นคนรับเอาไว้ เมื่อเขาเห็นว่าเจ้าสองนายบ่าวเป็นคนชั่วช้า จึงได้ส่งข้าออกมาตามหาพวกเจ้า เพื่อกำจัดภัยให้กับแผ่นดิน”
ไฉปิงยิ้มน้อยๆ ใช้ปลายจมูกถูไถไปตามแก้มเนียนผ่องของนักฆ่า
“เจ้าถูกคนหลอกใช้แล้ว ท่านหญิงจีน้อยซึ่งเป็นบุตรีของฝู่กั๋วกงจะเป็นหัวหน้าสาขาสำนักข่าวนกกระจิบเมืองฉู่จิ้งเป็นผู้ที่มีสายข่าวอยู่ทั่วแคว้นหมิงเป็นผู้ช่วยเหลือนายท่านของข้าให้มาพำนักหลบภัยอยู่ในวังจี ตระกูลจีเป็นตระกูลที่ถือคุณธรรมอย่างยิ่ง มีหรือจะให้ความคนช่วยเหลือคนเลวอย่างพวกเรา”
หลิ่วจิงชะงักไป ชื่อเสียงของสกุลจีเป็นที่ยอมรับนับถือทั่วแคว้นหมิง
“อีกอย่าง หากนายท่านของข้าทำความเลวขนาดนั้น คงไม่ต้องรอให้สิบนักฆ่าคุณธรรมลงมือหรอก ท่านหญิงจีก็คงจะส่งพวกเราเข้าคุกหลวงไปแล้ว”
เมื่อเห็นว่าคนที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่นิ่งไป เขาก็ค่อยผละออก
“ข้าอยากจะอธิบายให้เจ้าเข้าใจว่า นายท่านเยว่ของข้ามิใช่คนชั่วอย่างที่เจ้าเข้าใจ ที่พวกเราต้องซ่อนตัวอยู่ตรงนี้ก็เพราะนายท่านถูกญาติผู้น้องวางแผนฆ่าเพื่อขึ้นมาแทนที่”
“ถ้าอย่างนั้น ข่าวที่ข้าได้มาก็เป็นเรื่องไม่จริงอย่างนั้นหรือ?”
“จริงหรือไม่จริง เอาไว้เจ้าหนีออกไปได้ก็จะได้รู้เอง แต่ข้ากล้าสาบานต่อฟ้าดินว่าข้าไม่เคยข่มเหงรังสตรีใด ก็อย่างที่เจ้ารู้ข้าสนใจแต่บุรุษเท่านั้น ดีแล้วที่เจ้ายังไม่ได้ลงมือฆ่าผู้บริสุทธิ์”
หลิ่วจิงนั่งนิ่ง เขากำลังชั่งน้ำหนักเรื่องที่ได้ยินมาจากหัวหน้าและเรื่องที่ไฉปิงเล่า...แม้ไม่แน่ใจว่านี่เป็นคำแก้ตัวของเหยื่อหรือไม่? แต่การที่เขาถูกเจ้ายักษ์โฉดผู้นี้รังแกในอ่างน้ำเมื่อคืนก่อน...เป็นความจริง
...และเขาคือบุรุษเคราะห์ร้ายที่ถูกมันข่มเหงเป็นคนแรก...
ไฉปิงหยิบเอาห่อผ้าใหญ่ขึ้นมาวางบนเตียง
“เจ้าดูนี่ ข้าซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เจ้าสามชุด”
“เจ้าเป็นแค่บ่าวรับใช้มิใช่หรือ? เหตุใดจึงมีเงินมากนัก?”
คนที่ทำตัวใจกว้างอมยิ้ม “เจ้าคงลืมไปแล้วว่าชุดของเจ้าถูกข้ายึดเอาไว้ ในนั้นเจ้าซ่อนเงินไว้ตั้งหลายร้อยตำลึง ข้าเอาเงินพวกนั้นไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เจ้า”
“บัดซบ!”
