บทที่ 4 น่าสงสัย
อี้เจียหนานอยากพิสูจน์ความรู้สึกของตนเองที่มีต่อเหยาโม่หลินจึงได้เรียกให้เหยาโม่หลินมาดูแลตนอยู่ที่กระโจมที่พัก
เหยาโม่หลินรู้สึกแปลกใจที่ถูกเรียกให้เข้ามาหา ครั้งก่อนอี้เจียหนานยังบอกกับเขาให้ฝึกทหารไปเสียก่อนสักพัก เมื่อผ่านการฝึกขั้นพื้นฐานค่อยมาเป็นทหารรับใช้ จู่ๆ ก็เรียกมาเช่นนี้ช่างน่าแปลกนัก
“เจ้าตามข้าไปอาบน้ำหน่อย”
“หะ!” นักฆ่าหนุ่มตกตะลึง
“ข้าหมายถึงให้เจ้าถือเสื้อผ้าและของใช้ตามไปดูแลข้าที่ริมแม่น้ำ ข้าจะไปอาบน้ำ”
“ขอรับ” เหยาโม่หลินได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มเก้อออกมา
ทหารรับใช้คนใหม่รีบถือเอาอ่างไม้แล้วไปหยิบเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ของอี้เจียหนานและผ้าเช็ดตัวของเขาใส่เข้าไป ก่อนจะเดินตามหลังขุนพลหนุ่มร่างใหญ่ไปยังริมแม่น้ำ
พวกทหารขึงผ้าเป็นคล้ายห้องสี่เหลี่ยมเอาไว้ใกล้ริมตลิ่งเพื่อให้เปลือยกายอาบน้ำได้สะดวก ลึกเข้าไปจะเป็นห้องส้วมชั่วคราว
เหยาโม่หลินยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้าห้องน้ำ ในยามที่ออกภาคสนามอย่างนี้ไม่มีน้ำอุ่นให้อาบ อี้เจียหนานจึงสั่งให้ทหารรีบอาบน้ำตั้งแต่หัวค่ำ โดยที่ตัวเขามักจะมาอาบเป็นคนท้ายๆ
“เจ้าเข้ามาถูหลังให้ข้าที”
เหยาโม่หลินได้ยินถึงกับผงะ แต่เมื่อนึกได้ว่าสหายทหารบอกเขาไว้ว่าขุนพลอี้เป็นคนรักสะอาด มักจะอาบน้ำนานกว่าผู้อื่น เหยาโม่หลินจึงได้เดินหน้าคว่ำเข้าไปในห้องอาบน้ำ
“เร็วเข้าสิ! ข้าหนาวนะ”
มือเรียวขาวถูคอและหลังให้อี้เจียหนานอย่างระมัดระวัง เหยาโม่หลินพยายามไม่มองต่ำ ทว่ากลับอดไม่ได้ที่จะมองบั้นท้ายแข็งแกร่งของขุนพลหนุ่ม นักฆ่ารูปงามถึงกับลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นสรีระงดงามของคนตรงหน้า
...เขาช่างสมกับเป็นวีรบุรุษสงคราม กล้ามเนื้อสวยยิ่งนัก...
“ถูแขนด้วย”
อี้เจียหนานเคลิบเคลิ้มกับการปรนนิบัติของเหยาโม่หลิน เขารีบกางแขนออกสองข้างเพื่อเหนี่ยวรั้งให้เหยาโม่หลินอยู่กับตนให้นานกว่าเดิม
นักฆ่าหนุ่มตักน้ำราดตัวให้กับขุนพลหนุ่มแล้วค่อยๆ ขัดถูแขนให้เขา ในใจก็นึกแช่งชักหักกระดูก
‘ข้าเคยรับใช้ผู้อื่นที่ใดกัน? ให้ข้าหาพี่ชายเจอก่อนเถิดอี้เจียหนาน’
ขณะกำลังคิดเพลินๆ อี้เจียหนานก็หันหน้ามาหาเขา
“ถูกหน้าอกกับขาให้ขาด้วย”
ใบหน้าของเหยาโม่หลินกลายเป็นสีชมพูระเรื่อเมื่อได้สบตากับขุนพลหนุ่ม ช่วงอกของเขากล้ามเนื้อแน่นเป็นรูปนูนชัด เหยาโม่หลินพยายามเงยหน้าเอาไว้เพราะเกรงว่าตนเองจะเห็นสิ่งที่ไม่ควรเข้า
มือของนักฆ่าหนุ่มสั่นเล็กน้อย ชั่วชีวิตของเขายังไม่เคยอยู่ใกล้ชิดบุรุษอื่นที่มิใช่สหายนักฆ่าเช่นนี้มาก่อน
...นี่ข้าหวั่นไหวกับอี้เจียหนานอย่างนั้นหรือ?...
