บทที่ 3 ศัตรูจะเติบโต
หลัวอี้ขยำจดหมายข่าวปาลงพื้นด้วยความหัวเสีย เขาอุตส่าห์เข้าไปเป็นขุนนางในกรมคลังเพื่อหวังช่วยผลักดันการค้าสกุลหลัว ผ่านมาหลายปีเขาถ่องแท้ในกฎหมายการเก็บภาษี ทำให้ร้านค้าสมุนไพรหวนเจี่ยเลี่ยงการจ่ายในส่วนนี้ได้ไม่น้อยแต่ก็ยังไม่อาจสู้กิจการของสกุลอู๋
“เสี่ยวอี้ มีข่าวอันใดทำให้เจ้าไม่พอใจหรือ?”
“พวกสกุลอู๋น่ะสิขอรับ”
“สกุลอู๋ทำไมหรือ?”
“พวกเขากำลังจะตั้งโรงหมอ โดยการเชิญหมอเทวดาอู๋จิงอวี๋มาจากเขาหลงเฟยซาน เดิมทีชื่อเสียงของอู๋หยางก็โด่งดังจากยาหลายสิบขนานที่เขาปรุงออกมาจำหน่ายอยู่แล้ว ยามนี้หากตั้งโรงหมอสกุลอู๋ขึ้นมาอีก ร้านหวนเจี่ยของเราก็คงจะตกที่นั่งลำบาก”
“เสี่ยวอี้ ร้านเรามีถึงห้าสาขาแล้ว ตอนนี้พี่น้องของเจ้ายังเปิดร้านสาขาที่เมืองไท่หยางกับเมืองฉู่จิ้งอีก นับว่ากิจการของสกุลหลัวก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว”
“ท่านพ่อขอรับ ยอดขายของเราระยะนี้กำลังเติบโตก็จริง แต่เมื่อเทียบกับยาลูกกลอนของท่านหมออู๋แห่งร้านเฉี่ยนซือนับว่ายังห่างไกล”
หลัวอี้รู้ว่าบิดาของเขาระมัดระวังเรื่องการเงินมาโดยตลอด สาขาใหญ่ทั้งหลายค่อยๆ ขยับขยายมาตามลำดับ ท่านปู่ของหลัวอี้เป็นพ่อค้าสมุนไพรมาจากเมืองไท่หยาง เริ่มปักหลักในเมืองหลวงโดยการก่อตั้งร้านค้าเล็กๆ จนถึงรุ่นบิดาก็ขยายร้านค้าขึ้นหลายคูหากลายเป็นร้านใหญ่และมีสาขาที่สองตามมา
ท่านปู่ของเขาสอนเสมอว่า ‘กิจการค้าความมั่นคงสำคัญพอๆ กับการเติบโต ขอเพียงมีเงินเก็บใช้ในครัวเรือน และมีเงินทุนในกิจการมากเพียงพอ วันหน้าหากเกิดปัญหาขึ้น ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็จะแก้ไขได้’
“แต่เราไม่ควรปล่อยให้พวกเขาทำอย่างราบรื่นเกินไปนะขอรับ สาขาที่ห้าของเราเพิ่งเปิดได้ไม่นาน ข้าวาดหวังไว้ว่าในปีนี้เราจะเปิดสาขาที่หก”
“แล้วเจ้าคิดทำอย่างไร?”
“ท่านพ่อ ข้าจะต้องไปสืบเรื่องนี้และลงมือให้เร็ว ไม่ให้สกุลอู๋ทำสำเร็จขอรับ” สีหน้าของหลัวอี้เคร่งเครียด
“เจ้าจะทำสิ่งใดกับคนตระกูลนั้นก็ระวังสักหน่อย แม้อู๋ซุ่นซีจะเป็นคนซื่อ ตรงไปตรงมา แต่อู๋หยางกลับมิใช่”
“ขอรับท่านพ่อ ข้าจะระวังตัว คงต้องสืบเรื่องของอู๋จิงอวี๋ให้ละเอียดเสียก่อนจึงค่อยลงมือ คนผู้นี้ได้ยินว่าเป็นญาติของอู๋หยาง สมญานามหมอเทวดาคงไม่ได้มาเพราะตั้งเอาเองเป็นแน่”
หลัวอี้ส่งสายสืบของตนไปด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าคฤหาสน์สกุลอู๋หลายวัน พอได้ยินว่าท่านหมออู๋ผู้พี่เป็นบุรุษรูปงามไม่ต่างจากท่านหมออู๋ผู้น้องก็นึกอยากจะเห็นด้วยตาตนเอง
“เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้มองผิด นั่นอาจจะเป็นอู๋หยางที่แต่งกายใหม่ก็ได้อู๋ซุ่นซีเป็นพี่ชายแท้ๆ ของอู๋หยางแม้จะถือว่าหน้าตาดีแต่กลับมิได้รูปงามราวเทพเซียนอย่างน้องชาย”
“คุณชายขอรับ ข้าเคยเห็นท่านหมออู๋อยู่สองสามครั้งก็จริง แต่ก็จดจำใบหน้าของคนผู้นำได้แม่นยำอยู่ รูปร่างของท่านหมออู๋จิงอวี๋แตกต่างจากท่านหมออู๋หยางค่อนข้างชัด อู๋จิงอวี๋บอบบางอ้อนแอ้นกว่ามากขอรับ”
“ดีๆ เสี่ยวไป๋ หากเจ้ายืนยันเช่นนั้น ข้าก็จะไปดูเขาด้วยตนเอง”
ชายหนุ่มร่างสูงแอบยืนอยู่มุมกำแพงพร้อมด้วยผู้ติดตามอีกสองคน
อู๋จิงอวี๋ที่ย่างเท้าลงจากบันไดประตูหน้าคฤหาสน์เหลือบไปเห็นคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงก็ขมวดคิ้ว พลันใบหน้าของหลัวอี้ก็ยื่นออกมา ท่านหมอรูปงามถึงกับชะงัก
‘บุรุษผู้นั้นดูดีเสียจริง ท่าทางองอาจ มาแอบดูสตรีบ้านใดกัน?’
ขณะเดียวกันสตรีหลายคนก็เดินผ่านมาพอดี อู๋จิงอวี๋หันไปมองพวกนางก็พลันได้เห็นสายตาตกตะลึงแกมชื่นชม พวกนางหยุดยืนมองเขา กระทั่งท่านหมอหนุ่มขึ้นไปบนรถม้า
หลัวอี้ได้เห็นอู๋จิงอวี๋เต็มตาก็นิ่งอึ้งไปเช่นกัน เขาไม่คาดคิดมาก่อนจะว่าจะมีบุรุษที่ดูงดงามยิ่งกว่าอิสตรีเช่นนี้ในเมืองหลวง
“คุณชาย! คุณชาย! ท่านเห็นหรือไม่? ท่านหมออู๋ใหญ่เป็นคนงามอย่างที่ข้าบอกจริงๆ นะขอรับ”
หลัวอี้ถูกผู้ติดตามคนสนิทดึงชายเสื้อสองสามครั้งก็ตั้งสติขึ้นมาได้
“อืม...จริงอย่างที่เจ้าบอก”
“เราตามไปดูกันเถอะว่าอู๋จิงอวี๋จะไปที่ใด?”
“วันนี้น่าจะไปดูการตระเตรียมโรงหมอนะขอรับ”
เสี่ยวไป๋หมายถึงอาคารบนถนนร่ำสุข ที่สกุลอู๋เพิ่งไปทำสัญญาเช่ามาจากสกุลเจิ้งเมื่อไม่กี่วันก่อน
“ข้าลืมไปได้อย่างไร? ใต้เท้าเจิ้งกับข้าก็สนิทสนมกันดี หากรู้ว่า อู๋หยางคิดจะเช่าตึกนั้นล่ะก็ ข้าไปยับยั้งก่อนก็สิ้นเรื่องแล้ว”
“ท่านไม่ได้รู้ล่วงหน้านี่ขอรับ คุณชาย พวกเขาตกลงกันไปแล้ว ท่านจะไปหักหาญได้อย่างไร?”
หลัวอี้เม้มปาก “ข้ามีวิธีก็แล้วกัน”
“ข้ารู้ขอรับว่าคุณชายเป็นคนเจ้าเล่ห์ เอ๊ย! เจ้าแผนการ แต่ตอนนี้ข้าว่าพวกเราน่าจะขัดขวางให้เขาเปิดโรงหมอได้ช้าลงนะขอรับ”
“จริงของเจ้า ขัดขวางพวกเขาก่อน แล้วข้าค่อยไปจัดการแผนขั้นต่อไป”
คนทั้งสามตามอู๋จิงอวี๋ไปจนถึงที่หมาย อาคารสองชั้นขนาดสามคูหาที่ อู๋หยางทำสัญญาเช่าเอาไว้นั้นช่างอยู่ในทำเลที่ดีจนหลัวอี้รู้สึกหนักใจ
‘หากว่าพวกเขาเปิดโรงหมอที่นี่สำเร็จ ผู้คนต้องหลั่งไหลเข้ามารักษากันอย่างมากแน่ๆ เพราะละแวกนี้ยังไม่มีโรงหมอมาตั้ง ซ้ำยังเป็นย่านที่มีคนต่างถิ่นเข้ามาพักอาศัยมากเสียด้วย’
หลัวอี้มองโรงเตี๊ยมหลายแห่งที่เพิ่งผุดขึ้นใหม่ เขาเป็นเจ้าหน้าที่จัดเก็บภาษีร้านค้าและกิจการต่างๆ จึงรู้ว่าในซอยแถวนี้มีที่พักรายคืนและบ้านเช่ามากมายที่พวกพ่อค้าและคนเดินทางมักจะเข้ามาพักอาศัย
หลัวอี้ติดตามอู๋จิงอวี๋จนมืดค่ำก็กลับคฤหาสน์ของตน เขากลับไปบอกกับบิดาว่าสกุลหลัวคงต้องไปติดต่อกับโรงหมอสักแห่งเพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้ยาสมุนไพรที่มาจากร้านหวยเจี่ยเท่านั้น
“หากว่าพวกเขายอมตกลงกับเรา ต่อไปเราก็ลดราคาสมุนไพรให้โรงหมอแห่งนั้นในราคาต่ำกว่าเดิม แต่ให้เขาเขียนเทียบยาแล้วชี้ว่าต้องมาซื้อกับพวกเราเท่านั้น ท่านพ่อว่าทำเช่นนี้ดีหรือไม่?”
