บทที่ 5 คนที่ข้าตามหา
อู๋หยางได้ยินญาติผู้พี่เล่าเรื่องกุ่ยอี๋จือให้ฟังก็ตกใจ
“เจ้าคนเสเพลสกุลกุ่ยนี่อีกแล้ว ไม่คิดเลยว่ามันจะกล้ามารบกวนท่านถึงร้านของเรา” อู๋หยางมองญาติผู้พี่ด้วยความเป็นห่วง อู๋จิงอวี๋รูปร่างบอบบาง ใบหน้างดงาม ซ้ำไม่มีวรยุทธ์ หากถูกคนชั่วรังแกจะทำเช่นใด?
“ใต้เท้ากุ่ยผู้นี้ เห็นว่าเป็นขุนนางกรมคลัง เขามีประวัติเช่นใดหรือ?”
“กุ่ยอี๋จือแต่งงานกับสตรีหลานสาวขุนนางใหญ่ผู้หนึ่ง แต่กลับรับอนุภรรยาเป็นบุรุษอีกสองคน เขาลุ่มหลงในตัวอนุทั้งสองจนละเลยภรรยาเอก ทำให้นางตรอมใจล้มป่วย เพิ่งตายไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี่เอง บิดาของเขาที่เคยบังคับให้เขาอยู่ในกรอบกฎเกณฑ์ก็มาล้มป่วย นอนติดเตียงหลังจากที่เขาแต่งงานได้ไม่กี่เดือน ยามนี้กุ่ยอี๋จือที่เป็นหลานชายของรองเจ้ากรมคลังจึงเที่ยวมองหาบุรุษที่ถูกใจและรังแกคนเขาไปทั่ว ล่าสุดเห็นว่าไปรังควานบัณฑิตหนุ่มผู้หนึ่งที่มีคู่รักอยู่แล้ว พอฝ่ายชายไม่เล่นด้วยก็กลั่นแกล้งจนพวกเขาเร่งงานแต่งและหนีไปอยู่เมืองอื่น”
“เสี่ยวหยาง เขามีอนุเป็นบุรุษถึงสองคน ยังคิดจะแย่งชิงคนอีกหรือ?”
“พี่จิงอวี๋ อนุที่เขามีก็ได้มาเพราะใช้สัญญาหนี้บีบบังคับ ข้าได้ยินมาว่าคนทั้งสองอยู่ในสกุลกุ่ยอย่างไม่มีความสุข มักจะถูกกุ่ยอี๋จือตบตีรังแกอยู่เสมอๆ อนุผู้หนึ่งของกุ่ยอี๋จือเองก็มิใช่ต้วนซิ่ว เขาจำต้องหวานอมขมกลืน คราหนึ่งเคยกินยาฆ่าตัวตาย ท่านหมอเกาเป็นคนช่วยชีวิตเอาไว้ได้”
“หากเขามีเงินก็ซื้อบุรุษรูปงามที่หอหลบจันทร์ได้นี่? เหตุใดต้องไปบังคับคนด้วย?”
“กุ่ยอี๋จือเป็นคนมักมาก เขาชอบไปเที่ยวที่หอหลบจันทร์ เสพสมกับบุรุษทีละสองสามคน แต่ไม่ยอมรับเอานายคณิกาเหล่านั้นไปเลี้ยงดู ข้าได้ยินว่าบางคราวเขาก็ลงไม้ลงมือด้วยแต่ก็จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อปิดเรื่องเอาไว้”
อู๋จิงอวี๋เริ่มปริวิตก ท่าทางของกุ่ยอี๋จือเมื่อตอนบ่ายก็เหมือนจะเกิดความลุ่มหลงเขาเข้าให้แล้ว
“เสี่ยวหยาง งานสมาคมพ่อค้าคราวนี้ เจ้ากับชิงฉือ คงต้องช่วยกันระวังข้าสักหน่อย ใต้เท้ากุ่ยดูหื่นกระหายในตัวข้ายิ่ง ข้าเกรงว่าเขาจะวางแผนชั่ว”
อู๋จิงอวี๋รู้ว่าตนเองเป็นที่หมายตาของบุรุษและสตรี ที่ผ่านมาเขาสนิทสนมกับบุรุษเพียงคนเดียวในช่วงย่างเข้าสู่วัยรุ่นและปักใจว่าอยากจะอยู่เคียงคู่กับคนผู้นั้น นี่คือเหตุผลที่แท้จริงที่เขายอมลงจากเขาหลงเฟยซานมายังเมืองหลวง เผื่อว่าจะได้พบสหายน้อยผู้นั้นอีกสักครา
อู๋หยางหันไปหาภรรยา เขาให้ม่อชิงฉือนัดหมายกู้เจิ้งจีหัวหน้ามือปราบหน่วยที่สามซึ่งเป็นสหายรักมารับประทานอาหารที่เรือนปรุงยาในวันพรุ่งนี้เพื่อจะได้วางแผนป้องกันภัยให้กับญาติผู้พี่
อู๋จิงอวี๋รู้ตัวว่ามีคนคอยติดตามดูตนอยู่อีกผู้หนึ่ง และคนผู้นี้ก็มักจะลับๆ ล่อๆ ไม่ยอมปรากฏตัว ท่านหมอหนุ่มคิดว่าน่าจะเป็นคนเดียวกันที่มาแอบดูตนที่หน้าคฤหาสน์สกุลอู๋
ท่านหมอหนุ่มจึงอาศัยทีเผลอของหลัวอี้ หลบออกจากร้านเฉี่ยนซือไปแอบดูหลัวอี้อีกคราหนึ่ง พอเห็นใบหน้าคนผู้นั้นอย่างชัดเจนเขาก็ยินดียิ่ง เค้าหน้าของผู้นี้คล้ายกับคนที่เขาเคยพบเมื่อสิบปีก่อน
‘เขาคงจำข้าไม่ได้เสียแล้ว น่าเสียดายจริงๆ ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงต้องมาแอบดูข้า?’
ท่านหมอหนุ่มครุ่นคิดถึงหลัวอี้จนนอนไม่หลับ พอเขาได้ยินม่อชิงฉือผู้เป็นน้องสะใภ้บอกว่าม่อเหอตี้น้องชายปิดภาคเรียนอยากหารายได้พิเศษ จึงได้เอ่ยปากว่าจ้างม่อเหอตี้มาเป็นผู้ติดตาม
“ขอบพระคุณพี่จิงอวี๋ขอรับที่เมตตาน้องชายข้า”
อู๋จิงอวี๋รีบกระซิบบอกม่อชิงฉือว่าบ่าวรับใช้ที่ท่านอาสะใภ้มอบให้มานั้นขาดความเฉลียวฉลาดไปสักหน่อยและไม่ค่อยรู้หนังสือ ในยามที่เขาเขียนใบสั่งก็อ่านไม่ออก ดังนั้นงานนี้เหมาะกับม่อเหอตี้ที่เป็นนักศึกษาระดับกลางจากสถานบันเค่อเฉิงอันโด่งดังของเมืองหลวง
“เจ้าไม่ต้องห่วงชิงฉือ ค่าแรงของเสี่ยวตี้ ข้าจ่ายเต็มที่แน่นอน”
ม่อเหอตี้ได้เห็นท่านหมอหนุ่มรูปงามก็ถึงกับตกตะลึง ตอนที่พี่ชายของเขาแต่งงานกับอู๋หยางผู้รูปงามราวกับเทพเซียน เขาเองก็ชื่นชมในตัวพี่เขยมิใช่น้อย ยามนี้ยังมาได้อยู่ใกล้ชิดกับญาติผู้พี่ของพี่เขยที่งดงามราวกับลอยออกมาจากภาพวาด เด็กชายจึงยิ้มกว้างด้วยความยินดี
“เสี่ยวตี้ เจ้าเรียกข้าว่าพี่จิงอวี๋ก็ได้”
“ไม่ดีหรอกขอรับ ข้ามารับหน้าที่เป็นผู้ติดตามท่านก็สมควรเรียกท่านให้ผู้คนยำเกรงว่าท่านหมออู๋ใหญ่ ผู้อื่นจะได้ไม่กล้าลบหลู่ท่าน”
อู๋จิงอวี๋หัวเราะเบาๆ “อืม...รู้เรื่องจริงๆ ถ้าเช่นนั้นก็ตามใจเจ้า”
ม่อชิงฉือเล่าปัญหาที่อู๋จิงอวี๋กำลังประสบให้กับน้องชายฟัง ม่อเหอตี้จึงรับปากแข็งขันว่าเขาจะคอยระวังภัยให้กับท่านหมออู๋ใหญ่อย่างดี
“ฝีมือกระบี่ของข้ายามนี้ก็ดีขึ้นมากแล้วนะขอรับ ต้องขอบคุณท่านพี่เขยที่ส่งข้าไปฝึกกระบี่กับสำนักเตรียมมือปราบ”
ยามนี้ในเมืองหลวงมีผู้ตั้งสำนักเตรียมมือปราบเพื่อสอนวิชาการต่อสู้เบื้องต้น ทั้งหมัดมวย ดาบ กระบี่ และการใช้อาวุธนานาชนิด วิชาที่สอนครอบคลุมทั้งกฎหมายของแคว้นหมิงและการชันสูตรศพเบื้องต้น
“ดีๆ ข้ามือไม้อ่อนทำได้เพียงรักษาคนป่วย อาวุธไม่เคยจับ คงต้องหวังพึ่งเจ้าแล้วล่ะ”
ปีนี้ม่อเหอตี้สูงขึ้นอีกราวสองชุ่น หลังจากที่พี่ชายกลายมาเป็นสะใภ้รองสกุลอู๋ เขาก็อยู่ดีกินดีทำให้ผิวพรรณผุดผ่องร่างกายสูงใหญ่ขึ้นมาก
“ข้าฝากพี่จิงอวี๋ด้วยก็แล้วกันนะ เสี่ยวตี้”
“พี่เขยไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ข้าจะอารักขาท่านหมออู๋ใหญ่อย่างเต็มที่”
อู๋หยางได้ยินคำรับรองของน้องชายภรรยาก็ถูกใจ รีบพาม่อเหอตี้ไปเลือกเอากระบี่จากหีบของตน
“เจ้าชอบเล่มไหนก็หยิบเอาเลย?”
ม่อเหอตี้ตาโต ในตอนที่ฝึกเขาใช้กระบี่จริงของสำนัก แต่ที่บ้านยังไม่มีกระบี่จริงสักเล่ม มีเพียงกระบี่ไม้ที่เอาไว้ฝึกซ้อม
“ปลอกสวยๆ ทั้งนั้นเลยขอรับ”
อู๋จิงอวี๋เดินมาดูด้วย ท่านหมอหนุ่มชะโงกหน้าเข้าไปใกล้หีบ พอเห็นกระบี่ปลอกสีดำก็รีบชี้
“เสี่ยวตี้ เอาเล่มนั้นสิ แกะสลักงดงาม ด้ามก็ดูแข็งแรง”
ม่อเหอตี้ตกลงใจเอาตามที่อู๋จิงอวี๋บอก อู๋หยางจึงให้เขากลับไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านแล้วมานอนที่เรือนรับรองแขกในสกุลอู๋
“เจ้าจะต้องตื่นแต่เช้าติดตามพี่จิงอวี๋ มาพักที่นี่จะได้สะดวก”
เด็กชายรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ไปนอนค้างที่คฤหาสน์สกุลอู๋เป็นครั้งแรก ตอนนี้ที่บ้านใหม่ของเขามารดาก็มีทั้งพี่สาวและสาวใช้คอยดูแลจึงไม่ต้องเป็นห่วง เด็กชายรีบกลับบ้านไปบอกกล่าวมารดา
หลัวอี้มองเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาคมคายเดินตามคอยดูแลท่านหมออู๋จิงอวี๋ก็เกิดความหงุดหงิด ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน อู๋จิงอวี๋รูปงามก็มีเด็กหนุ่มมาคอยเคียงข้าง ท่าทีสนิทสนมของคนทั้งสองทำให้ขุนนางหนุ่มขัดเคือง
“สกุลอู๋ไม่มีลูกหลานอายุประมาณนี้นี่?”
เสี่ยวไป๋มองตามสายตาเจ้านายแล้วก็รีบยืนยัน “ขอรับ ไม่มี”
“ไม่ใช่ผู้ติดตามมาจากแดนไกลของอู๋จิงอวี๋ใช่หรือไม่?”
“ขอรับ คนพวกนั้นล้วนเป็นบุรุษวัยราวสามสิบแล้วทั้งนั้น แต่เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะอายุราวสิบห้าสิบหกปีได้”
“เขาคงมิได้เลี้ยงคู่รักหนุ่มๆ เอาไว้หรอกนะ”
“ไม่น่าจะใช่นะขอรับ นับตั้งแต่ท่านหมออู๋ใหญ่มาถึงเมืองหลวงก็ไม่เคยไปดื่มสุราหรือเที่ยวตามสถานเริงรมย์สักครา”
“ข้าอยากรู้ว่าอู๋จิงอวี๋แท้จริงชอบบุรุษหรือสตรีกันแน่?”
“คุณชาย ไหนว่าท่านจะผลักไสให้เขาได้เสียกับใต้เท้ากุ่ย? ในเมื่อท่านคิดแผนชั่วๆ เช่นนั้นออกมาแล้ว ไม่ว่าท่านหมออู๋ผู้นี้จะชอบบุรุษหรือสตรีจะมีผลกับแผนการท่านหรืออย่างไรขอรับ?”
สีหน้าของหลัวอี้ดูหมองลงเล็กน้อย “นั่นสินะ ในกรมคลังคนที่มีความชั่วใกล้เคียงกับข้าก็มีเพียงกุ่ยอี๋จือ หากไม่ยืมมือคนผู้นั้นก็ยากที่จะกำจัดอู๋จิงอวี๋ออกจากเส้นทางความร่ำรวยของสกุลหลัวได้”
พออู๋จิงอวี๋ตรวจคนไข้ของวันนี้เสร็จก็พาม่อเหอตี้ไปนั่งรับลมเย็นๆ ที่ภัตตาคารริมน้ำใกล้สะพานไท่หยาง เขาเลี้ยงเด็กชายอย่างอิ่มหนำสำราญม่อเหอตี้เล่าถึงเส้นทางความรักของพี่เขยกับพี่ชายของเขาให้อู๋จิงอวี๋ฟัง
“ทีแรกข้าเองก็ตกใจที่พี่เขยมาชอบพี่ชายของข้า และก็ไม่คิดว่าพี่ชิงฉือจะยอมแต่งงานกับบุรุษขอรับ”
อู๋จิงอวี๋ยิ้มน้อยๆ “ไม่มีผู้ใดอยากจะแปลกแยกจากคนอื่นหรอก? แต่บางอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุม ข้าจะเล่าความลับของข้าให้เจ้าฟังก็แล้วกัน”
ม่อเหอตี้ได้ยินคำสารภาพของอู๋จิงอวี๋ก็หลับตาปริบๆ
“ที่ท่านยอมลงจากเขาก็เพื่อตามหาบุรุษผู้นั้นหรือขอรับ?”
************************