เหยาโม่หลินเผลอก้มหน้าเล็กน้อย แต่พอเห็นส่วนล่างอันใหญ่เกินขนาดมาตรฐานของขุนพลอี้ก็หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม มือสั่นจนทำผ้าถูตัวหล่นลงพื้น
เห็นเช่นนั้นอี้เจียหนานก็รีบหันหลังกลับ
“พอแล้ว เจ้าออกไปได้ เดี๋ยวข้าอาบน้ำเอง!”
นักฆ่าหนุ่มเดินออกมายืนหน้าห้องน้ำอาบด้วยใจเต้นรัวปานกลองศึกที่กำลังถูกย่ำรัวๆ
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
เขานึกถึงสิ่งที่ศิษย์น้องคนที่สิบและศิษย์น้องคนที่เก้าเล่าให้ฟัง
‘นี่ข้าเองก็เป็นต้วนซิ่วด้วยหรือ?’
ศิษย์น้องทั้งสองล้วนเป็นบุรุษงดงามที่ได้พบรักและแต่งงานไปแล้ว ในครานั้นเหยาโม่หลินเองก็มิได้คิดว่าตนเองจะชมชอบบุรุษด้วยเช่นกัน ที่ผ่านมาเขาเห็นสตรีงดงามก็นึกชอบและเห็นบุรุษหน้าตาดีก็ชื่นชม
แต่ครั้งนี้...ไม่เหมือนกับทุกคราว
เหยาโม่หลินยกมือขึ้นกุมหน้าอกที่เต้นแรงยังไม่หยุด ยิ่งนึกถึงเรือนร่างเปลือยเปล่าของคนที่อยู่ในห้องอาบน้ำก็ยิ่งตื่นเต้น พลันเขาก็รู้สึกถึงความคึกคักที่ส่วนล่างของตนเอง
‘หยุดนะเจ้าเหยาน้อย เจ้าต้องสงบใจเข้าไว้’
ข้างในห้องอาบน้ำ ขุนพลอี้รีบจ้วงตักน้ำราดตัวเองเพื่อให้จิตใจสงบ ร่างกายของเขาตอบสนองต่อใบหน้าเขินอายของเหยาโม่หลินอย่างน่าตกใจ
“ส่งผ้าเช็ดตัวมา!”
เหยาโม่หลินสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ เขารีบยื่นผ้าเช็ดมือส่งให้กับอี้เจียหนาน ปลายนิ้วของคนทั้งสองสัมผัสกัน พลันความร้อนก็วิ่งผ่านไปยังร่างอีกฝ่าย เหยาโม่หลินรีบปล่อยมืออย่างเร็ว
ครู่หนึ่งอี้เจียหนานก็เรียกเอาเสื้อผ้า เมื่อเขาแต่งกายเรียบร้อยออกมาจากห้องอาบน้ำก็ทำหน้าขรึมแล้วเดินนำกลับไปยังกระโจม
ตกหัวค่ำ โจวเฉินถือเอาห่อขนมมาหาเหยาโม่หลิน
“ข้าออกไปที่ตำบลใกล้ๆ เห็นมีขนมอบก็เลยห่อมาให้เจ้า”
“ขอบคุณ ขอรับ”
“ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าอยากได้อะไรก็บอกกับข้าได้”
เหยาโม่หลินยิ้มแหยๆ เขารู้สึกว่ารอยยิ้มของโจวเฉินดูแปลกๆ ชอบกล เหยาโม่หลินมิได้ไว้ใจผู้ใด เขาจึงบอกกับโจวเฉินว่าจะเก็บขนมเอาไว้ก่อนเพราะเพิ่งกินข้าวอิ่ม
ครั้นโจวเฉินกลับไป เหยาโม่หลินก็ถือเอาห่อขนมออกมาทดสอบพิษด้วยเข็มเงิน เมื่อเห็นว่าปลอดภัยจึงถือเข้าไปในกระโจม จัดเรียงลงบนจานใบเล็กและติดเตาต้มชาให้กับอี้เจียหนาน
“เจ้าไปได้ขนมมาจากที่ใด?”
“นายกองโจวเอามาฝากขอรับ เห็นว่าไปที่ตำบลใกล้ๆ มา”
อี้เจียหนานหุบยิ้มลงทันที นึกถึงคำพูดของโจวเฉินที่ขอมาเกี้ยวเหยาโม่หลินแล้วเขาก็นึกอยากจะบอกให้เหยาโม่หลินรู้ตัว
“เจ้าเป็นคนงาม ต่อไปคงมีคนเอาของกินมาฝากอยู่เรื่อยๆ”
“ก็ดีนี่ขอรับ หากได้ของกินอยู่เรื่อย ข้าก็จะเอามาให้ท่านรับประทาน”
คนฟังรู้สึกหงุดหงิด “หากเจ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องรีบมาหรอก ข้ามีเงินให้เจ้าไปซื้อกินเองได้”
“ได้ของมาเปล่าๆ ไม่ดีหรือขอรับ?”
“นี่เจ้าเป็นทหารรับใช้หรือเป็นท่านแม่ทัพ กล้าต่อล้อต่อเถียงข้า”
“ขออภัยขอรับ ข้าก็แค่สงสัย”
เมื่อเห็นว่าเหยาโม่หลินมิได้ทำตัวสนใจในโจวเฉิน อี้เจียหนานก็สบายใจในระดับหนึ่ง ทว่าวันต่อมาเขาก็รู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม เมื่อโจวเฉินจงใจนั่งใกล้เหยาโม่หลินในห้องรับประทานอาหาร
นายกองเป้ยกับนายกองเยียนหัวเราะกันคิกคักเมื่อเห็นโจวเฉินแสดงความสนใจทหารรับใช้รูปงามของท่านขุนพลออกหน้าออกตา
“ขุนพลอี้ ดูท่าทหารรับใช้ของท่านอีกไม่นานคงจะได้ออกเรือนแน่ โจวเฉินเกี้ยวเช้าเกี้ยวเย็นเช่นนี้”
“เป้ยเสี่ยวเหวิน เจ้านี่คงไม่รู้สินะ ตอนนี้เหยาโม่หลินโด่งดังไปทั่วหน่วยของเราแล้ว ไม่ใช่แต่นายกองโจวเท่านั้นที่ชอบเขา หากแต่ยังมีอีกหลายคน ท่านดูดีๆ สิ”
จริงอย่างที่นายกองเยียนบอก ทหารหนุ่มหลายรายได้พากันแวะเวียนเดินมาพูดคุยกับเหยาโม่หลิน บางคนมีของติดไม้ติดมือมาฝากเสียด้วย
อี้เจียหนานแล้วก็ทำคิ้วกระตุก เขาไม่กล้าแสดงตัว ยามนี้เขาเป็นหัวหน้าหน่วยที่ต้องรักษาท่าทีให้สูงส่ง เขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
“ช่างเถิด หากว่าไม่เกิดศึกชิงคนงามในหน่วยเราก็แล้วไป”
“โอว! ท่านขุนพลพูดเช่นนี้แสดงว่านายกองเฉินคงมาขออนุญาตท่านแล้วสินะ ครั้งนี้ดูโจวเฉินจริงจังเสียด้วย หากเหยาโม่หลินมีใจเห็นทีหน่วยของเราคงมีเรื่องมงคลเกิดขึ้นแน่”
หลังจากแคว้นหมิงติดต่อค้าขายกับแคว้นจินมาหลายปีและยังส่งองค์ชายไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ คนแคว้นหมิงจึงได้รับรู้ว่าการแต่งงานระหว่างบุรุษกับบุรุษได้รับการยอมรับในแคว้นจิน นั่นทำให้คู่รักต้วนซิ่วในแคว้นหมิงกล้าเปิดเผยตัว พวกเขาไม่ถูกต่อต้านเช่นในอดีต
การแต่งงานระหว่างบุรุษในแคว้นหมิงยังจัดกันเฉพาะภายในครอบครัวมิได้เอิกเกริก...ทหารในกองทัพหลายคู่ที่รักใคร่ชอบพอกันก็แสดงตัวให้ผู้อื่นรู้
อี้เจียหนานทำเป็นไม่สนใจคำวิพากษ์วิจารณ์ของนายกองรอบกาย เขาก้มหน้าก้มตากิ่นจนอิ่มแล้วเดินลิ่วกลับกระโจม
***********************