หลิ่วจิงนึกเสียดายเงินที่ตนเก็บหอมรอมริบเอาไว้ เขาอุตส่าห์เย็บซ่อนในคอเสื้ออย่างดี กลับถูกคนเลวผู้นี้หาเจอจนหมด
“อย่าพูดอย่างนั้นเลย อาหารการกินของเจ้า ข้าล้วนต้องใช้เงินจ่ายพิเศษให้กับโรงครัว ทั้งใช้ว่าจ้างให้บ่าวทำงานหนักหลังเรือนช่วยหิ้วน้ำมาให้เจ้าอาบอีก ล้วนเป็นการทำเพื่อเจ้าทั้งนั้น”
“ข้ามิได้ขอสักหน่อย” หลิ่วจิงกัดฟันกรอดๆ นึกไม่ถึงว่าตนเองจะมาสิ้นท่าอยู่ในน้ำมือของบ่าวรับใช้เจ้าเล่ห์ผู้หนึ่ง
“เจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า คืนนี้ได้ยินนักพยากรณ์ว่าอากาศจะหนาวกว่าเดิม ชุดนี้เหมาะที่จะสวมใส่พอดี หากอากาศหนาวกว่านั้น ข้าก็จะให้ความอบอุ่นเจ้าเอง”
“เจ้าไม่ต้องยุ่งกับข้า!”
ไฉปิงทำหน้าตาถมึงทึง “อย่าได้คิดต่อรอง ตอนนี้ชีวิตเจ้าเป็นของข้า!”
หลิ่วจิงไม่ยอมหันหน้าไปมองไฉปิงเพราะคนผู้นั้นจับเขานอนราบลงกับพื้นเตียงแล้วถอดเสื้อผ้าเขาออกเพื่อสวมชุดใหม่ให้ ปลายนิ้วใหญ่ของไฉปิงแตะถูกตัวเขาในบางจังหวะ หลิ่วจิงรู้สึกโมโหที่ร่างกายของเขามันรู้สึกวูบวาบหวั่นไหว
“เจ้าทำเร็วๆ หน่อย”
ไฉปิงแสร้งยกมือลูบสาบเสื้อบนหน้าอกแล้วหันไปผูกเชือกกางเกงให้หลิ่วจิงอย่างอ้อยอิ่ง
“เรานอนด้วยกันหลายคืนแล้ว แต่เจ้าก็ยังไม่ยอมบอกชื่อของเจ้าให้ข้าได้รู้บ้างเลย”
“เป็นกฎของข้าที่จะไม่ยอมให้คนตายได้เห็นหน้าและรู้จักชื่อ”
“หือ? เพราะเหตุใด?”
“คนพวกนั้นจะได้ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของข้า จะได้ไม่ผูกใจเจ็บอาฆาตพยาบาทกันต่อไปในวันหน้า”
“แต่ตอนนี้ข้าเห็นหน้าเจ้าแล้ว เจ้าจะฆ่าข้าลงหรือ? หากข้าต้องตายเพราะน้ำมือเจ้าในตอนนี้ ข้าจะสาปแช่งให้เจ้าต้องมาเป็นทาสรับใช้ข้าทุกภพทุกชาติ ไม่สิ...มาเป็นทาสรักให้ข้าจะดีกว่า”
“ไม่มีทาง!”
“เจ้าอย่าโกหกตัวเองดีกว่า ข้ารู้ว่าเจ้าชอบสัมผัสของข้า นั่นหมายถึงว่าเจ้าชอบบุรุษอย่างข้า”
“ไม่จริง!”
หลิ่วจิงนั่งพิงหลังอยู่บนเตียงด้วยสายตาเหม่อลอย หวนคิดถึงตอนที่ตนเองเริ่มเติบโตขึ้นเป็นหนุ่มน้อย เขาเริ่มรู้สึกอึดอัดที่ต้องเปลือยร่างกายให้ผู้อื่นได้เห็น จึงต้องแอบไปอาบน้ำก่อนทุกคราว มีคราหนึ่งเขาจำต้องอาบน้ำพร้อมกับศิษย์พี่ใหญ่
ชายหนุ่มรู้สึกตนเองเกิดความคิดอันไม่สมควรกับรูปร่างกำยำล่ำสันของศิษย์พี่ เขาใคร่อยากจะสัมผัสและรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องในคราวเดียวกัน ทุกครั้งที่เกิดความรู้สึกทางเพศ เขามักจะนึกถึงร่างนั้นอยู่เสมอ
...ความลับนี้เขาเก็บไว้กับตัวมานานหลายปี...
พี่น้องผู้อื่นล้วนคิดว่าเขาเป็นคนรักสันโดษจึงไม่รบกวนเรื่องนี้ นานวันเข้าเขาก็ใช้ขอรางวัลในการทำงานเป็นเรือนเล็กแยกตัวไปอยู่โดดเดี่ยว จากนั้นเขาก็มีห้องอาบน้ำแยกใช้ส่วนตัว
“เจ้าบ้า! เจ้าคนชั่ว!”
หลิ่วจิงเผลอสบถออกมาเมื่อนึกถึงตอนที่ตนถูกไฉปิงค้นพบจุดอ่อน
***********************