“ดีสิ! ขอเพียงพวกหมอทั้งหลายชมว่าคุณภาพสมุนไพรร้านเราดี ยอดขายต้องเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย”
สองพ่อลูกสกุลหลัวปรึกษาหารือกันจนดึกดื่น เช้าวันต่อมาเป็นวันหยุดงานของหลัวอี้ ชายหนุ่มจึงได้ออกไปยังโรงหมอของท่านหมอนิ่ง เงื่อนไขที่เขาเสนอให้เป็นที่ถูกใจของหมอวัยกลางคนผู้นั้น แต่พอขยับไปยังโรงหมอแห่งอื่นๆ ชายหนุ่มก็ต้องพบกับความผิดหวัง
“ท่านพ่อ ข้าสั่งคนให้ทำป้ายโฆษณาร้านยาสมุนไพรของเราไปติดที่โรงหมอของท่านหมอนิ่งแล้วขอรับ ต่อไปคนเจ็บป่วยหากไม่อยู่รักษาก็ต้องรับเทียบยามาซื้อที่ร้านของเรา”
“ดีๆ ถ้าเราตกลงกับโรงหมอได้ทุกแห่ง แค่นั้นก็เท่ากับตัดแข้งตัดขาสกุลอู๋ได้แล้ว”
“ข้าไปสืบดูแล้ว มีโรงหมอสามสี่แห่งที่ทำข้อตกลงกับร้านยาสกุลอื่นไปแล้ว ร้านยาแห่งอื่นๆ ก็คิดเหมือนพวกเราคงเกรงว่าสกุลอู๋จะผูกขาดการค้าเรื่องยาขอรับ เพราะอยากที่ท่านพ่อว่ายาลูกกลอนของอู๋หยางได้ผลดี ทำให้คนที่เจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ไม่ค่อยมาหาหมอเหมือนเช่นแต่ก่อน”
“ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้เจ้าก็รีบไปตระเวนดูให้ทั่วเถิด ตกลงกับผู้ใดได้ก็รีบตกลง ทุกอุปสรรคล้วนเกิดขึ้นเพื่อทำให้เราคิดอ่านหาหนทางใหม่ๆ หากไม่มีข่าวเรื่องสกุลอู๋จะตั้งโรงหมอ เจ้าก็คงคิดวิธีการเช่นนี้ไม่ออก”
“ขอรับ ข้าจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด”
หลัวอี้สามารถตกลงกับโรงหมอได้อีกสามแห่ง พอเขาเริ่มคำนวณปริมาณยาที่จะขายได้เพิ่มขึ้นหักลบกับการลดราคาที่จะให้เป็นพิเศษแก่โรงหมอเหล่านั้นก็พอจะยิ้มออก
“วิธีการผูกขาดการค้าเช่นนี้ สร้างกำไรให้มากเหมือนกัน นี่หากตกลงกับโรงหมอได้ทุกแห่ง เห็นทีกิจการสกุลหลัวคงผงาดขึ้นมาแซงหน้าสกุลอู๋”
“โรงหมอในเมืองหลวงยามนี้มีเพียงเก้าแห่ง เจ้าไปทำสัญญาได้ถึงสี่แห่งก็นับว่าเกือบครึ่งแล้วนะ”
“ขอรับ ที่เหลือก็เป็นของร้านยาอื่นๆ แบ่งๆ กันไป ดูแล้วข้าก็ไม่หนักใจขอรับ รอดูโรงหมอสกุลอู๋เท่านั้น ด้วยชื่อเสียงของอู๋หยาง หากเขารับรองฝีมือของอู๋จิงอวี๋ ผู้คนคงจะแห่แหนมารักษากันไม่น้อย”
“เจ้าอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ เราก็ดูไปก่อนก็แล้วกัน”
********************
