บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 กระบี่ปลิดพยัคฆ์

เมื่อเชลยถูกรีดเค้นท่อนล่างจนปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นออกมาแล้ว ไฉปิงก็ปล่อยมือแล้วคว้านหาผ้าที่อยู่ก้นอ่างขึ้นมาเช็ดส่วนล่างทุกซอกทุกมุมให้กับนักฆ่าหนุ่มรูปงาม

“คนชั่ว! เจ้ามัน....”

ไฉปิงยิ้มกว้าง “เจ้าชอบก็บอกมาเถอะ เจ้าว่าข้าจูบเก่งหรือไม่? มือของข้าเล่า? ทำหน้าที่ได้ดีหรือไม่?”

หลิ่วจิงแค้นแทบกระอักเลือด เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ผิวหน้าซับสีระเรื่อขึ้นมาอีกครา นี่เขา...เขาถูกบุรุษผู้นี้ชิงเอาความบริสุทธิ์ไปเสียแล้ว

“ข้าดีใจจริงที่ได้เป็นคนแรกของเจ้า”

“ดีใจบ้าอันใด? เจ้าบังคับข่มเหงข้า”

“เจ้าก็ควรดีใจด้วยเช่นกัน เพราะเจ้าเป็นคนแรกที่ข้าได้บังคับข่มเหง คนที่ผ่านๆ มา ล้วนแต่เสนอตัวให้ข้าเองทั้งนั้น”

หลิ่วจิงตาเบิกโพลง “มิใช่ว่าเจ้าข่มเหงสตรีพวกนั้นตามใจหรอกหรือ?”

“ข่มเหงสตรี? ข้าจะไปข่มเหงพวกนางทำไม? ข้าไม่เคยอยากแตะต้องสตรีเลยสักครั้ง ข้าชอบแตะต้องบุรุษมากกว่า โดยเฉพาะบุรุษรูปร่างหน้าตางดงามอย่างเจ้า” แววตาส่อนัยพิศวาสของไฉปิง ทำเอาหลิ่วจิงต้องหลบวูบ

“เจ้าเป็นบุรุษตัดแขนเสื้อหรอกหรือนี่?”

“ก็ใช่น่ะสิ และที่เจ้ารอดชีวิตก็เพราะ....” มือเรียวใหญ่ไล้ไปตามใบหน้างดงามของนักฆ่าที่นอนอ่อนระทวยอยู่บนเตียง “เจ้าถูกใจข้ามาก”

“บัดซบ! เอามือเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้!”

“ได้อย่างไร? เจ้าขยับไม่ได้อย่างนี้ เดี๋ยวข้าสวมเสื้อผ้าให้” ไฉปิงผละออกจากร่างบนเตียงที่เขาเพิ่งเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ หันไปหยิบเอาชุดที่เตรียมไว้ “ทนใส่ชุดของข้าไปก่อนนะ อาจจะขนาดไม่พอดีตัวสักหน่อย เดี๋ยวบ่ายนี้ข้าจะออกไปซื้อให้เจ้าใหม่”

หลิ่วจิงเบือนหน้าหนีด้วยความอับอายขณะที่ไฉปิงสวมเสื้อผ้าให้เขา

‘ข้ามันซวยเอง มาเจอเหยื่อเจ้าเล่ห์อย่างเจ้า อย่าให้ข้าหลุดออกไปได้เชียว ข้าจะตัดลิ้นและตัดมือของเจ้าแล้วสับมันให้เละ’

“นี่คงคิดจะตัดมือข้าทิ้งล่ะสิ หากข้าไม่มีมือแล้วจะป้อนข้าวเจ้าได้หรือ? ไหนจะต้องรับใช้ร่างกายของเจ้าอีกเล่า?”

สายตาของไฉปิง จับจ้องไปที่กล่องดวงใจของหลิ่วจิงอย่างมีความหมาย

“เจ้าจะไปไหนก็ไป?”

“จะไปไหนเล่า? นี่ยามนอนแล้ว มาๆ เจ้ามานอนในอ้อมกอดข้าเถิด”

นักฆ่าหนุ่มจ้องศัตรูราวจะกินเลือดกินเนื้อ

“ระวังไว้เถอะ หากเจ้านอนหลับข้าจะกัดใบหูเจ้าให้ขาด จะกัดปากของเจ้าให้กระจุย”

“อืม...ถ้าเจ้าคิดจะทำเช่นนั้น ข้าก็คงต้องป้องกันตัวไว้ก่อน”

ไฉปิงเดินไปค้นในหีบกุกกักอยู่ครู่หนึ่งก็เดินกลับมาพร้อมด้วยสายผ้าแถบขนาดกว้างสองนิ้ว เขาคาดมันลงระหว่างริมฝีปากบนและล่างของหลิ่วจิงแล้วมันไว้ด้านหลังศีรษะ

“แบบนี้เจ้าก็คงจะกัดข้าไม่ได้แล้วสินะ แต่รู้ไหม? ข้ายังกัดเจ้าได้อยู่” กล่าวจบเขาก็ก้มลงดูดเม้มริมฝีปากล่างของหลิ่วจิง

