บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ถ้วยชาใบเก่า

"แย่แล้ว เอาอย่างไรดีเนี่ยเรา" เหมยฮวาที่ยืนแอบมองอยู่มุมห้องพึมพำเสียงเบาด้วยความว้าวุ่นใจ หลังจากที่นางได้ยินเสียงคนทะเลาะกันจึงรีบวิ่งมาดู แต่เมื่อมาถึงกลับแลเห็นซ่งลี่หนิงกำลังยืนร้องไห้ตัวสั่นระริกในอ้อมแขนของหมาวอี้เข่ยไท่จื่อ

ถ้าหากเป็นในยามปกติที่นางได้มาเห็นสหายรักอยู่กับหมาวไท่จื่อ นางก็จะแสร้งทำเป็นหลับหูหลับตาปล่อยให้พวกเขาได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง หากแต่ว่าในตอนนี้ไม่ใช่ในยามปกติ อีกทั้งซ่งลี่หนิงยังประกาศปาวๆต่อนางเมื่อไม่นานมานี้ว่าหยุดหวังสูงเลิกรักหมาวไท่จื่อแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น นางพาซ่งลี่หนิงออกมาจากจวนสกุลซ่งนานแล้ว ไม่แน่ว่าตอนนี้ที่จวนสกุลซ่งต้องกำลังถามหาซ่งลี่หนิงเป็นแน่

แต่ถ้าจะให้นางเดินไปขอตัวซ่งลี่หนิงคืนจากหมาวไท่จื่อ นางก็ทำไม่ได้หรอก ใครจะกล้าสุ่มเสี่ยงนำศีรษะของตนเองไปท้าทายอำนาจผู้สูงศักดิ์อนาคตบิดาแห่งแคว้นเพ่ยเล่า แต่ถ้าจะรอให้หมาวไท่จื่อทรงปล่อยตัวซ่งลี่หนิงออกมาเอง เช่นนั้นนางจะต้องรอนานแค่ไหนกัน

"โอ๊ย! ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลยเรา" เหมยฮวาใช้มือขยี้ศีรษะของตนไปมาด้วยความว้าวุ่นใจ หัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันเป็นปมครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง สุดท้ายนางจึงตัดใจจากซ่งลี่หนิงเดินทางกลับจวนสกุลซ่งไปก่อน

ยามนี้ซ่งลี่หนิงเลิกร้องไห้แล้ว หลังจากที่นั่งร้องไห้ปล่อยโฮน้ำตานองหน้าอยู่นาน คิดแล้วก็รู้สึกอับอายไม่น้อย เป็นเพราะความหวาดกลัวจากเหตุการณ์ระทึกขวัญที่เพิ่งเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าสติสัมปชัญญะของนางจะขาดหายไปชั่วขณะ จากที่เคยตั้งใจว่าจะไม่ยอมใกล้ชิดคนใจร้ายอย่างหมาวไท่จื่อ แต่นางกลับกอดเขาร้องไห้ฟูมฟายจนน้ำตาเปียกปอนอยู่บนอกแกร่ง ทว่าชายผู้นั้นกลับไม่ว่าอะไร หนำซ้ำยังใช้มือลูบแผ่นหลังของนาง กล่าวเสียงนุ่มทุ้มอยู่ข้างหูอย่างปลอบประโลม หากเป็นในภพชาติก่อนที่นางยังคงหลงรักเขาอย่างหัวปักหัวปำ นางคงหลงเชื่อคิดว่าเขามีใจให้ ทว่าตอนนี้คนโง่เขลาเมื่อภพชาติเดิมไม่มีอีกแล้ว นางจึงคิดว่าเขาเพียงแค่รู้สึกสมเพชนางเท่านั้น

ทันทีที่ความหวาดกลัวเริ่มจางหายไป ซ่งลี่หนิงจึงรีบขืนตัวออกจากอ้อมแขนแกร่ง ทว่าคนตัวโตกลับกอดนางแน่นไม่ยอมปล่อย

