
บทย่อ
เมื่อมีรักกลับกลายเป็นคนโง่เขลา แม้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตยังมองเขาด้วยความรักสุดหัวใจ แต่ภพชาติใหม่นี้จะไม่เอาตัวไปให้คนใจร้ายเชยชมเล่นอีกแล้ว แต่เหตุใดนางถึงรู้สึกว่าหมาวไท่จื่อกำลังยั่วยวนนางกันล่ะ
บทที่ 1 ไยต้องย้อนเวลากลับมาตอนนี้!
ซ่งลี่หนิงน้ำตาไหลอาบเปื้อนใบหน้า หอบเอาร่างกายบอบช้ำวิ่งหนีคนใจร้ายด้วยความหวาดกลัว ชุดสีชมพูอ่อนที่อยู่บนเรือนกายงดงามหลุดรุ่ยจนเห็นผิวกายขาวเนียนที่โผล่พ้นออกมาจากผืนผ้า ผวาหันกลับไปมองข้างหลังหาคนใจร้ายเกรงว่าเขาจะติดตามมาด้วยความหวาดระแวง
หมาวอี้เขยไท่จื่อคือบุรุษที่นางมอบใจให้ นางรักเขามาตั้งแต่วัยเยาว์ จวบจนกระทั่งเติบโตขึ้นเวลาผ่านมาเป็นสิบปี ความรู้สึกที่นางมีให้ 'พี่ชายสุดหล่อ' ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
'พี่ชายสุดหล่อ หากโตขึ้นพี่ชายต้องแต่งงานกับข้านะ หาไม่ข้าจะไม่ยอมจริงๆด้วย'
'ได้สิ ข้าสัญญา'
ซ่งลี่หนิงยังคงจดจำคำสัญญาที่เขาให้นางได้เป็นอย่างดี แม้กระทั่งเติบโตขึ้นเขาก็ยังยืนยันคำเดิม เพราะคิดว่าเขาจะไม่มีวันผิดสัญญา นางจึงยอมมอบกายมอบใจให้กับเขาไป หลงเชื่อคำรักหลอกลวงที่เขาเคยบอก กว่าจะรู้ซึ้งว่าตนเองเป็นคนโง่เขลา เมื่อสุดท้ายเขาหันไปคว้าบุตรีของแม่ทัพเหมยฮ่าวฝูมาเป็นพระชายาเอก นางจึงคิดยอมแพ้แม้จะไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย เพราะยังคงรักหมาวอี้เขยไท่จื่อจนล้นอก
แม้จะไม่อาจทนมองเขายืนเคียงคู่กับสตรีอื่นได้ แต่เพราะวันนี้เป็นวันมงคลระหว่างหมาวไท่จื่อกับบุตรสาวสกุลเหมย บรรดาขุนนางและครอบครัวจากสกุลต่างๆถูกบังคับให้เข้ามาร่วมงาน ซ่งลี่หนิงจึงจำต้องตามบิดามารดามาอย่างปฏิเสธไม่ได้
หากแต่ว่าหลังจากที่พิธีมงคลดำเนินไปจนถึงตอนจบ นางก็ถูกพาตัวมายังห้องๆหนึ่งที่อยู่ปีกท้ายของทางตำหนักเพ่ยอันพร้อมทั้งบอกกล่าวกับนางว่าถังซือซือฮองเฮาทรงมีเรื่องจะพูดคุยด้วย ทว่าหลังจากนั่งรอไปได้พักใหญ่ บานประตูห้องก็ถูกผลักให้เปิดออก ร่างบางของซ่งลี่หนิงรีบผุดลุกขึ้นยืนหมายจะทำความเคารพฮองเฮาผู้สูงศักดิ์
ทว่าเมื่อเห็นคนที่เดินออกมาจากหลังฉากกั้น ร่างสูงองอาจในชุดสีแดงมงคลทำให้นางต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ปากบางเผยอค้างอย่างตกตะลึง ในขณะที่เขาย่างสามขุมเข้ามาหา นางจึงรีบก้าวถอยหลังหนีเขาอย่างรวดเร็ว
เขาควรจะอยู่ที่ห้องหอกับพระชายาเหมยฮวามิใช่หรือ
"จะหนีไปไหน" น้ำเสียงของหมาวไท่จื่อเปี่ยมไปด้วยความเยาะหยัน เขาจ้องมองสตรีร่างเล็กตรงหน้าราวกับหมาป่าที่จ้องตะครุบเหยื่อ ซ่งลี่หนิงร้องไห้ปล่อยโฮ อ้อนวอนทั้งน้ำตาขอร้องให้เขาปล่อยนางไป
ดูเหมือนว่าหยดน้ำตาของนางจะไร้ซึ่งความหมายสำหรับเขา เมื่อร่างใหญ่รวบคนตัวเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนแล้วพาหญิงสาวตรงไปยังเตียงกว้างที่วางอยู่กลางห้อง ก่อนจะจัดการตักตวงจากคนร่างบางจนอิ่มหนำปลดปล่อยกำหนัดของบุรุษส่งแก่นกายใหญ่โตเข้าหานางไม่ยั้งตามแรงปรารถนาของตน
เมื่อเสร็จสมอารมณ์หมาย เขารีบผละออกราวกับนางเป็นของร้อน ตะแคงข้างพลิกกายหันหลังให้ราวกับนางเป็นสตรีที่หอบุปผชาติมีหน้าที่คอยรองรับอารมณ์กำหนัดของบุรุษเท่านั้น
