ข้าจะล่อลวงนักฆ่า(BL)

60.0K · จบแล้ว
ซีฟางกั๋วเจีย/เอสเต้
21
บท
908
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เป็นนิยายวายแนวชายรักชาย ในยุคจีนโบราณ ผู้อ่านควรมีอายุ 18 ปีขึ้นไป เป็นเรื่องที่ตัดมาจากส่วนหนึ่งของเรื่อง “เว่ยเว่ยสาวน้อยสลับวิญญาณ” เล่ม 4 เกี่ยวกับไฉปิงซึ่งเป็นคนสนิทของนายท่านเยว่หลวนคุน คืนหนึ่งเขาถูกนักฆ่าบุกเข้าไปในห้องนอน แทนที่จะได้ฆ่าไฉปิง นักฆ่าอันดับหนึ่งผู้นั้นกลับถูกเขาซัดผงบางอย่างเข้าใส่ จากนั้นก็ถูกไฉปิงจับตัวเอาไว้…เพื่อล่อลวง ================== นิยายซีรีย์นี้มี 3 เรื่องต่อกันคือ 1) ข้าจะล่อลวงนักฆ่า 2) ข้าจะล่อลวงมือปราบ 3) ข้าจะล่อลวงขุนพล

นิยายจีนโบราณนิยายรักนิยายย้อนยุค

บทที่ 1 นักฆ่าอันดับหนึ่ง

สวบสาบ! สวบสาบ!

แม้เสียงข้างหลังจะเบาเพียงใด ไฉปิงก็ยังสามารถได้ยิน

เมื่อครู่เขาเพิ่งเดินออกจากห้องนายท่านเยว่ ครั้นได้ยินเสียงฝีเท้าที่เบากว่าเสียงเดินของธรรมดา ชายหนุ่มก็พลันชะงัก

‘ที่จวนใหญ่ที่มียามเฝ้าขนาดนี้ก็มีคนคิดจะแอบเข้ามาด้วยหรือนี่?’

เยว่หลวนคุนเจ้านายของเขาถูกญาติผู้น้องว่าจ้างโจรมาเพื่อลอบฆ่าระหว่างทางที่ไปติดต่อค้าขาย เคราะห์ดีที่เขากับเจ้านายรอดชีวิตมาได้ จากนั้นได้รับความช่วยเหลือจากเถ้าแก่ซิวแห่งเมืองฉู่จิ้ง

นายท่านเยว่ตอนนี้ยังเดินได้ไม่ถนัด ต้องใช้ไม้เท้าช่วยค้ำ ส่วนเขามีบาดแผลพอประมาณ พวกเขาติดตามซิวหลวนซานกับท่านหญิงจีน้อยเข้ามาในเมืองหลวงเพื่อที่จะเปิดโปงเยว่เชา ญาติผู้น้องที่แสนชั่วผู้นั้น!

ไฉปิงก้าวเท้าเร็วขึ้น เขาไม่ได้ยินเสียงข้างหลังอีกแล้ว เห็นทีคนผู้นั้นคงจะคอยสังเกตดูว่าเขาจะเข้าห้องใด

ฟุ่บ!

ชายหนุ่มร่างสูงเนื้อตัวแกร่งไปด้วยกล้ามเนื้อรีบเป่าเทียนเพื่อให้ในห้องมืดมิดก่อนจะล้วงเอาขวดกระเบื้องเล็กๆ ใต้หมอนมากำไว้

แอ้ด....!

หน้าต่างถูกแง้มออก เสียงกระโดดลงพื้นเบาราวกับเสียงเท้าแมวดังขึ้นเหนือศีรษะ ร่างในชุดดำที่ถือกระบี่ปลายหักวาววับไว้ในมือเดินตรงมายังบุรุษที่นอนหันหลังบนเตียง

หลิ่งจิงที่ถูกฝึกมาให้มองเห็นแม้ในความมืด ย่องเข้าไปยังเตียงที่อยู่ติดผนังอย่างช้าๆ แผ่นหลังของร่างใหญ่ตรงหน้าขยับเบาๆ บ่งบอกว่าเจ้าของร่างกำลังเข้าสู่นิทรา

นักฆ่าอันดับหนึ่งถึงกับกระหยิ่มยิ้มย่อง

‘ภารกิจคืนนี้ช่างง่ายนัก ไฉปิงเจ้าคนชั่ว นอนคุดคู้ราวกับหมูตายอยู่บนเตียงเช่นนี้ หากข้าเสียบกระบี่เข้าไป จวบจนวิญญาณมันหลุดออกจากร่างก็ยังไม่รู้ว่าถูกผู้ใดฆ่า?’

ฟู่....!

ยังไม่ทันจะได้ปักปลายกระบี่เข้าใส่บุรุษที่นอนอยู่ ควันสีขาวกลุ่มหนึ่งก็ถูกซัดเข้ามาตรงหน้า

เคร้ง!

กระบี่ที่ถืออยู่หล่นลงกระทบพื้น ร่างของนักฆ่าอันดับหนึ่งคว่ำลงบนเตียง ไฉปิงพลิกร่างหลบกลิ้งไปด้านใน

“คิดจะฆ่าข้า เจ้าคงต้องไปฝึกมาอีกหลายปีหน่อย”

จอมเจ้าเล่ห์ดีดตัวลุกขึ้น กระโจนออกไปยังโต๊ะกลมกลางห้อง จุดเทียนขึ้นแล้วถือกลับมายังเตียงนอน มือหนึ่งกระชากร่างที่คว่ำหน้าอยู่ให้แหงนหงายขึ้น แต่พอเห็นใบหน้านั้นถนัดชัดเจน มือของไฉปิงกลับชะงัก…ที่คิดจะผลักร่างนั้นลงกับเตียงก็กลายเป็นวางลงอย่างอ่อนโยน

‘ถูกใจข้านัก เห็นทีต้องเก็บเจ้าเอาไว้ก่อน ค่อยหาวิธีล่อลวงทีหลัง’

เขาวางเชิงเทียนไว้บนโต๊ะแล้วเก็บเอากระบี่ที่หล่นอยู่พื้นขึ้นมาพิจารณา กระบี่ปลายหักที่คมกริบวาววับเช่นนี้ ไฉปิงไม่เคยเห็นมาก่อน เขาเอามันไปโยนใส่ไว้ในหีบข้างห้อง แล้วหยิบเอาตลับยาในถุงผ้าที่ซ่อนไว้ล่างสุดออกมา

“เด็กน้อย เจ้ากินยานี้ไปก่อนก็แล้วกัน เจ้าจะได้นอนอย่างสงบสักหน่อย”

เจ้าของห้องยัดเม็ดยาลูกกลอนเล็กๆ ใส่ปากของผู้บุกรุก ก่อนจะถอดเสื้อผ้าของคนผู้นั้นออกทั้งหมดเพื่อป้องกันถูกคนผู้นี้ลอบกัด ทว่าเมื่อเห็นรูปร่างที่ซ่อนอยู่ภายในเสื้อผ้า ไฉปิงก็ถึงกับกลืนน้ำลายดังเอื๊อก

ร่างขาวผ่องเรียวที่มีกล้ามเนื้ออัดแน่นไปทั้งเนื้อทั้งตัวนั้น เขาไม่เคยเห็นมาก่อน มือใหญ่หนาลูบตรงเนินหน้าอกของนักฆ่าเบาๆ

“เจ้าต้องการชีวิต ข้าต้องการร่างกายเจ้า ข้อแลกเปลี่ยนของเราช่างเหมาะสมกันดีเหลือเกิน”

ไฉปิงสวมเสื้อผ้าของเขาให้กับร่างแข็งแกร่งที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง เมื่อสวมเสร็จเขาก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ เสื้อผ้าของเขากลายเป็นตัวใหญ่หลวมโพรก

“พวกเรานอนกันได้แล้วล่ะ”

หลิ่วจิงรู้สึกตัวในช่วงก่อนเช้ามืด เขารู้สึกอัดอึดยิ่งนัก เมื่อปรับสายตาในความมืดได้ก็พบว่าข้างหน้าของตนคือแผ่นอกกว้างของคนผู้หนึ่ง ครั้นคิดจะดิ้นแขนขาของเขากลับไม่ขยับแม้แต่น้อย

ทว่าชายหนุ่มกลับไม่กล้าส่งเสียง เขาเกรงว่าคนชั่วผู้นี้จะรู้สึกตัวขึ้นมาเสียงก่อน หลิ่วจิงจำได้ว่าก่อนที่เขาจะหมดสติไป เขากำลังเงื้อกระบี่ปลิดพยัคฆ์จะฆ่าคนผู้นี้แต่กลับมีควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นมา

‘นี่ข้า...พลาดท่าให้เจ้าคนผู้นี้แล้วหรือ?’

นักฆ่าอันดับหนึ่งเกร็งลมปราณภายในแต่กลับไม่เป็นผล ทุกเส้นสายภายในร่างกายของเขาไม่ตอบสนอง ราวกับร่างกายนี้มิใช่ของตน

“เจ้าตื่นแล้วหรือ? ตื่นไวเสียจริง สมแล้วที่เป็นนักฆ่า”

“เจ้าคนชั่ว! เจ้าทำสิ่งใดกับข้า?” หลิ่วจิงคิดจะเงยหน้าขึ้นมองบุรุษน้ำเสียงทุ้มที่กอดรัดเขาไว้

“เจ้าอยากจะเห็นหน้าข้าล่ะสิ ได้เลย เดี๋ยวข้าจุดเทียนให้เจ้าดูเอง”

ไฉปิงคลายอ้อมกอดแล้วลุกไปจุดเขียนที่อยู่บนโต๊ะ จากนั้นก็ถือมาตรงหน้าของนักฆ่าหนุ่มน้อยใบหน้าคมคาย

“เห็นหน้าข้าชัดหรือยัง?”

“ไฉปิง! เจ้าคนเลว!”

“คำก็ชั่ว สองคำก็เลว แล้วเจ้าล่ะ? เจ้ารู้ชื่อข้าเช่นนี้ ผู้ใดว่าจ้างเจ้าให้มาตามฆ่าข้า? พูด!”

น้ำเสียงตะคอกดุดันนั้น ไม่ทำให้หลิ่วจิงหวาดกลัวแม้แต่น้อย ไฉปิงเห็นแววตาเมินเฉยของนักฆ่าหนุ่มน้อยก็พยักหน้า

“ข้าข่มขู่เจ้าก็คงไม่เป็นผล ข้าลืมไปได้อย่างไรว่าเจ้าเป็นนักฆ่า? เอาเถิด..ในเมื่อเจ้าตกอยู่ในกำมือข้าเยี่ยงนี้ เราคงจะหาวิธีตกลงกันได้ในสักวัน”

“ในเมื่อข้าพ่ายแพ้แล้ว จะฆ่าจะแกงก็เชิญเลย ไม่ต้องพูดจาให้มากความ”

รอยยิ้มแสยะของไฉปิงทำให้นักฆ่าอย่างหลิ่วจิงรู้สึกขนลุกเกรียว เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอเหยื่อที่น่ากลัวเช่นนี้

“ข้าเจ้าหรือ? เห็นทีจะง่ายเกินไป สู้ดี...เก็บเจ้าไว้ทรมานจนข้าพอใจก่อน ค่อยฆ่าเจ้าไม่ดีกว่าหรือ?”

นักฆ่าอันดับหนึ่งถึงกับชะงัก เขาจำได้ว่าตอนที่ถูกว่าจ้างให้มาข้าคนผู้นี้ หัวหน้ากลุ่มบอกเขาว่าไฉปิงเป็นคนสารเลวชั่วช้าที่คอยรับใช้เยว่หลวนคุนพ่อค้าหน้าเลือด คนผู้นี้เคยข่มเหงสาวใช้ในคฤหาสน์แล้วโบยตีพวกนางอย่างทารุณก่อนจะส่งไปขายยังหอคณิกา บัดนี้เขาตกอยู่ในกำมือคนชั่วช้า เห็นทีความอดทนที่ถูกฝึกฝนมาจะต้องถูกนำมาใช้เสียแล้ว

“เจ้ามัน...มันเลวยิ่งกว่าปีศาจ!”

ไฉปิงหัวเราะพอใจ “ตั้งแต่เกิดมา ข้าเพิ่งเคยได้ยินคนด่าข้าแรงอย่างนี้ แต่แปลกนะ พอเจ้าเป็นคนด่า ข้ากลับรู้สึกชอบใจ”

ป๊อก! ป๊อก!

เสียงเคาะกระบอกไม้ไผ่ดังรัวเป็นการเรียกให้บ่าวและสาวใช้ในจวนทั้งหมดตื่นเพื่อเตรียมตัวทำงาน ไฉปิงหันไปวางเชิงเทียนบนโต๊ะ

“ข้าไม่มีเวลาหยอกล้อกับเจ้าแล้ว คงต้องไปรับใช้นายท่านก่อน เจ้านอนรออยู่ที่นี่ไปก็แล้วกัน สายหน่อยข้าจะเอาข้าวมาให้กิน”

หลิ่วจิงถลึงตาใส่บุรุษร่างใหญ่ที่เขาหมายจะเอาชีวิต แต่คนผู้นั้นกลับมิได้ใส่ใจเขาอีกต่อไป ไฉปิงหันไปตักน้ำจากถังที่อยู่ริมห้องใส่อ่างไม้ที่ตั้งบนโต๊ะแล้วใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดใบหน้า ลำคอ และมืออย่างรวดเร็วแล้วออกจากห้องไป

นักฆ่าหน้าหยกที่นอนหลับตาปริบๆ อยู่บนเตียงได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนี้เขาจะมีเวลาหาทางหนีออกไปจากที่นี่แล้ว

“นายท่าน วันนี้ท่านดูขาแข็งแรงกว่าเมื่อวานนะขอรับ”

“อืม...วิธีที่ท่านหญิงจีบอกข้านับว่าได้ผล”

“หือ? เดี๋ยวนี้ท่านเชื่อฟังนางมากเชียวขอรับ”

เยว่หลวนคุนตวัดสายตาดุมามองผู้ติดตามของตน

“เป็นเพราะเจ้ามิใช่หรือ? บอกให้ข้าโอนอ่อนผ่อนตามนางน่ะ ข้าก็ทำเพราะหวังว่านางจะเลิกปักใจในตัวข้าเสียที”

ไฉปิงยิ้มน้อยๆ แล้วผงกศีรษะรับ เขาเห็นว่าท่านหญิงจีเซี่ยงอี๋กับนายท่านของเขาช่างรูปงามเหมาะสมกันยิ่ง ที่ผ่านมาทั้งคู่เอาแต่พูดจาแดกดันประชดประชันกัน เขาจึงได้หลอกนายท่านเยว่ของเขาว่าเป็นเพราะท่านหญิงจีแอบชอบนายท่านนางจึงได้เรียกร้องความสนใจ จากนั้นเขาก็แนะนำให้นายท่านยอมโอนอ่อนผ่อนตามนาง เพื่อให้นางมองว่าเยว่หลวนคุนไม่น่าสนใจอีกต่อไป

...แต่หารู้ไม่ว่ากลับเป็นการทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันยิ่งขึ้น...

“ทำเช่นนี้ต่อไปดีแล้วขอรับ ในเมื่อนายท่านกลายเป็นบุรุษเรื่อยเฉื่อย อีกไม่นานท่านหญิงก็จะเลิกสนใจท่านไปเองเพราะนางจะมองว่านางเป็นสหายผู้หนึ่งแทน”

“อืม...ความคิดสตรีช่างซับซ้อนนัก”

ไฉปิงก้มหน้าลอบยิ้ม นายท่านเยว่หยวนคุนของเขาเก่งกาจเรื่องการค้า ส่วนของสตรีนั้นกลับเรียกได้ว่าอ่อนด้อย

‘บุรุษใสซื่อเช่นนี้จึงจะเหมาะกับสตรีซื่อสัตย์กล้าหาญอย่างท่านหญิง’

“พูดถึงท่านหญิง ท่านหญิงก็มาขอรับ นางเดินมาโน่นแล้ว ข้าน้อยต้องขอตัวก่อนล่ะ นายท่านอย่าลืมทำตัวให้ว่าง่ายเอาไว้นะขอรับ”

“ได้! ข้าต้องรีบทำตัวให้นางเบื่อข้าเร็วๆ”

*********************