"เจ้ามาทำอะไรที่นี่" เขาถามเสียงเข้ม ดวงตากวาดมองไปทั่วร่างบาง รู้สึกขัดใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นนางอยู่ในสภาพอาภรณ์น้อยชิ้น ล่อเสือล่อตะเข้เช่นนี้ อีกทั้งสถานที่แบบนี้ไม่ใช่ที่ๆนางควรมา แล้วเหตุใดนางถึงได้มาอยู่ที่นี่เล่า

"เป็นเรื่องส่วนตัวของหม่อมฉันเพคะ" ซ่งลี่หนิงแค่นยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาจะอยากรู้เรื่องของนางไปทำไมกัน ในเมื่อนางยังไม่อยากรู้เลยว่าเขามาทำอะไรที่นี่

"หากเจ้ายอมบอก ข้าก็จะบอกว่าข้ามาทำอะไรที่นี่ ถือว่าเราแลกกันดีหรือไม่" คงเป็นเพราะหมาวอี้เข่ยรู้ว่าซ่งลี่หนิงหลงรักเขา เขาจึงใช้จุดอ่อนในข้อนี้มาโน้มน้าวให้นางใจอ่อน

แต่ทว่านางไม่หลงกลเขาอีกต่อไปแล้ว!

"ไม่เพคะ ไท่จื่อจะทรงมาทำอะไรที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องของหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ได้อยากรู้เพคะ" นางตอบเสียงแข็ง ยามนี้หมาวไท่จื่อเปรียบเสมือนถ้วยชาใบเก่า แม้จะใช้ดีและเคยโปรดปรานมากเพียงใด แต่ทว่าตอนนี้กลับไม่คิดที่จะนำมาใช้อีกต่อไปแล้ว

"ข้ามาพบใครบางคนที่นี่" เขาหมายถึงกงโหว เจ้าเมืองของเมืองเพ่ยหวนเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญอันเป็นความลับที่ให้ผู้ใดรู้ไม่ได้จึงจำต้องนัดหมายกันยังที่สถานที่แห่งนี้และปลอมตัวมาไม่ให้ผู้ใดสงสัย ทว่าหลังจากคุยเรื่องความลับจบ กงโหวกลับไป เขาก็ได้ยินเสียงขององครักษ์คนสนิทขานเรียกชื่อของนาง

ซ่งลี่หนิงเบ้ปาก ใครบางคนที่เขาหมายถึงคงไม่พ้นเป็นพวกหญิงงามสินะ บุรุษใดที่มาเที่ยวที่หอบุปผชาติต่างก็ต้องการหาความสำเริงสำราญปลดปล่อยอารมณ์ไปกับเหล่าหญิงงามมิใช่หรือ

"เพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันไม่ขอรบกวนไท่จื่อแล้วเพคะ" ซ่งลี่หนิงพยายามขืนตัวออกเป็นหนที่สอง ครานี้หมาวอี้เข่ยยอมปล่อยนางแต่โดยดี ทว่าแค่เพียงคนตัวเล็กหยัดกายลุกขึ้นยืน ผ้าคลุมไหล่ผืนบางของนางกลับถูกดึงออกไปจากกายอย่างง่ายดาย

"ไท่จื่อทรงทำอะไรเพคะ เอาของๆหม่อมฉันคืนมานะ" หญิงสาวอุทานด้วยความตกใจ รีบยกมือขึ้นปิดทรวงอกอิ่มที่ล้นทะลักออกมาจากผ้าคาดอกผืนเล็ก หากไม่มีผ้าคลุม นางจะกล้าเดินออกไปจากห้องได้อย่างไร นางไม่ใช่สตรีหน้าทนพอที่จะเปิดเปลือยทรวงอกของตนให้ผู้อื่นเชยชมทางสายตา

หมาวอี้เข่ยมองคนตรงหน้าที่ทำหน้าตาราวกับกำลังจะร้องไห้พลางกระตุกยิ้มเบาๆ

"เจ้าทำให้ข้าเสียเวลากับเจ้ามานานมากจะออกไปง่ายๆโดยไม่คิดที่จะตอบแทนบุญคุณที่ข้าให้ที่พักพิงกับเจ้าบ้างเลยหรือ"

"ไท่จื่อต้องการอะไรเพคะ"

ซ่งลี่หนิงเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น พี่ชายสุดหล่อใจดีในอดีตของนางหายไปไหนเสียแล้ว เหตุใดเขาถึงได้เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนราวกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

"ไหนๆเจ้าก็แต่งกายเยี่ยงนางระบำแล้ว คงไม่เป็นไรหากเจ้าจะเต้นระบำให้ข้าดูสักเพลงสองเพลง" มุมปากหนากระตุกยิ้ม มือควงผ้าคลุมไหล่ของนางไปมาอย่างยียวน

"..." ก้อนเนื้อในอกซ้ายของซ่งลี่หนิงหนักอึ้ง นางเหนื่อยเหลือเกิน ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีกต่อไปแล้ว

"เจ้ากำลังสาปแช่งข้าในใจ"

"หม่อมฉันทำไม่ได้ ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันทูลลาเพคะ" น้ำเสียงของซ่งลี่หนิงแฝงไปด้วยความโศกเศร้า ก่อนที่จะขยับตัวหมุนกายหันหลัง ไม่สนใจผ้าคลุมในมือของเขาอีกต่อไป หากเขาไม่คืนให้นางก็จะไม่ง้อ อีกทั้งยังภาวนาขอให้อย่าได้เจอะเจอกับคนใจร้ายอย่างหมาวอี้เข่ยไท่จื่ออีกเลย

แต่การกระทำของนางร้อนถึงใครบางคนที่รีบผุดลุกขึ้นจากตั่งนั่ง วิ่งเข้าจับข้อมือเล็กเอาไว้ ซ่งลี่หนิงพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมจากมือหนา หากแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆเช่นกัน

เส้นความอดทนของนางขาดผึงลงทันใด ฉับพลันมือน้อยของซ่งลี่หนิงพลันฟาดลงบนแก้มสากของเขาอย่างแรง หมาวอี้เข่ยถึงกับหน้าหันอย่างไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดว่าซ่งลี่หนิงจะกล้าตบหน้าทำร้ายเขา!

คนทั้งสองต่างชะงักค้างไปทั้งคู่ ซ่งลี่หนิงคิดว่าหากหยูช่างกับหยูเชาเห็นเหตุการณ์นี้ เส้นชะตาชีวิตของนางคงได้ขาดออกจากกันเป็นแน่ และถ้าหากหมาวไท่จื่อทรงคิดเอาเรื่อง นางยังอาจต้องโทษ โทษฐานที่ทำร้ายสมาชิกราชวงศ์ สกุลซ่งของนางต้องเดือดร้อนไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

'งื้อ ไม่ได้นะ นางเพิ่งผ่านพ้นความตายมา ไม่อยากตายเป็นหนที่สอง อีกทั้งยังกลัวท่านพ่อท่านแม่และท่านพี่หนานหนานต้องลำบากไปด้วย' ซ่งลี่หนิงคร่ำครวญอยู่ในใจ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนจะปิดเปลือกตาลงเอ่ยเสียงสั่น

"ไท่จื่อทำหม่อมฉันคืนเถิดเพคะ เอาให้เลือดออกด้วยก็ได้ แต่อย่าให้ถึงกับฟันร่วงหรือหน้าหักเลยนะเพคะ หม่อมฉันกลัวเสียโฉม" นางไม่อยากให้คนสกุลซ่งต้องลำบากเพราะนาง อีกทั้งยังไม่อยากให้ใบหน้าของตนเสียโฉม เพราะนางยังต้องใช้ใบหน้าในการหาบุรุษที่จะมาแต่งงานด้วยในอนาคต

หมาวอี้เข่ยมองคนที่ยืนตัวสั่นเทิ้ม ริมฝีปากสั่นระริกไปมาด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่กระนั้นมือหนากำแน่นเข้าหากัน ด้านซ่งลี่หนิงเห็นเขาเงียบไป นางจึงแอบหรี่ตาขึ้นมาดูข้างหนึ่ง เห็นคนตัวโตกำหมัดแน่น นางจึงกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

นางบอกให้เขาตบนางคืนได้ แต่เขาถึงกับคิดที่จะใช้หมัดตะบันหน้านางเลยหรือ ไม่ยุติธรรมเลย! ซ่งลี่หนิงรู้สึกเหมือนว่าตนกำลังจะเป็นบ้า ความรู้สึกหลายอย่างประดังประเดเข้ามา หากแต่จะโทษเขาก็ไม่ได้ เพราะมีเพียงนางที่รับรู้ความรู้สึกนั้นอยู่เพียงผู้เดียว

ทว่าจู่ๆร่างเล็กก็ถูกคว้าเข้าไปกอด หมาวอี้เข่ยเกยคางลงบนไหล่กลมกลึงของนาง พลางเอ่ยเรียกคนตัวเล็กเสียงแผ่ว

"หนิงเอ๋อร์"

ซ่งลี่หนิงตกตะลึง ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ร่างกายชาวาบไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า คำเรียกที่แสนสนิทสนมคุ้นเคยนี้ เขามักจะใช้เรียกนางในยามที่ได้ร่วมรักกันเท่านั้น

"ไท่จื่อ" นางขานเรียกคนตัวโตเสียงแผ่ว เงยหน้าจากอกแกร่งประสานสายตากับนัยน์ตาคมดุ รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่คนอย่างหมาวไท่จื่อที่ไม่เคยแสดงท่าทีชอบพอรักใคร่กับนางมาก่อน อีกทั้งยังไม่เคยเรียกนางด้วยวาจาหวานหูเช่นนั้น เพราะชาตินี้นางกับเขายังไม่เคยร่วมรักกัน ในเวลานี้เขาเห็นนางเป็นเพียงเด็กน้อยที่วิ่งโร่ขอความรักจากเขา ราวกับเด็กที่กำลังร้องขอขนมหวานกินเท่านั้น

"เจ้าคิดว่าข้าจะจำเรื่องของเราไม่ได้หรือ"

ซ่งลี่หนิงกะพริบตาถี่ หยาดน้ำทะลักทะลายออกมาเกลื่อนใบหน้า ทว่าเมื่อมือหนายกขึ้นหมายจะปาดน้ำตาออกให้ นางกลับปัดมือของเขาออกพลางก้าวถอยหลังหนีไปหลายก้าว

"แต่หม่อมฉันลืมมันไปหมดแล้ว ต่อจากนี้ไปต่างคนต่างอยู่เถิดเพคะ ชาติก่อนหม่อมฉันผิดเองที่ดื้อรั้น สร้างความลำบากใจและความรำคาญให้ไท่จื่อไม่เลิกรา อีกทั้งหม่อมฉันได้ชดใช้ความผิดนั้นด้วยชีวิตของหม่อมฉันและลูกไปแล้ว"

ยิ่งนึกถึงเจ้าก้อนกลมที่อยู่ในท้อง จิตใจของคนที่กำลังจะได้เป็นแม่คนทว่ากลับถูกพรากโอกาสนั้นไปอย่างเลือดเย็นกลับยิ่งร้าวรานปวดใจจนแทบจะทานทนไม่ไหว

"เจ้าหมายความว่าอย่างไร" หมาวอี้เข่ยถามด้วยสุรเสียงนิ่งเรียบ หากนางหันมาสบตากับเขาสักนิดคงจะได้เห็นดวงตาวาวโรจน์ดั่งมีกองเพลิงสุมอยู่ภายใน

"หม่อมฉันเลิกรักไท่จื่อได้แล้วเพคะ ไม่ทราบว่าท่านจะทรงทราบหรือยังว่าตอนนี้หม่อมฉันกำลังจะแต่งงาน หม่อมฉันอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่อยากจมปลักอยู่กับท่านอีกต่อไปแล้วเพคะ"

ปึง!

ซ่งลี่หนิงสะดุ้งโหยงขึ้นด้วยความตกใจ ทันทีที่นางพูดจบก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินกระแทกตึงตังพร้อมกับเสียงประตูที่ถูกปิดลงอย่างแรง

เขาไปแล้ว...

ร่างบางทรุดลงนั่งไปบนพื้นอย่างหมดแรง ซบใบหน้าลงบนเข่าสะอึกสะอื้นจนไหล่สะท้าน

ไม่เอาอีกแล้ว นางจะไม่เอาหัวใจไปให้เขาย่ำยีเล่นอีกแล้ว!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel