บทที่ 6 แผนชั่วกับคนชั่ว
หลัวอี้เห็นท่าทางสนิทสนมระหว่างอู๋จิงอวี๋กับเด็กชายผู้นั้นก็ทนไม่ไหวจนต้องผุดลุกขึ้น สองมือกำหมัดแน่น
“คุณชายขอรับ จะกลับแล้วหรือ?”
“อืม...ข้าทนดูไม่ได้แล้ว นึกโมโหจนอยากจะให้ถึงวันงานสมาคมพ่อค้าเร็วๆ จะได้ส่งเจ้าคนหน้าไม่อายผู้นี้ให้กุ่ยอี๋จือไปเสีย”
“คุณชายคิดว่าพวกเขาเป็นคู่รักกันหรือขอรับ?”
“หรือเจ้าเห็นว่าไม่ใช่?”
“ไม่น่าจะใช่นะขอรับ ดูเหมือนพี่ชายกับน้องชายมากกว่า”
หลัวอี้มองไป อู๋จิงอวี๋กำลังคีบอาหารเอาใจเด็กหนุ่มพอดี เขายิ่งใจเต้นแรงใบหน้าครึ้มลง นึกอยากจะไปปัดอาหารบนโต๊ะนั้นลงให้หมด
“พวกเขาจะมีสัมพันธ์ใดก็ช่างเถิด ข้าอยากจะกลับแล้ว” ขุนนางหนุ่มนึกแปลกใจที่ตนเองไม่อยากจะให้อู๋จิงอวี๋มีท่าทีสบายใจยามอยู่กับผู้อื่น
...ชายหนุ่มอยากจะเห็นท่านหมอรูปงามทำใบหน้าเศร้าโศกหรือสิ้นหวังมากกว่า....
‘แม้เจ้าจะหล่อเหลางดงาม แต่ข้ากลับรู้สึกชังเจ้าอย่างบอกไม่ถูก’
วันงานสมาคมพ่อค้าที่หลายคนรอคอยก็มาถึง คหบดีอู๋กับภรรยามิได้มาร่วมโดยท่านผู้เฒ่าอ้างว่ามีอาการปวดศีรษะ มีเพียงอู๋ซุ่นซี อู๋หยางและ อู๋จิงอวี๋ ส่วนม่อชิงฉือมาพร้อมกับหัวหน้ากู้ในนามมือปราบหน่วยที่สาม
บิดากับมารดาของหลัวอี้มาทักทายปราศรัยกับคนในงานอย่างสนิทสนม พวกเขารู้ว่าเรื่องของลูกสะใภ้ที่เสียชีวิตพร้อมชู้รัก ทำให้คนทั้งเมืองหลวงกังขาในความสัมพันธ์ระหว่างบุตรชายกับผู้ตาย
แต่...สกุลหลัวก็กลบเกลื่อนข่าวไม่ดีทั้งหลายด้วยการบริจาคเงินให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในเมืองหลวงหลายพันตำลึง ทำโรงทานหน้าคฤหาสน์มอบข้าวสารอาหารแห้งแก่คนยากไร้เป็นเวลาสิบวัน และยังไปมอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษายากจนในสถาบันเค่อเฉิงอีกกว่าห้าสิบคน
“หัวหน้ากู้ เจ้าเห็นหรือไม่? สกุลหลัวจัดการได้ดีจริง สมกับที่หลัวอี้เป็นจิ้งจอกเทาแห่งกรมคลัง ข่าวซุบซิบของพวกเขาถูกกลบด้วยข่าวดีๆ ห้าวันติดกัน แค่นั้นผู้คนก็เลิกนินทาแล้ว”
กู้เจิ้งจีฟังรองผู้บัญชาการสำนักมือปราบเล่าเล่ห์เหลี่ยมของหลัวอี้ในการกลบเกลื่อนคดีอัปยศ
“ใต้เท้าหลัวก็เหมือนบิดาของเขา ทำการค้าอย่างรอบคอบ ข้าได้ยินว่าพวกเขาเอาเงินไปเข้าหุ้นกับหลายสกุลเพื่อเพิ่มรายได้ด้วยขอรับ”
“เจ้าก็แอบไปสืบเรื่องหลัวอี้ด้วยหรือ?”
“มันช่วยไม่ได้นะขอรับ ท่านโหยว เหตุการณ์ในห้องนั้นไม่มีพยานรู้เห็น ส่วนคำให้การของหลัวอี้ก็ฟังแล้วแปลกๆ”
โหยวอียิ้มน้อยๆ “อย่างนี้ล่ะถึงนับว่าเป็นสัญชาตญาณของมือปราบ เจ้ากับข้า ต่างคนต่างวางคดีของเตียวเยียนไม่ลงกันทั้งคู่”
“ก็คงจนกว่าจะได้ฟังคำพูดจากใจจริงของหลัวอี้นั่นล่ะขอรับ”
“คืนนี้เจ้าบอกข้าว่าขอตามมาช่วยเพราะเกรงว่ากุ่ยอี๋จือจะลงมือกับ อู๋จิงอวี๋หรือ?”
“ขอรับ อู๋หยางขอความช่วยเหลือมา”
“ถ้าอย่างนั้น พวกเจ้าก็ไปช่วยสหายก็แล้วกัน ข้าก็ทำได้แค่พาพวกเจ้าติดตามมาด้วยนี่แหละ”
เดิมทีเขตนี้คือความรับผิดชอบของหน่วยที่หนึ่ง แต่กู้เจิ้งจีได้รับการขอร้องจากอู๋หยางจึงขอให้โหยวอีพาพวกเขามาด้วย ม่อชิงฉือเองก็จำต้องพ่วงมากับสองสามีภรรยาในนามของมือปราบเพื่อจะได้ถือกระบี่เข้ามาในงานได้
ม่อชิงฉือบอกกับอู๋จิงอวี๋ว่าจะคอยระวังกุ่ยอี๋จือให้ ชายหนุ่มกับหวังฮั่นจึงพยายามจับตามองใต้เท้ากุ่ยผู้นั้นเป็นพิเศษ
คนที่วางแผนมาเพื่อที่จะได้พิชิตคนงามในคืนนี้ บนใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่อู๋จิงอวี๋ย่างเท้าเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง กุ่ยอี๋จือก็ละความสนใจจากเถ้าแก่หลายคนที่พยายามมาพูดคุยกับเขา
‘คนพวกนี้ล้วนอยากจะให้ข้าช่วยลดภาษีให้แทบทั้งนั้น ผู้ใดจะบากหน้าไปพูดกับท่านลุงเล่า? หากผลประโยชน์ไม่มากพอ’
“พวกเขามากันแค่สามคนหรือ?”
“ขอรับ สามพี่น้องสกุลอู๋ ส่วนภรรยาของอู๋หยางก็ยืนอยู่กับสหายมือปราบตรงโน้น”
“หึ! มากันแค่นี้คงจะลงมือได้ไม่ยาก”
“ยาเตรียมเอาไว้พร้อมแล้วขอรับ ท่านหมออู๋ใหญ่คงจะไม่มีเวลาสังเกตกลิ่นของมันหรอก ข้าเตรียมคนเอาไว้แล้ว ให้เขาผสมลงในสุรา ช่วงที่มีคนเดินมาพูดคุยด้วยเยอะๆ ยิ่งดี”
กุ่ยอี๋จือมองไปรอบๆ คนในงานเหมือนจะมากันครบแล้ว เริ่มเกิดการจับกลุ่มพูดคุยชนจอกสุราอย่งสนุกสนาน
“นี่ก็เริ่มดึกแล้ว รีบลงมือกันเถอะ”
หลัวอี้สังเกตความเคลื่อนไหวของกุ่ยอี๋จือก็พอจะรู้แล้วว่าคนเลวกำลังจะลงมือ เขารีบหันไปบอกกับคนสนิทของตน
“เสี่ยวไป๋ เจ้าไปช่วยให้คนของกุ่ยอี๋จือวางยาให้สำเร็จด้วย เดี๋ยวข้าจะตามไป”
หลัวอี้รู้ว่าตนเองถูกคนจับตามองอยู่จึงพูดคุยกับคนสำคัญในงานหลายคนแล้วส่งเสี่ยวไป๋ให้ไปดูลาดเลาเอาไว้ หากว่ากุ่ยอี๋จือจับเอาคนผู้นั้นขึ้นรถม้าได้เมื่อใด เขาก็จะตามออกไปดู
‘จำไว้นะเสี่ยวไป๋ ข้าจะวางใจได้ก็ต่อเมื่ออู๋จิงอวี๋ตกอยู่ในมือของกุ่ยอี๋จือ’
หวังฮั่นมองหามุมอับเพื่อซ่อนตัวจากสายตาของกุ่ยอี๋จือ อดีตนักฆ่าหนุ่มสะกิดม่อชิงฉือให้ตามมาหลบอยู่ข้างกัน
“เจ้าดูเอาไว้ คนผู้นั้นน่าจะถูกกุ่ยอี๋จือใช้ให้ไปวางยาหมออู๋ใหญ่” นิ้วของหวังฮั่นยกขึ้นชี้ไปยังเป้าหมายแบบแอบๆ
“มันเดินเลี้ยวไปโน่นแล้ว พวกเราตามไปเถอะ”
มือปราบหนุ่มสองคนหลบสายตาของกุ่ยอี๋จือแล้วตามลูกน้องของคนเลวไปห่างๆ ไม่นานนักก็พบว่าคนผู้นั้นติดสินบนหญิงสาวผู้หนึ่งที่ถือถาดสุราผ่านมา
“สตรีผู้นี้ที่นำชาไปส่งโต๊ะของท่านพี่นี่?”
“อีกสักครู่คงใส่ยาในกาสุราแน่”
หวังฮั่นอธิบายได้เป็นขั้นตอนราวกับวางแผนเสียเอง
“มือปราบหวัง เจ้ารู้ทุกอย่างเช่นนี้ ตกลงว่าเป็นมือปราบหรือคนร้ายกันแน่ ดู สองคนนั่นทำอย่างที่เจ้าว่าทุกอย่างเลย”
“ถ้าจะให้สารภาพ ความจริงข้าก็คือคนเลวผู้หนึ่ง” หวังฮั่นพูดหน้าตาย เรื่องการเป็นอดีตนักฆ่ายังคงเป็นความลับที่มีเพียงเขากับหัวหน้ากู้ผู้เป็นสามีที่รู้
“เจ้าพูดเสียข้านึกกลัวเลย”
“เอ๊ะ!” สัญชาตญาณของนักฆ่าทำงานทันที หวังฮั่นเหลือบไปไกลกว่าเดิมเล็กน้อย พลันปะทะกับร่างของคนผู้หนึ่งที่จ้องมายังการเทผงยาลงในกาสุรา
“ทำไมหรือ?”
“คนผู้นั้น เหตุใดจึงแอบดูคนของใต้เท้ากุ่ยเหมือนเราเลยเล่า? ข้าว่าคนที่คิดจะทำร้ายท่านหมออู๋ใหญ่คงมิได้มีเพียงคนเดียวแล้ว”
ม่อชิงฉือมองตามสายตาของสหายไป จึงได้เห็นบุรุษผู้หนึ่งลับๆ ล่อๆ อยู่อีกฟาก สะใภ้รองแห่งสกุลอู๋ถึงกับขมวดคิ้ว
“คนผู้นั้นเป็นคนของผู้ใดกัน?”
“รอจนเขากลับไปตามเจ้านายเราก็รู้แล้ว”
“กาสุรานั้นเล่าจะทำเช่นใดดี?”
“ข้าคิดว่าคงเป็นผงนิทรา ปล่อยให้ท่านหมออู๋ใหญ่ดื่มไปเถิด บางทีสามีของเจ้าก็อาจจะเผลอดื่มไปด้วยอีกคน เดี๋ยวข้าจะเรียกท่านพี่ให้ตามไปดูแลพวกเขาเอง”
“ข้ากลัวว่ากุ่ยอี๋จือจะเอาตัวพี่จิงอวี๋ขึ้นรถม้าไปก่อนน่ะสิ”
“ไม่ต้องกลัว ข้านอกมีซ่งฟูเฉินรออยู่ ให้พวกเขาหามสามบุรุษสกุลอู๋กลับคฤหาสน์ได้” หวังฮั่นเรียกชื่อสหายมือปราบสามแซ่พร้อมกันพวกเขามีแซ่ซ่ง แซ่ฟู และแซ่เฉิน
“เจ้าบอกพวกเขาด้วยหรือ?”
“เรื่องนี้ต้องรอบคอบสิ ยิ่งมีคนของเรามากก็ยิ่งปลอดภัย”
“ไม่มีทางที่คนทั้งสามจะมาช่วยเฉยๆ แน่ วันนี้เป็นวันหยุดเสียด้วย ตกลงว่าเจ้าจ้างพวกเขาด้วยสิ่งใด?”
“สุราแสงจันทร์สามไห”
“นั่นมันแพงกว่าเบี้ยหวัดเชียวนะ”
“ก็เพราะอย่างนั้น พวกเขาจึงได้มาอย่างไรเล่า?”
หวังฮั่นจับตามองบุรุษที่เป็นมือที่สาม ส่วนม่อชิงฉือคอยมองคนที่นำส่งกาสุรา อู๋จิงอวี๋ระวังตัวอย่างมากเขาไม่ยอมดื่มชาและสุราในงานแม้แต่จอกเดียว แต่อู๋หยางกับอู๋ซุ่นซีแอบดมดูแล้วเห็นว่าในกาสุรามีกลิ่นของผงนิทรา
“พี่จิงอวี๋ มีคนใส่ผงนิทรามาขอรับ”
“ถ้าอย่างนั้น พวกเจ้าก็ดื่มไปสักคนก็แล้วกัน จะได้เหมือนแผนของเขาสำเร็จ”
*********************