ซ่งลี่หนิงประคองร่างกายของตนขึ้นมา หยิบอาภรณ์ขึ้นมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว และรีบก้าวขาเร็วๆออกจากห้องไป หญิงสาวหอบเอาความเสียใจทั้งหมดออกมา จนกระทั่งเดินมาถึงสวนบุปผชาติงามข้างตำหนัก ก่อนจะรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าท้อง เมื่อก้มลงแลเห็นลูกธนูปักคาอยู่ตรงหน้าท้องของนาง
"ไม่! ฮึก ลูก ลูกของข้า ฮือ" หญิงสาวรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงทรุดลงไปนั่งอยู่บนพื้น เมื่อเงยหน้าขึ้นแลเห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่ เขาแต่งกายด้วยชุดสีดำสนิทมีหมวกฟางปิดบังใบหน้าสบสายตากับนางเพียงเล็กน้อย ทันทีที่เห็นว่าตนทำงานสำเร็จเขาจึงกระโดดหายไปในความมืด
"หนิงหนิง!" หมาวอี้เข่ยวิ่งไปคว้าคนตัวเล็กที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นขึ้นมากอด ตะโกนเสียงดังด้วยความหวาดหวั่น
"ตามหมอหลวง! ตามหมอหลวงเร็วเข้า!"
"ไท่จื่อ ลูกของเราจะเป็นอะไรหรือไม่เพคะ" ซ่งลี่หนิงถามเสียงแผ่ว มือบางบีบไปยังต้นแขนกำยำของเขา ในตอนนี้ราวกับมีของแข็งมากระทบที่ศีรษะของหมาวอี้เข่ยอย่างจัง เขาหันไปมองหน้าท้องบางที่มีลูกธนูปักอยู่อย่างอึ้งๆ
"หม่อมฉันตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว"
"ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ไยเจ้าถึงไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้" หมาวอี้เข่ยจับมือนุ่มของนางขึ้นมาแนบแก้มสาก มองใบหน้าเหยเกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของนางด้วยหัวใจที่สั่นไหว ทว่าซ่งลี่หนิงกลับดึงมือออกจากกันเกาะกุมของเขา ดวงตาคู่งามประสานกับนัยน์ตาคู่คมของเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย
"คนใจร้าย" ซ่งลี่หนิงต่อว่าเขาทั้งน้ำตา หมาวไท่จื่อจะมาเสียอกเสียใจอะไรในตอนที่เขากำลังจะเสียนางไป ในเมื่อตอนที่ยังอยู่เขาไม่เคยเห็นค่า ย่ำยีหัวใจของนางเล่นทั้งๆที่นางรักเขาจนหมดหัวใจ
คำสัญญาที่เขาให้ไว้กับนางก็เป็นเพียงแค่ลมปากเมื่อสุดท้ายคนที่เขาเลือกก็หาใช่นางไม่
"หากย้อนเวลากลับไปได้ หม่อมฉันจะไม่ขอรักไท่จื่ออีกต่อไปแล้ว" ซ่งลี่หนิงรู้สึกหนาวเหน็บจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แต่ยังไม่วายส่งยิ้มให้เขาอย่างเยาะหยัน เปลือกตาบางค่อยๆปิดสนิทลง ฝ่ามือสองข้างตกลงข้างตัวพร้อมกับลมหายใจสุดท้ายที่ได้หลุดลอยไป
'แม่หนูตื่นเถิด ทุกคนกำลังรอเจ้าอยู่นะ' เสียงของใครบางคนดังขึ้นดังมาจากที่ไกลๆปลุกให้คนที่กำลังนอนหลับใหลรู้สึกตัวตื่น
"โอ๊ะ!" ซ่งลี่หนิงอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อพบว่าตอนนี้ตนเองกำลังนั่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ หันมองรอบกายพบว่ามันอยู่ในป่า แต่ในตอนที่ก้มมองลงไปข้างล่างพลันต้องรู้สึกใจหายวาบเมื่อเห็นร่างกำยำของใครบางคนกำลังเอนกายพิงโขดหิน นัยน์ตาคู่คมของเขาปิดสนิทอย่างสบายอารมณ์
"ฉิบหายแล้ว!" มือบางรีบยกขึ้นปิดปากไม่ให้เสียงของตนเล็ดลอดออกไป หากนางอยู่ที่จวนสกุลซ่ง ยามนี้คงโดนท่านแม่จูลี่จินหยิกหมั่บเข้าให้ ในข้อหาที่พูดจาไม่ไพเราะเหมือนสตรีในห้องหอทั่วไป
หญิงสาวหวนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อปีก่อน ในตอนที่นางอายุสิบเจ็ดหนาว ได้ยินว่าหมาวไท่จื่อเสด็จมาพักผ่อนที่บ่อน้ำพุร้อน นางเคยลักลอบติดตามมาแอบปีนต้นไม้ดูเขานอนแช่น้ำ ซึ่งเหมือนกับเหตุการณ์ในวันนี้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
ซ่งลี่หนิงกำลังสงสัยว่านางได้ย้อนเวลากลับมา หาไม่ป่านนี้นางคงกำลังวนเวียนอยู่ในโลกของวิญญาณ ไหนจะเสียงเรียกจากใครบางคนที่ปลุกให้นางตื่นอีกเล่า
"ไม่ได้การแล้ว" นางจะไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นซ้ำสอง ตั้งใจอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะทำตามอย่างที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ว่านางจะไม่ขอรักเขาอีกต่อไปแล้ว!
ในเมื่อได้โอกาสให้มีชีวิตใหม่เป็นหนที่สอง นางจะขอเลือกทางเดินใหม่ ไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุรุษที่ชื่อหมาวอี้เข่ยอีกแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงค่อยๆสอดส่องสายตามองหาทางลงจากต้นไม้ มือบางจับกิ่งไม้เอาไว้แน่นพร้อมค่อยๆออกแรงปีนลงมา หากแต่ว่าจู่ๆเท้าของนางก็ลื่นพรืดเสียหลักอย่างกะทันหันทำให้ตอนนี้ร่างของนางลอยละลิ่วหล่นลงจากต้นไม้ใหญ่
ซ่งลี่หนิงหลับตาปี๋ครุ่นคิดในใจว่ายังไม่ทันได้ใช้ชีวิตใหม่ก็จะตายอีกหนแล้วหรือ เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้เล่า!
ตูมมม!
หญิงสาวดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำ ความร้อนจากน้ำทำให้รู้สึกแสบไปทั้งใบหน้า ก่อนที่จู่ๆข้อมือของนางก็ถูกใครบางคนคว้าเอาไว้พร้อมออกแรงดึงร่างบางขึ้นสู่ผิวน้ำ
"แค่กๆๆ" ซ่งลี่หนิงไอโขลกสำลักน้ำจนน้ำหูน้ำตาไหล ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เบื้องหน้าของหน้าคือชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพเซียน นัยน์ตาของเขาดุดันราวกับสีนิลกาฬ เรียบนิ่งดุจสายน้ำ สันกรามคมชัด คิ้วกระบี่องอาจผึ่งผาย จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหนาได้รูป
'หล่อชะมัด...' หญิงสาวมองคนตรงหน้าตาปรือ
บุรุษโดดเด่นองอาจชาติกำเนิดสูงส่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...
"หมาวไท่จื่อ!" ซ่งลี่หนิงแทบอยากจะร้องไห้ออกมาเสียตรงนี้ นางส่ายศีรษะไปมาพยายามสลัดความคิดไร้สาระออกจากหัว ดูเหมือนว่าอาการคลั่งคนหล่อของนางจะกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว และมันมักจะเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่นางได้พบเจอเขา
"หนิงหนิงเจ้ามาทำอะไรที่นี่" เขาถามนางเสียงเรียบ ยังคงจับข้อมือบางทั้งสองข้างไว้ไม่ยอมปล่อย ซ่งลี่หนิงก้มหน้าลงต่ำพลันใจหายวาบเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังโป๊เปลือยอยู่
"มะ หม่อมฉันมาเดินเล่นเพคะ"
"เดินเล่น? ในป่าเช่นนี้น่ะหรือ"
หญิงสาวผงกศีรษะรับหงึกๆ พลางหลับตาปี๋ ไม่กล้าแม้จะเงยหน้าสบตากับคนตัวโตที่กำลังจ้องมองนางด้วยแววตาลุ่มลึกยากที่จะคาดเดาอารมณ์และความรู้สึก
นางจำได้ว่าตอนที่ยังเยาว์วัย เขาอบอุ่นใจดีมากกว่านี้ แต่เหตุไฉนโตขึ้นมาถึงได้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้า แต่เพราะความรักบังตาทำให้นางมองไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงนั้น อีกทั้งยังเอาร่างกายไปให้เขาเชยชมเล่นจนหนำใจและสุดท้ายเขาก็ทิ้งนางไปแต่งกับบุตรสาวสกุลเหมยเป็นพระชายาเอก
ยิ่งคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภพชาติก่อนอันซับซ้อนก็ยิ่งเจ็บใจ ซ่งลี่หนิงกล้าพูดได้เต็มปากว่านางเป็นสตรีที่โง่เขลาที่สุดในแคว้นเพ่ย!
"หม่อมฉันจะไปไหนก็ได้ที่ใจอยากจะไปเพคะ" นางสะบัดเสียงตอบ ความโมโหทำให้เผลอตัวแสดงท่าทีฟึดฟัดใส่เขา
"พูดกับข้าไยถึงไม่มองหน้าข้า" หมาวอี้เข่ยถามเสียงเข้ม ดวงเนตรคมจับจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา ยามนี้ร่างบางของนางเปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำ จนอาภรณ์ตัวงามที่นางสวมใส่แนบลู่ไปกับผิวกาย ไหนจะเรือนผมยาวสลวยที่แนบไปกับแผ่นหลังอีกเล่า ช่างเป็นภาพที่ชวนให้เย้ายวนสายตายิ่งนัก
"มองไม่ได้เพคะไท่จื่อโป๊อยู่ หม่อมฉันไม่อยากโดนควักลูกตา" ซ่งลี่หนิงไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยแม้แต่น้อย เหตุเพราะมีกฏข้อหนึ่งที่ห้ามจ้องมองสมาชิกราชวงศ์ หามิเช่นนั้นจะถูกสั่งลงโทษโดยการควักลูกตา เพราะถือเป็นการดูถูกและหมิ่นเกียรติราชวงศ์
หากแต่ภพชาติก่อน ความรักที่นางมีให้เขาเอาชนะทุกสิ่ง แม้กระทั่งความหวาดกลัวที่จะโดนต้องโทษ
หมาวอี้เข่ยกระตุกมุมปากเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นตอนเด็กๆหรือตอนนี้ ซ่งลี่หนิงก็เป็นคนเดียวที่กล้าต่อปากต่อคำกับเขา ทว่าคนตัวโตยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากตอบก็มีเสียงฝีเท้าของคนกำลังวิ่งเข้ามาเสียก่อน
"ไท่จื่อทรงเป็นอะไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์ฝาแฝดหยูช่างกับหยูเชาประสานเสียงเอ่ยขึ้นพร้อมกัน หลังจากที่พวกเขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่างตกน้ำดังตูมใหญ่จึงรีบเร่งฝีเท้ามาอย่างไม่รอช้า
หมั่บ!
หมาวอี้เข่ยรีบตวัดร่างบางมาไว้อ้อมแขน ใช้ร่างกำยำใหญ่โตของตนบังร่างเล็กของนางเอาไว้ ซ่งลี่หนิงเองก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย แต่เพราะยังต้องอาศัยเขาอยู่ นางจึงซุกใบหน้าลงบนอกแกร่งด้วยความอับอาย
"หันหลังกลับไป!" ชายหนุ่มกล่าวเสียงกร้าว ซึ่งคำประกาศิตของเขานั้นทำให้หยูช่างกับหยูเชารีบหมุนกายหันหลังตามคำสั่งทันที
หมาวอี้เข่ยเห็นเช่นนั้นจึงค่อยๆคลายอ้อมแขนพลางกระซิบบอกนางว่า
"หยิบเสื้อคลุมของข้าไปด้วย ข้าจะให้หยูช่างไปส่ง"
ซ่งลี่หนิงไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ทันทีที่เขาปล่อยให้นางเป็นอิสระ นางจึงรีบคว้าเสื้อคลุมของเขามาห่อหุ้มเรือนกายที่เปียกปอนเอาไว้ ก่อนจะหันกลับมามองพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงดื้อรั้นว่า
"หม่อมฉันกลับเองได้เพคะ" เอ่ยจบนางก็รีบสาวเท้าวิ่งแจ้นจากไปทันที หยูช่างกับหยูเชาสังเกตเห็นแผ่นหลังบางที่วิ่งไวๆจากไป พวกเขาจึงหันกลับมาสบตากันพลางยกไหล่ขึ้นราวกับเป็นเรื่องที่คุ้นชินสำหรับพวกเขาไปเสียแล้ว
'มิน่าเล่าไท่จื่อถึงไม่ทรงเอาเรื่อง ที่แท้แล้วก็เป็นคนคุ้นเคยนี่เอง'