บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ท่านหมอเทวดา

ชายหนุ่มรูปงามรูปร่างอ้อนแอ้นยืนอยู่หน้าประตูใหญ่คฤหาสน์สกุลอู๋ บ่าวรับใช้มองเห็นใบหน้างดงามของผู้มาเยือนละม้ายคล้ายกับคุณชายรองอู๋ก็รีบวิ่งเข้ามาหา

“คุณชายขอรับ ท่านคืออู๋จิงอวี๋ใช่หรือไม่?”

“เจ้ารู้จักข้าด้วยหรือ?”

“คุณชายรองสั่งเอาไว้แล้วว่าท่านจะเดินทางมาถึงช่วงเวลานี้ ท่านเองก็หน้าตาเหมือนกับคุณชายรองมาก แค่เห็นก็รู้แล้วขอรับ”

“อ้อ! อย่างนั้นหรือ? ข้าไม่ได้พบกับพวกเขามานับสิบปีแล้ว”

“เชิญคุณชายข้างในเถิดขอรับ”

อู๋ฮูหยินเห็นอู๋จิงอวี๋ก็ยิ้มกว้าง รีบหันไปสั่งสาวใช้เอาของว่างกับน้ำชามาต้อนรับหลานชายที่เดินทางมาจากแดนไกล ท่านหมอหนุ่มแห่งสกุลอู๋ควักเอาจดหมายของท่านพ่อออกมายื่นให้กับอาสะใภ้

อู๋ฮูหยินอ่านข้อความทั้งหมดแล้วก็ยิ้มน้อยๆ นางได้เห็นตราประทับประจำตระกูลอู๋ก็มั่นใจได้แล้วว่าอู๋จิงอวี๋ผู้นี้คือตัวจริง

“ข้าไม่เห็นเจ้ามาตั้งนาน ไม่น่าเชื่อว่าพอโตขึ้นพวกเจ้าจะหน้าคล้ายเสี่ยวหยางมากถึงเพียงนี้ แทนที่จะเป็นเสี่ยวซุ่นซี น่าแปลกดีจริง” อู๋ฮูหยินหมายถึงอู๋ซุ่นซีพี่ชายของอู๋หยางที่แต่งงานแล้วและมีลูกชายตัวเล็กๆ สามคน

“เหมือนมากเลยหรือขอรับ?”

“เจ้าคอยดูหน้าเขาเองก็แล้วกัน อีกสักครึ่งชั่วยามก็คงกลับมาแล้ว ตอนนี้เสี่ยวหยางกำลังสาละวนกับยาตัวใหม่ที่เพิ่งผลิตออกมาวางจำหน่ายได้ไม่นาน ต้องคอยวนเวียนไปตามร้านเฉี่ยนซือแต่ละสาขาในเมืองหลวงเพื่อตรวจตราความเรียบร้อย ส่วนเสี่ยวซุ่นซีดูแลโรงเก็บและอบสมุนไพร คงจะกลับตอนเย็นโน่นล่ะ เจ้าก็ไปพักผ่อนอาบน้ำให้สบายใจก่อนเถิด ถึงตอนนั้นท่านอาของเจ้าก็คงจะตื่นนอนพอดี เมื่อคืนเขานอนไม่ค่อยหลับ ข้าจึงได้บังคับให้เขานอนกลางวัน”

อู๋จิงอวี๋ถูกนำตัวไปยังเรือนนอนของอู๋หยาง พ่อบ้านฝูได้บอกกล่าวแก่คุณชายคนใหม่ว่าอู๋หยางออกไปพักอยู่กับภรรยาที่เรือนปรุงยาด้านหลัง เรือนนี้จึงมีไว้สำหรับต้อนรับญาติๆ ที่เดินทางมาจากแดนไกล

“ถ้าอย่างนั้น เสี่ยวหยางก็คงจงใจจัดไว้ต้อนรับข้า”

“เป็นเช่นนั้นขอรับ ตั้งแต่คุณชายรองเขียนจดหมายไปหาท่านก็ดูจะแน่ใจว่าท่านต้องมาแน่ จึงได้สั่งให้ข้าน้อยจัดเรือนนี้เอาไว้”

“ข้ารู้เพียงว่าเสี่ยวหยางแต่งงานแล้ว แต่ว่าน้องสะใภ้เป็นคนเช่นไร ข้ายังไม่รู้เลย พ่อบ้านฝูเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่?”

“น้องสะใภ้ของท่านเป็นมือปราบหนุ่มในสำนักมือปราบหน่วยที่หกขอรับ คุณชายม่อเป็นคนซื่อตรง ใจดี มีเมตตาขอรับ”

“หือ? คุณชายม่อ”

“ขอรับ ม่อชิงฉือ บ่าวในคฤหาสน์เรียกขานว่าคุณชายม่อ”

สีหน้าของอู๋จิงอวี๋แสดงความแปลกใจออกมาเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าญาติผู้น้องจะชอบบุรุษด้วยกัน ทั้งๆ ที่อู๋ซุ่นซีแต่งงานกับสตรีและมีบุตรชายหลายคน

“ท่านอากับท่านอาสะใภ้ยอมด้วยหรือ?”