นักฆ่าหนุ่มถึงกับตกตะลึง ไฉปิงไม่เพียงแต่ดูดเม้มริมฝีปากล่างและบนของเขาเท่านั้น หากแต่ยังจูบไปทั่วใบหน้าและเลยไปดูดเม้มใบหูทั้งสองข้าง จนหลิ่วจิงหายใจไม่ทั่วท้อง

“แค่นี้ก็แล้วกัน เจ้าหน้าแดงไปถึงคอแล้ว”

คนที่นอนอยู่ใต้ร่างใหญ่ หอบหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ในใจก็นึกละอายที่ถูกศัตรูทำให้จิตใจเตลิด เผลอไผลไปกับการสัมผัสที่เพิ่งจะเคยพบเจอ

ไฉปิงล้มตัวลงกอดนักฆ่าหนุ่มเอาไว้แนบอก

“มีตุ๊กตาตัวใหญ่อย่างเจ้าอยู่บนเตียงนี่ดีจริง ยามหนาวเช่นนี้ช่างอุ่นดีกว่าห่มผ้าตั้งเยอะ”

“เจ้าคงต้องนอนในหีบไปสักพักนะ วันนี้เราต้องย้ายที่พักด่วน”

หลิ่วจิงยังไม่ได้ตอบโตสักคำ ไฉปิงก็หันไปที่หีบใหญ่ที่เขาเพิ่งสั่งให้คนมาส่งเมื่อเช้า ขอบด้านข้างของหีบมีรอยฉลุเป็นลวดลายใบไม้ทั้งสองข้าง

“รูเท่านี้เจ้าก็น่าจะพอหายใจได้ มาเถอะนายท่านสั่งให้รีบแล้ว” มือเรียวใหญ่ควักเอายาลูกกลอนสีขาวออกมา

“นี่เจ้า คิดจะฆ่าข้าหรือ?” ในใจของหลิ่วจิงคิดว่าไฉปิงหมายจะฆ่าเขาแล้วอำพรางศพออกไปทิ้ง

“แค่ทำให้เจ้าหลับเท่านั้น”

เมื่อยัดยาเม็ดนั้นเข้าไปในปากของหลิ่วจิงได้ไม่ถึงครึ่งเค่อ นักฆ่าหน้าหยกก็หลับสนิท ไฉปิงรีบอุ้มคนผู้นั้นเข้าไปในหีบ จัดแจงเอาผ้าห่มคลุมแล้วเอาชุดมาทับเพื่อบังไว้

ครั้นถึงตอนที่สั่งให้บ่าวรับใช้คนอื่นมาช่วยขนหีบ ไฉปิงก็ยืนกำกับอยู่ใกล้คอยระวังไม่ห่าง

“พวกเจ้าระวังหน่อย ของมีค่าของข้า เกิดแตกขึ้นมาล่ะก็ยุ่งเชียว”

นายท่านเยว่ของเขายืนใช้ไม้เท้าค้ำอยู่ข้างคุณชายซิวซึ่งเป็นเจ้าของจวนที่ให้พักอาศัย ทว่าเมื่อตอนสายท่านหญิงจียืนยันว่าพบร่องรอยการบุกเข้ามาในจวนสกุลซิว นางคาดว่าน่าจะเป็นนักฆ่าจึงเสนอให้ย้ายไปพักที่วังจีซึ่งเป็นบ้านของนาง

เยว่หลวนคุนมองเห็นบ่าวรับใช้ของเขาสั่งขนหีบใหญ่หีบน้อยหลายใบก็นึกฉงน

“ไฉปิง พวกเรามีข้าวของเยอะเพียงนั้นเชียวหรือ?”

“นายท่านขอรับ ของสำคัญพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ท่านหญิงจีกับคุณชายซิวมอบให้มา ข้าน้อยจึงต้องรักษาอย่างดีขอรับ”

ไฉปิงเกรงว่านายท่านของเขาอาจจะอยากเห็นสิ่งที่อยู่ในหีบจึงได้รีบเดินไปยังรถม้าสำหรับขนข้าวของ ดีที่คุณชายซิวรีบชวนเยว่หลวนคุนขึ้นบนรถม้า การโยกย้ายจึงได้เริ่มต้นขึ้น

วังสกุลจีเป็นวังเก่าแก่ ไฉปิงไปเลือกเอาเรือนหลังเล็กที่อยู่ไม่ไกลจากเรือนพักของนายท่านเยว่นัก จะว่าไปก็มิใช่ว่าเลือก เรือนนั้นเป็นเรือนที่บ่าวและสาวใช้ในวังจีไม่กล้ามาอยู่เสียมากกว่า จึงกลายเป็นเรือนเกือบจะร้าง นานๆ ทีจะมีคนแวะเวียนมาทำความสะอาด

“เจ้าจะพักอยู่เรือนนี้แน่หรือไฉปิง?”

“ขอรับ ได้เรือนอยู่ส่วนตัวเช่นนี้ดียิ่งนัก จะได้ไม่ต้องมีคนมากวนใจ”

เยว่หลวนคุนที่ใช้ไม้เท้าสองอันค้ำเดินมาดูเรือนที่อยู่หลังต้นไม้รกครึ้ม ซ้ำยังดูวังเวงแล้วถึงกับส่ายหน้า

“แล้วแต่เจ้าก็แล้วกัน”

เยว่หลวนคุนที่ถูกท่านหญิงจีบังคับให้ไปนอนห้องริมสุดเรือนเดียวกับนาง เกรงว่าจีเซี่ยงอี๋จะคิดไม่ซื่อเข้าหาตนเพราะหวังร่างกาย จึงได้พยายามหว่านล้อมให้บ่าวรับใช้คนสนิทอย่างไฉปิงไปนอนในห้องเป็นเพื่อน แต่ไฉปิงกลับปฏิเสธและเลือกพักที่เรือนที่ดูสยองนี้แทน

“ยังกับบ้านผีสิงเจ้ายังอยากจะพักอยู่อีก” นายท่านเยว่บ่นพึมพำขณะใช้ไม้เท้าค้ำกลับไปยังเรือนของพักของท่านหญิงจี “ข้าเล่า? ข้าจะรอดพ้นมือนางหรอกหรือ? สตรีบ้า ไม่รักชื่อเสียงตนเองสักนิด บังคับให้บุรุษมานอนร่วมเรือนตนเองได้”

ไฉปิงอุ้มร่างที่นอนคุดคู้อยู่ในหีบออกมาวางบนเตียงอย่างเบามือ ฤทธิ์ยาคงจะคลายในไม่ช้า เขาคำนวณว่ายาอ่อนแรงใกล้จะหมดฤทธิ์จึงได้คว้าเอาขวดใหม่มาเปิดแล้วหยิบยาเม็ดลูกกลอนใส่ปากนักฆ่าหนุ่ม

“แม้ยานิทราจะหมดฤทธิ์ แต่เจ้าก็ต้องกินยาอ่อนแรงต่อไปอีกสักหน่อย เอาไว้เจ้าเป็นเด็กดีแล้ว ข้าก็จะไม่ใช้ยากับเจ้าแล้ว”

ใบหน้าของนักฆ่าหน้าหยกในยามหลับสนิทดูไปแล้วก็ไม่น่าจะเป็นคนมีพิษสง แต่ไฉปิงรู้ดีว่าเขาไม่อาจจะเผลอไผล ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นตนเองที่กลายเป็นศพ

ไฉปิงออกจากวังจีไปหาซื้อเสื้อผ้าขนาดที่พอดีกับหลิ่วจิงให้เขาสามชุด ส่วนเสื้อผ้าชุดเก่าของนักฆ่าหนุ่มเขาเอาไปเลาะดูอย่างละเอียด พบอาวุธลับซ่อนอยู่หลายแห่ง รวมทั้งยาพิษอีกสองอย่าง

“เจ้ามันพิษสงรอบตัว เห็นทีจะต้องเก็บแยกให้มิดชิด”

อาวุธและสิ่งอันตรายทั้งหมด ไฉปิงแยกเก็บในหีบที่ใส่กุญแจไว้อย่างแน่นหนา แต่เขาก็ซ่อนยาสองสามอย่างเอาไว้กับตัวและในห้องนอนเผื่อเกิดเรื่องไม่คาดฝัน

ครั้นกลับมาแล้ว ไฉปิงก็ไปหาท่านหญิงจีน้อยที่ห้องทำงานของนาง

“นายท่านเยว่เป็นอันใดหรือ?”

จีเซี่ยงอี๋ผุดลุกขึ้นอย่างร้อนใจเมื่อเห็นไฉปิงเดินเข้าประตูห้องทำงานของนางมา

“ท่านหญิงเป็นห่วงนายท่านถึงเพียงนี้ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนักขอรับ”

“เอ๋? เจ้ามิได้มาเพราะเรื่องเขาหรือ?”

“ขอรับ ข้าก็แค่มีเรื่องอยากมาขอคำแนะนำจากท่านหญิง”

จีเซี่ยงอี๋ถอนหายใจอย่างโล่งอก นางต้องทำหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยของเยว่หลวนคุน และเพราะเห็นร่องรอยนักฆ่าที่พยายามบุกเข้าจวนสกุลซิวครั้งก่อนจึงเกรงว่าเขาจะเป็นอันตราย

“มีอันใดก็ว่ามาเถิด?”

ไฉปิงยื่นภาพวาดรูปกระบี่ปลายหักให้ท่านหญิงจีน้อยได้ดู

“นี่มันกระบี่ปลิดพยัคฆ์นี่? ข้าได้ยินว่าเป็นของนักฆ่าอันดับหนึ่งของกลุ่มสิบนักฆ่าคุณธรรม”

“ท่านหญิงรู้จักด้วยหรือขอรับ?”

หญิงสาวในชุดงดงามพยักหน้า “เจ้าไปเห็นมันที่ใด?”

*********************

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel