ข้าจะปราบท่านหมออู๋(BL)

64.0K · จบแล้ว
ซีฟางกั๋วเจีย/เอสเต้
31
บท
1.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หลัวอี้ขุนนางเจ้าเล่ห์มากเหลี่ยม เจ้าของกิจการร้านสมุนไพรหวนเจี่ยเกรงว่าสกุลอู๋จะก่อตั้งโรงหมอได้สำเร็จแล้วกระทบกับผลประโยชน์ด้านรายได้ของตน จึงได้วางแผนชั่วเพื่อขัดขวาง แต่แล้วเขากลับต้องพัวพันกับท่านหมออู๋จิงอวี๋อย่างถอนตัวไม่ขึ้น

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณนิยายสืบสวนสอบสวนนิยายYaoiนิยายรักนิยายกำลังภายในนิยายย้อนยุค

บทที่ 1 คดีอัปยศ

“ฮูหยินของใต้เท้าหลัว ขุนนางขั้นเจ็ดกรมการคลังน่ะขอรับ”

“เอ๋? ใช่สกุลหลัวเจ้าของร้านยาสมุนไพรหวนเจี่ยหรือไม่?”

เฉินซื่อฝานรีบพยักหน้ารับ “ขอรับ ข้าเคยเห็นนางสองสามหน”

กู้เจิ้งจีหัวหน้ามือปราบหน่วยที่สามถึงกับขมวดคิ้ว ศพของชายหญิงที่นอนหงายอยู่คนละฟากของห้องพักในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ดูแล้วช่างมีความขัดแย้งกันอยู่ในที เพราะสตรีผู้นี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรางดงาม เครื่องประดับในตัวนางล้วนเป็นของราคาแพง ส่วนฝ่ายบุรุษแต่งกายธรรมดาดูละม้ายบัณฑิตทั่วไป

“มือปราบเฉิน เจ้ากับมือปราบม่อไปแจ้งให้คนสกุลหลัวทราบข่าวที เราต้องรีบสืบหาตัวบุรุษผู้นี้ให้เร็วที่สุด”

“หัวหน้ากู้ ถ้าเช่นนั้นให้ข้าเป็นคนสืบหาบุรุษผู้นี้ก็แล้วกันขอรับ” หวังฮั่นรีบขันอาสา ในเวลาทำงาน หวังฮั่นจะต้องเรียกสามีว่าหัวหน้ากู้

“เจ้ารีบไปเถิดมือปราบหวัง หากนี่คือฮูหยินใต้เท้าหลัว คดีนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่เสียแล้วล่ะ”

ร้านยาสมุนไพร “หวนเจี่ย” เป็นร้านยาขนาดใหญ่มีอยู่สี่สาขาในเมืองหลวง เป็นหนึ่งในร้านเก่าแก่ที่ตั้งมานาน สกุลหลัวนับว่ามีฐานะดีซึ่งนับว่าอยู่ในระดับหนึ่งในห้าสิบคหบดีในเมืองหลวง

หวังฮั่นมือปราบหนุ่มอดีตนักฆ่าสำนักคุณธรรมพร้อมด้วยมือปราบอีกห้าคนเดินทางไปยังบ้านของเตียวเยียน บ้านเดิมของภรรยาหลัวอี้เพื่อแจ้งข่าว

“เยียนเอ๋อร์น่ะหรือ?” มารดาของเตียวเยียนล้มทั้งยืน ในขณะที่บิดากับพี่ชายของผู้ตายรีบไปดูศพยังสำนักมือปราบ

หวังฮั่นบอกให้สหายมือปราบพาคนของสกุลเตียวไปโดยที่ตัวเขาขอเรียกคนในบ้านที่เหลือออกมาสอบสวน เมื่อนำภาพวาดของบุรุษที่ตายมาให้บ่าวรับใช้และสาวใช้ดูแล้วก็ได้รู้ความจริง

คดีอัปยศของฮูหยินใต้เท้าหลัวทำให้มือปราบระดับสูงสองคนหนักใจยิ่งนัก หลัวอี้เพิ่งจะแต่งงานกับเตียวเยียนได้เพียงหกเดือน ภรรยาคนงามกลับนัดแนะกับชู้รักไปแอบพบกันที่โรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งหนึ่ง ไม่มีผู้รู้ว่าเกิดเหตุใดขึ้นข้างในห้องนั้น?

“ข้าว่าบุรุษผู้นี้เป็นคนแทงนางจนตายแล้วค่อยฆ่าตัวตายตาม” หัวหน้าโหยวอีรองผู้บัญชาการสำนักมือปราบหันไปพูดกับกู้เจิ้งจี

“ท่านแน่ใจหรือขอรับ? ไม่มีการฆ่าอำพรางแน่นะ”

“หัวหน้ากู้ เรื่องนี้ข้ามั่นใจ เจ้าก็ดูสิ ไม่มีรอยงัดแงะแม้เท่ารอยแมวข่วน พยานก็ยืนยันว่าพวกเขามาเข้าห้องพักด้วยกัน ซ้ำยังพักอยู่ด้วยกันตั้งสองวัน” โหยวอีเคยถูกภรรยาที่เพิ่งแต่งงานหนีไปจนต้องตามตัวโกลาหลอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นคดีเช่นนี้ก็รู้สึกสะเทือนใจ

กู้เจิ้งจีจึงเรียกให้คนในหน่วยงานตนเองมาลงบันทึกพร้อมทั้งวาดภาพขณะเกิดเหตุเอาไว้ ก่อนจะทำการเก็บศพไปชันสูตร

คนสกุลเตียวมาถึงก็ร้องไห้ฟูมฟาย แต่คนสกุลหลัวรู้ข่าวแล้วก็รีบไปแจ้งที่กรมคลัง หลัวอี้รู้ข่าวก็ตามมาดูศพของฮูหยินของตนที่สำนักมือปราบ

“หากเป็นข้ามาเจอศพภรรยากับชู้รักเช่นนี้ อย่าว่าแต่จะเสียใจเลย อยากจะเงื้อดาบมาฟันศพด้วยซ้ำ” โหยวอีกัดฟันกรอด แม้เขาจะไม่ได้รู้สึกกับหลัวอี้เป็นการส่วนตัวแต่เห็นใจอีกฝ่ายมาก

“หัวหน้ากู้ บุรุษผู้นั้นแท้จริงคือคนรักเก่าของเตียวเยียนขอรับชื่อซุยจี้เซิง สาวใช้สองคนเคยเห็นคนผู้นี้บ่อยๆ พวกเขามักจะนัดพบกันที่โรงน้ำชา แต่ภายหลังเตียวเยียนต้องการจะแต่งงานกับหลัวอี้จึงได้บอกเลิกกับคนผู้นี้” หวังฮั่นรีบส่งรายงานให้หัวหน้าหน่วยของตน

“หลังแต่งงานกับหลัวอี้ พวกเขายังนัดพบกันอีกหรือ?” โหยวอีหันมาถาม

“ขอรับ พวกเขาเคยนัดพบกันสองครั้ง”

“ถ้าอย่างนั้น พฤติกรรมของนางก็ไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องนัก”

“พวกเขานัดพบกันที่ใด?” กู้เจิ้งจี้หันมาหาหวังฮั่น

“บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งอ้างว่าเขาถูกนายท่านเตียวสั่งให้คอยจับตามองซุยจี้เซิงเอาไว้ พบว่าคนผู้นี้เคยไปพบกับเตียวเยียนที่โรงน้ำชาแถวๆ ประตูเมืองตะวันตกอยู่คราหนึ่งขอรับ”

“บ้านของซุยจี้เซิงเล่า?”

“บ้านเขาอยู่ใกล้บ้านสกุลเตียวนั่นละขอรับ”

“มิน่า เตียวเยียนกับซุยจี้เซิงคงเป็นคู่รักในวัยเด็กล่ะสินะ”

“มิได้ขอรับ ก่อนหน้านี้เตียวเยียนเคยติดต่อกับบัณฑิตหนุ่มผู้หนึ่งที่เดินทางมาจากเมืองไท่หยาง จากนั้นซุยจี้เซิงมาพักอยู่บนถนนเดียวกัน ซุยจี้เจิงรูปหน้าตาดีและคารมดีมากกว่า นางจึงเลิกติดต่อกับบัณฑิตหนุ่มคนก่อน” หวังฮั่นเม้มปากน้อยๆ ปมความตายของเตียวเยียนเกี่ยวพันกับบุรุษหลายคนเหลือเกิน

กู้เจิ้งจีพยักหน้า “เช่นนั้น คงต้องให้เจ้าไปสืบสวนคนในสกุลหลัวสักหน่อย”

โหยวอีหันมามองผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสอง “เรื่องนี้ เห็นทีข้าต้องออกโรงด้วย คฤหาสน์สกุลหลัวมิใช่ที่ที่พวกเจ้าจะเข้าไปโดยง่าย”

สองสามีภรรยาสกุลกู้ได้เห็นทางเข้าคฤหาสน์สกุลหลัวแล้วถึงกับหันไปสบตากัน พวกเขาไม่คาดว่าเจ้าของร้านยาเพียงสี่สาขาจะมีบ้านเรือนใหญ่โตเทียบเท่ากับคฤหาสน์ของสกุลอู๋

“ท่านพี่ นี่พวกเขารวยธรรมดาแต่หรือ? ข้าว่าสกุลหลัวน่าจะรวยพอๆ กับสกุลอู๋เลยนะขอรับ” หวังฮั่นขยับไปกระซิบ

“บางทีเขาอาจจะมีกิจการอื่นร่วมก็ได้ เราแค่ไม่รู้”

ม่อชิงฉือที่ยืนอยู่ด้านหลัง รีบขยับเข้ามาใกล้

“ข้าได้ยินว่าพวกเขามีหุ้นส่วนกับร้านชาหลายแห่งด้วยนะขอรับ”

“นั่นปะไร หากสร้างบ้านใหญ่โตเท่ากับท่านหมออู๋อย่างนี้ ต้องมีหลายกิจการแน่นอน”

ม่อชิงฉือผู้เป็นภรรยาของหมออู๋หยางพยักหน้าเห็นด้วยทันที

ตั้งแต่เกิดเหตุฆาตกรรมสองศพจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีผู้ใดได้เห็นหน้าสามีของผู้ตายเลยสักคน ใต้เท้าหลัวหรือหลัวอี้ผู้เป็นขุนนางเพียงคนเดียวในคฤหาสน์สกุลหลัว ไม่เหยียบย่างไปดูศพฮูหยินของตนเลยสักนิด

คนภายนอกล้วนซุบซิบกันว่าเป็นเพราะเตียวเยียนคบชู้สู่ชาย ทำให้ใต้เท้าหลัวอับอายผู้คนจึงไม่อยากจะเห็นหน้านางอีกต่อไป อีกฝ่ายหนึ่งก็ว่าเรื่องที่เตียวเยียนคบชู้นี้ ใต้เท้าหลัวทราบดีและเขาก็ตัดหางปล่อยวัดนางไปนานแล้ว กระทั่งข่าวซุบซิบล่าสุด ลือกันว่าใต้เท้าหลัวรู้ว่าภรรยาหนีออกจากคฤหาสน์จึงได้ส่งคนไปตามฆ่าทั้งนางและชู้รักจนสิ้นชีวิต

ข่าวลือพวกนี้ไปเร็วยิ่งกว่าการรายงานข่าวอย่างถูกต้องของสำนักข่าวนกกระจิบเสียอีก

“ข้าได้ยินว่าหลัวอี้เป็นขุนนางที่เฉลียวฉลาดและยังเจ้าเล่ห์เพทุบาย พวกเจ้าจะสืบสวนสอบถามสิ่งใดก็ควรกระทำอย่างระมัดระวัง” หัวหน้าโหยวรีบหันไปบอกลูกน้องทุกคน

“เราจะสอบสวนเขาที่นี่หรือขอรับ?” กู้เจิ้งจีมองไปรอบๆ

“คงต้องเชิญใต้เท้าหลัวไปให้ปากคำที่สำนักมือปราบ ส่วนพวกบ่าวรับใช้และสาวใช้ พวกเจ้าก็สอบสวนที่นี่เลย” โหยวอีสรุปก่อนเดินตามหลังพ่อบ้านสกุลหลัวเข้าไปนั่งรอที่ห้องโถง

ไม่นานนัก ชายหนุ่มรูปงามในชุดสีเทาปักลวดลายใบไม้และนกน้อยก็ย่างเข้าเท่ามาในห้อง คนทั้งหมดรู้สึกถึงความคมกริบของสายตาบุรุษผู้นี้

หลัวอี้เป็นบุรุษรูปร่างสูงโปร่ง ท่วงทีองอาจสง่าผ่าเผย คิ้วกระบี่หางเฉียงขึ้นเล็กน้อย จมูกเป็นสันตรง ริมฝีปากบาง คางเรียวแหลม เขาสอบเข้าเป็นขุนนางได้ในอันดับค่อนข้างดี ด้วยภูมิหลังที่ครอบครัวทำกิจการค้าจึงมีความถนัดในการทำบัญชี กรมคลังจึงได้เรียกตัวเข้าไปทำงาน

“ใต้เท้าโหยว ท่านอุตส่าห์มาเยือนถึงบ้าน” หลัวอี้ค้อมศีรษะคารวะอย่างไว้ตัว

“ข่าวดังถึงเพียงนี้ อย่างไรก็ต้องสอบสวน ขออภัยที่ต้องมารบกวนใต้เท้าหลัวในช่วงที่ท่านยังไม่ค่อยสะดวก”

เตียวเยียนยังคงอยู่ในฐานะฮูหยินสกุลหลัว แต่ข่าวอัปยศดังกล่าวทำให้บิดาของหลัวอี้โมโหจนต้องขอให้บุตรชายทำการหย่าขาดกับผู้ตาย ศพของ เตียวเยียนจึงมิได้ถูกหามเข้ามาในสกุลหลัวให้ระคายความรู้สึกของท่านผู้เฒ่า

“อย่าได้เกรงใจ ข้ารู้ว่าท่านจะต้องเชิญข้าไปสอบสวนแน่ เพียงแต่รอให้บิดาของข้าอาการดีสักวันสองวันแล้วจะเข้าไปสำนักมือปราบ”

โหยวอีได้ยินคำรับรองนั้นแล้วก็สบายใจ ในคดีนี้หลัวอี้ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยแต่ที่ต้องเชิญไปให้ปากคำเป็นเพราะในฐานะของรองผู้บัญชาการสำนักมือปราบเมืองหลวงหากเขาจะสรุปคดีใหญ่อย่างนี้ว่าผู้ตายทั้งสองมีการฆ่ากันเองและตัวฆาตกรฆ่าตัวตายตามเหยื่อก็จะต้องสอบสวนคนรอบข้างจนแน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง

อีกอย่าง...นี่คือการแสดงความบริสุทธิ์ใจของหลัวอี้ในฐานะสามีของผู้ตาย

******************

*โหยวอี พระเอกจากเรื่อง “ฮูหยินใหม่ของมือปราบโหยว”

*กู้เจิ้งจี พระเอกจากเรื่อง “ข้าจะล่อลวงมือปราบ”

*ม่อชิงฉือ นายเอกจากเรื่อง “ท่านหมออู๋ตัวร้าย”