“คุณชายอู๋ ท่านทำยังกับไม่รู้ว่านายท่านของพวกข้าตามใจคุณชายรองมากเพียงใด?”

“อืม...ช่างเป็นการตามใจกันอย่างสุดโต่งเสียจริง” อู๋จิงอวี๋หัวเราะเบาๆ “ดีๆ ข้าชักอยากจะเห็นน้องสะใภ้ผู้นี้เสียแล้ว”

อู๋หยางกลับมาพร้อมกับม่อชิงฉือกลับมาหลังตะวันตกดิน ทั้งสองเดินจับมือกันเข้ามายังห้องรับประทานอาหาร คนในครอบครัวที่กำลังนั่งรอพร้อมหน้าก็รีบหันไปมองสองสามีภรรยา

“พี่จิงอวี๋ ท่านมาถึงเร็วจริง”

อู๋จิงอวี๋มองดูญาติผู้น้องก็ยิ้มกว้าง จริงอย่างที่ทุกคนบอก ใบหน้าของอู๋หยางละม้ายกับเขาหลายส่วน หากมองไกลๆ อาจจะคิดว่าเป็นคนเดียวกัน

ม่อชิงฉือถึงกับตะลึง นอกจากสามีของตนที่หล่อเหลารูปงามแล้ว อู๋จิงอวี๋คนนี้ก็รูปลักษณ์งดงามแพ้กัน

“ข้าเร่งเดินทางเพราะห่วงว่าเจ้าจะรอนานน่ะสิ” สายตาของอู๋จิงอวี๋หันไปมองบุรุษในชุดแดงสีเลือดหมูที่ยืนอยู่ข้างๆ อู๋หยาง “นี่ล่ะสินะ น้องสะใภ้ของข้า ดูๆ ไปก็เหมาะกับเจ้ามากทีเดียว”

อู๋หยางหัวเราะร่วน “ข้าลืมเล่าเรื่องชิงฉือให้ท่านฟังเสียสนิท มัวแต่ห่วงเรื่องการตั้งโรงหมอ”

ม่อชิงฉือรีบคารวะญาติผู้พี่ของสามี เรื่องราวของหมอเทวดาอู๋จิงอวี๋ อู๋หยางนอนเล่าให้นางฟังมาหลายวัน

คหบดีอู๋รีบเรียกให้บุตรชายคนรองกับสะใภ้ของตนนั่งลงเพื่อจะได้รับประทานอาหารอย่างพร้อมหน้า อู๋จิ้นกับอู๋เสี่ยวปินปิน บุตรชายตัวน้อยของอู๋ซุ่นซีได้รับอนุญาตให้มานั่งร่วมโต๊ะอาหารโดยมีมารดาคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ

พอเห็นอาสะใภ้อย่างม่อชิงฉือ เด็กน้อยทั้งสองก็สงบเสงี่ยมขึ้นมาทันทีทันใดจนอู๋ฮูหยินที่ลอบสังเกตอยู่หัวเราะออกมาเบาๆ

อู๋จิงอวี๋มองตามสายตาของท่านอาสะใภ้ก็เห็นว่าหลานชายจอมซนทั้งสองเมื่อครู่ยังนั่งกินอาหารอย่างไม่ค่อยสำรวมนัก ทว่าพอเห็นม่อชิงฉือทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พวกตนก็มีท่าทีระมัดระวัง

“มีมือปราบอยู่ในครอบครัวก็ดีอย่างนี้เอง พวกเด็กซนทั้งหลายกลัวจะถูกจับเข้าคุกจึงต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่” คหบดีอู๋พูดพลางยิ้มเอ็นดูหลานๆ

“ทีแท้ เด็กสองคนก็เกรงใจน้องสะใภ้นี่เอง”

อู๋ซุ่นซียิ้มกว้าง “เขากลัวกันมานานแล้วขอรับพี่จิงอวี๋ ทุกวันนี้หากจะสั่งสอนอันใดก็ล้วนต้องมอบให้เป็นหน้าที่ของท่านอาชิงฉือ”

อู๋จิงอวี๋พยักหน้าหงึกหงัก เขารู้สึกดีใจแทนม่อชิงฉือที่ได้รับการยอมรับในครอบครัวของสามี และเข้ากับทุกคนได้ดี

หลังรับประทานอาหาร ม่อชิงฉือพาหลานๆ ไปเล่นเดินเล่นที่สนาม สอนพวกเขาตวัดกระบี่สองสามท่าพอได้ออกกำลังให้อาหารในท้องได้ย่อย เขาทำกระบี่ไม้ให้อู๋จิ้นและอู๋ปินปินคนละอัน หลานชายทั้งสองของอู๋หยางจึงติดท่านอาสะใภ้อย่างมากและอยากจะกลายเป็นมือปราบเลื่องชื่อเมื่อโตขึ้น

คหบดีอู๋กับลูกหลานปรึกษาหารือเรื่องการตั้งโรงหมอ

“ที่ข้าเขียนจดหมายไปเชิญท่านพี่มาก็เพราะเห็นว่ายามนี้ร้านยาสมุนไพรของสกุลอู๋ในเมืองหลวงก็มีถึงสิบสาขา ข้าเองก็คิดค้นและปรุงยาใหม่ๆ ออกมาหลายสิบขนาน เหลือเพียงการตรวจรักษาโรคที่ข้าไม่อยากจะทำขอรับ”

“อาเองเห็นว่าเจ้าความสามารถที่เรียกได้ว่าเป็นหมอเทวดาผู้หนึ่ง ควรจะได้ใช้ความรู้ช่วยเหลือผู้คนอย่างเต็มที่ โรงหมอสกุลอู๋ที่เราจะตั้งขึ้นนี้ อาตั้งใจจะช่วยเหลือคนยากไร้ไปด้วยส่วนหนึ่ง ที่ผ่านมา หากคนจนเจ็บป่วยหนักยากนักที่พวกเขาจะรอดชีวิต แม้ว่าร้านยาเฉี่ยนซือของเราจะขายยาในราคายุติธรรมแล้วก็ตาม”

อู๋จิงอวี๋ยิ้มให้กับท่านอาและญาติผู้น้อง

“เป็นเพราะพวกท่านบอกกล่าวข้าเช่นนี้ ข้าจึงได้ยอมลงจากเขามาเพื่อช่วยพวกท่านตั้งโรงหมอ ที่ผ่านมาข้าเองก็ลงเขามาเป็นบางครั้งเพื่อช่วยตรวจรักษาให้คนยากคนจนโดยไม่เก็บค่ารักษา แต่ยาหลายอย่างต้องใช้เงินซื้อ ข้าจึงต้องมีรายได้มาจุนเจือในส่วนนี้”

“ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ข้ากับภรรยาดูแลบัญชีรายได้ทั้งหมดของร้านเฉี่ยนซือ พวกเราได้แบ่งกำไรส่วนหนึ่งเอาไว้เพื่อสนับสนุนค่ายาให้กับโรงหมอเพื่อให้ท่านได้ช่วยเหลือคนยากไร้อย่างเต็มที่”

“ขอบใจนะ เสี่ยวซุ่นซี ได้ยินเช่นนี้ข้าก็สบายใจ”

“ไม่ได้มีแต่ค่ายาของคนจนนะขอรับ ยังมีเบี้ยหวัดของท่านด้วย โรงหมอสกุลอู๋ของเรามีปณิธานจะดูแลคนรวยเพื่อเอาเงินมาช่วยคนจน”

“ดีๆ ถ้าอย่างนั้นข้าเองก็ยินดีอย่างยิ่ง”

อู๋หยางยื่นมือมาจับแขนญาติผู้พี่

“โรงหมอสกุลอู๋มอบให้ท่านเป็นผู้ดูแลนะขอรับ ข้าเชื่อมั่นว่าชื่อเสียงในการรักษาของท่านจะทำให้ยาในร้านเฉี่ยนซือขายดีมากยิ่งขึ้น นั่นหมายถึงเราจะได้ช่วยเหลือคนจนได้มากขึ้นขอรับ”

“เสี่ยวหยาง เจ้าเองก็ต้องเจียดเวลามาช่วยข้าตรวจโรคให้คนป่วยด้วยเล่า วิชาแพทย์ของเจ้าก็ดีมากเลยนี่ หลังจากเจ้าลงจากเขามาครั้งนั้น ท่านอารองยังอุตส่าห์มาช่วยสอนให้เจ้าอยู่บ่อยๆ”

คหบดีอู๋มีพี่น้องสามคน พี่ชายคนรองเป็นหมอพเนจรไม่มีครอบครัว ตอนอู๋หยางยังเด็ก เขาเคยติดตามท่านลุงรองขึ้นไปเรียนวิชาแพทย์กับท่านปู่บนเขาหลายปี หลังจากลงจากเขา ท่านลุงรองผู้เป็นหมอเทวดาผู้หนึ่งก็ยังวนเวียนตามมาสอนวิชาแพทย์ให้เขาที่เรือนปรุงยาอยู่หลายคราว

“ได้ขอรับ ข้าว่าพอเราประกาศออกไปว่าจะตั้งโรงหมอสกุลอู๋ น่าจะมีหมอหลายคนอยากจะมาสมัครทำงานด้วย” อู๋หยางเอ่ยอย่างปลาบปลื้ม

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปลงประกาศในจดหมายข่าวของสำนักข่าวนกกระจิบ เพื่อให้คนทั่วหล้าได้รับรู้เรื่องนี้” อู๋ซุ่นซียิ้มกว้าง

****************************

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel