บทที่ 3 เฟ้นหาบุรุษที่คู่ควร
พรวด!
"แค่กๆๆ" ซ่งเหวยหนานสำลักน้ำชาจนน้ำหูน้ำตาไหล ร้อนถึงจูลี่จินต้องรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับตามใบหน้าให้กับเขา ทว่าซ่งเหวยหนานหาได้สนใจสภาพตนเองที่เปียกปอน เขาหันขวับกลับไปถามบุตรสาวด้วยความตกใจ
"เจ้าว่าอย่างไรนะ?"
"ข้าบอกว่าข้าอยากแต่งงานเจ้าค่ะ" ซ่งลี่หนิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ถึงแม้ว่าจะมีความมั่นใจถึงแปดในสิบส่วนว่าคนเป็นพ่อต้องไม่เห็นด้วยเป็นแน่ หากแต่นางตัดสินใจแล้ว และไม่มีวันเปลี่ยนใจอย่างแน่นอน
นางพอแล้วกับบุรุษผู้นั้น ไม่ขอเอาตัวไปเดินบนเส้นทางรักระหว่างคู่พระนางอีก หลังจากนี้จะขอใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับบุรุษที่ดีในตระกูลใดตระกูลหนึ่งแค่นั้นเป็นพอแล้ว
"ไม่ได้! หนิงหนิงยังเด็กนักจะแต่งงานได้อย่างไรกัน"
'นั่นไง ว่าแล้วเชียวว่าท่านพ่อซ่งเหวยหนานจะไม่เห็นด้วยเป็นแน่'
"ข้าไม่เด็กแล้วนะเจ้าคะ อายุสิบเจ็ดหนาวแล้ว" ซ่งลี่หนิงทำหน้ายู่ คุณหนูบางตระกูลแต่งงานไปตั้งแต่อายุสิบห้าแล้วด้วยซ้ำ ไยท่านพ่อจะต้องมาห้ามด้วยเล่า
"นั่นสิขอรับท่านพ่อ หนิงหนิงโตแล้วนะขอรับ" ซ่งอี้หนานเอ่ยปากช่วยน้องสาว ซ่งลี่หนิงจึงผินหน้ากลับมาหาคนเป็นพี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆพลางพึมพำกล่าวคำขอบคุณเบาๆ ท่านพี่หนานหนานเป็นคนพูดจาสุขุมนุ่มลึก เขามีวาทะศิลป์ในการพูด อีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความรู้และความฉลาดเฉลียวคงจะทำให้ผู้เป็นพ่อคล้อยตามได้ไม่ยาก
หากแต่ว่านางกลับคิดผิด!
"ไม่ได้! โตแล้วอย่างไรกัน พ่อจะอนุญาตให้เจ้าแต่งงานได้ตอนอายุสิบแปดเท่านั้น อีกอย่างหนานหนานเองก็ยังไม่ได้แต่งงาน เจ้าเป็นน้องจะแต่งงานก่อนพี่ได้อย่างไรกัน" ซ่งเหวยหนานกล่าวเสียงแข็ง ซ่งลี่หนิงเพิ่งพ้นวัยปักปิ่นมาได้ไม่กี่ปี นางจะรีบแต่งงานไปไย อีกอย่างเขาตั้งใจว่าจะยอมให้นางแต่งงานกับคนที่เขามั่นใจว่าบุรุษผู้นั้นจะรักนางได้ไม่ต่างจากที่เขารัก ถึงแม้จะเป็นความรักคนละแบบกันก็ตาม หากแต่ว่าเขายังไม่เห็นผู้ใดที่จะรักซ่งลี่หนิงได้ถึงเพียงนั้นเลย
เขาไม่อยากให้นางต้องเสียใจหรือผิดหวังในชีวิตคู่ แม้ว่าการมีภรรยาหลายคนในยุคสมัยนี้จะเป็นเรื่องปกติ แต่เขามั่นใจว่าลึกๆแล้วไม่มีภรรยาคนไหนที่อยากให้สามีมีหญิงอื่นนอกจากตัวเองหรอก และเพราะเหตุนี้เขาจึงไม่ยอมรับสตรีอื่นใดมาเป็นภรรยาอีกคน ทั้งชีวิตนี้ขอมีจูลี่จินคนเดียวเท่านั้น
"ท่านพ่อเคยสอนข้าว่าในยุคที่บุรุษเป็นใหญ่ถึงจะเป็นสตรีที่เก่งกล้าสามารถมากเพียงใด แต่อย่างไรก็ต้องมีบุรุษคอยดูแล หากพี่สาวไม่ได้แต่งงาน ต่อไปคงเป็นสาวเทื้อคาเรือน ไม่งามไม่ใช่หรือขอรับ" ซ่งอี้หลุนพูดขึ้นบ้าง หากแต่ที่เขาช่วยพูดให้พี่สาวซ่งลี่หนิงเพราะอยากให้นางยอมแอบซื้อขนมถังหูลู่ให้เขากินต่างหาก เหตุเพราะท่านพ่อกับท่านแม่ไม่ชอบให้เขากินขนมหวานซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจเท่าใดนัก
"ดูสิเจ้าคะท่านพ่อ หลุนเอ๋อร์อายุเพียงสิบสองยังรู้เลย"
"ไม่ได้! อย่างไรก็ไม่ได้!"
"ท่านแม่เจ้าขา" ซ่งลี่หนิงหันไปสบตากับมารดา ส่งสายตาขอความช่วยเหลือ ในเมื่อท่านพี่หนานหนานพูดแล้วท่านพ่อไม่ยอมฟัง ก็คงจะมีแต่ท่านแม่คนเดียวแล้วล่ะที่จะช่วยนางได้
จูลี่จินผงกศีรษะให้ซ่งลี่หนิงเล็กน้อย นางเข้าใจดีว่าเหตุใดบุตรสาวถึงได้ตัดสินใจเช่นนั้น หนิงหนิงคงคิดมาดีแล้ว เช่นนั้นนางจะยอมรับการตัดสินใจของลูก จูลี่จินต้องการเพียงแค่ให้ซ่งลี่หนิงได้แต่งงานกับบุรุษที่สามารถปกป้องดูแลนางได้ ไม่ทำให้นางทุกข์ใจ แค่นี้คนเป็นแม่ก็ดีใจแล้ว
"ท่านพี่ เรื่องนี้ให้ลูกตัดสินใจเองเถิดเจ้าค่ะ ถึงแม้ในสายตาของคนเป็นพ่อแม่อย่างเราลูกจะยังคงเป็นเด็กอยู่เสมอ หากแต่ความจริงแล้วลูกของเราโตแล้วนะเจ้าคะ" มือบางแตะลงบนหลังมือหนาของเขาเบาๆ ซ่งเหวยหนานถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด หากแต่ไม่กล้าขัดใจภรรยา หากเขาทำให้นางโกรธคงถูกไล่ไปนอนที่พื้น หากแย่กว่านั้นก็คงถูกไล่ให้ไปนอนนอกห้องเหมือนอย่างที่เขาเคยโดนเมื่อหลายปีก่อนเป็นแน่
"ก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าพ่อจะต้องเป็นคนคัดเลือกบุรุษผู้นั้นด้วยตัวของพ่อเอง"
"เย้ ได้เลยเจ้าค่ะ ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลย" ซ่งลี่หนิงร้องเย้ขึ้นด้วยความดีใจ ก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดบิดาพลางแนบริมฝีปากเข้าที่แก้มสากของเขาเบาๆทั้งสองข้าง
"ข้ารักท่านแม่ด้วยเจ้าค่ะ" นางวิ่งเลยไปหามารดาและทำเหมือนกับที่ทำกับท่านพ่อซ่งเหวยหนาน
ซ่งอี้หนานส่ายศีรษะไปมาเล็กน้อยให้กับท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของน้องสาว ซ่งลี่หนิงตอนเด็กกับตอนนี้นิสัยแตกต่างกันมาก เมื่อก่อนเขาคิดว่านางจะโตมาเป็นคนร้ายกาจเสียแล้ว หากแต่อดใจหายไม่ได้เมื่อได้ยินว่าซ่งลี่หนิงกำลังหาคู่ครองเพื่อที่จะแต่งงาน น้องสาวของเขาโตจนถึงวัยออกเรือนตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
หลังจากที่สกุลอื่นๆได้ข่าวว่าบุตรสาวคนเล็กของตระกูลซ่งต้องการที่จะแต่งงานออกเรือน ยามนี้หัวกะไดของสกุลซ่งต่างมีแม่สื่อแวะเวียนมาทาบทามแทบไม่ขาด ร้อนถึงพ่อบ้านหลีที่วันๆไม่ได้ไปทำงานอื่นต้องมาคอยออกหน้าต้อนรับบรรดาแม่สื่อเหล่านั้น
ฝ่ายซ่งลี่หนิงหลังจากที่ได้พบเจอกับหมาวไท่จื่อในวันนั้น นางก็ไม่ออกไปไหนเอาแต่เก็บตัวอยู่ที่จวน หลังจากที่แอบอยู่หลังประตูคอยมองบรรดาแม่สื่อที่เดินเข้าเดินออกภายในจวนจนเบื่อหน่าย นางจึงหันไปเอ่ยปากกับเยว่ฉิงอยากไปเดินเล่น
ยามนี้อยู่ในช่วงฤดูสารท อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป ซ่งลี่หนิงและเยว่ฉิงเดินมาจนถึงศาลาริมสระน้ำ เมื่อมองลงไปแลเห็นห่านสองตัวกำลังว่ายน้ำเคียงคู่กันเป็นภาพที่ดูแล้วสบายตาสบายใจ
แต่แล้วความสงบสุขของนางก็ถูกก่อกวน เมื่อจู่ๆก็ได้ยินเสียงดังกุกกักอยู่บนหลังคา ก่อนที่เยว่ฉิงจะหวีดร้องขึ้นมาเสียงดังด้วยความตกใจ เมื่อมีใครบางคนกระโดดลงมาจากหลังคามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของซ่งลี่หนิง
"เยว่ฉิงรู้ตัวหรือไม่ว่าเสียงร้องของเจ้ามันทำให้ข้ารู้สึกแสบแก้วหูยิ่งนัก"
"เหมยฮวา" ซ่งลี่หนิงทักทายผู้มาเยือน ดวงตาเป็นประกายยามที่เห็นสหายคนสนิท นางกับเหมยฮวาหรือบุตรสาวของท่านแม่ทัพเหมยฮ่าวฝูสนิทสนมกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ เหมยฮวาเก่งกาจด้านการสู้รบไม่ต่างจากคนเป็นพ่อ เป็นสตรีที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตา ฐานะและนิสัย หากแต่มีข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือเป็นคนพูดจาห้าวห้วนผิดแปลกจากสตรีทั่วไป
"ข้าได้ข่าวมาว่าเจ้ากำลังจะแต่งงานงั้นหรือ" เหมยฮวาถามด้วยความประหลาดใจ คราแรกที่ได้ยินข่าวนางไม่เชื่อสักเท่าใดนัก เหตุเพราะรู้ว่าซ่งลี่หนิงนั้นรักผู้ใดอยู่และได้จองตัวเขาผู้นั้นมาตั้งแต่วัยเยาว์แล้ว และเพราะอย่างนี้นางจึงต้องมาดูให้เห็นกับตา แต่เมื่อได้เห็นบรรดาแม่สื่อที่พากันเดินเข้าเดินออกจวนสกุลซ่งก็เป็นตัวช่วยยืนยันว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริง
"ถูกต้องแล้ว ยามนี้ข้ากำลังหาบุรุษที่เหมาะสมคู่ควรที่จะแต่งงานด้วย"
"เป็นไปได้อย่างไรกัน เจ้ารักอยู่กับหมาวไท่จื่อมิใช่หรือ" เหมยฮวาถามเสียงสูง ซ่งลี่หนิงจึงรีบโผเข้ามายกมือขึ้นปิดปากของนางเอาไว้
"เบาๆสิ เดี๋ยวมีใครเข้ามาได้ยินหรอก" ซ่งลี่หนิงหันมองซ้ายขวา เมื่อเห็นว่านอกจากเยว่ฉิงแล้วไม่มีผู้ใดจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
"ข้าขอโทษ ข้ารู้สึกตกใจเกินไปหน่อย" เหมยฮวาส่งยิ้มแหยให้สหาย ซึ่งซ่งลี่หนิงไม่ได้ถือโทษโกรธนางเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนี้หรือเรื่องในภพชาติก่อนที่เหมยฮวาได้แต่งเป็นชายาเอกของหมาวไท่จื่อ
อันที่จริงแล้วเหมยฮวาไม่ได้อยากแต่งเป็นพระชายาของหมาวไท่จื่อหรอก นางเองก็จนใจเช่นกัน ไม่นึกว่าจู่ๆหมาวไท่จื่อจะทรงเลือกนาง เขาถึงกับยอมเดินทางมาพบกับบิดาของนางหรือแม่ทัพใหญ่เหมยฮ่าวฝูที่จวนสกุลเหมยเพื่อขอนางแต่งงาน โดยที่ไม่ต้องให้เหมยฮวาเข้าทำการคัดเลือกพระชายา คล้ายกับว่าเขาหลงรักนางจนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เหมยฮวามาอยู่ข้างกาย
ในวันที่ประกาศงานมงคลระหว่างนางกับหมาวไท่จื่อ เหมยฮวาเดินทางมาที่จวนสกุลซ่งเพื่อขอพบซ่งลี่หนิง นางร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำตาเกลื่อนใบหน้าอย่างที่ซ่งลี่หนิงไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งยังบอกว่าหากไม่เป็นห่วงบิดา นางจะยอมปลิดชีพตนเองเพราะไม่อยากแต่งงานกับคนที่ตนไม่ได้รัก หากแต่ถ้าเกิดนางทำเช่นนั้น เท่ากับว่านางขัดพระราชโองการของฝ่าบาท ท่านพ่อของนางจะโดนต้องโทษไปด้วย
ดูเหมือนว่าเหมยฮวาเองจะมีบุรุษอยู่ในใจแล้ว เพียงแต่ว่าซ่งลี่หนิงไม่รู้ว่าเขาคนนั้นเป็นผู้ใด
เหมยฮวาตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ซ่งลี่หนิงได้แต่บีบมือให้กำลังใจสหายรัก แม้ว่าตัวของนางเองจะเจ็บปวดไม่ต่างกัน คนหนึ่งปวดใจที่ต้องแต่งงานกับคนที่ตนไม่ได้รัก ส่วนอีกคนปวดใจที่คนที่ตนรักเลือกที่จะไปแต่งงานกับคนอื่น
ยามนึกถึงเหตุการณ์ในภพชาติก่อนอันซับซ้อน ซ่งลี่หนิงก็น้ำตารื้น หญิงสาวรีบก้มหน้าลงกะพริบตาถี่ๆเพื่อไล่หยดน้ำตาแห่งความพ่ายแพ้กลับไปเช่นเดิม
"ข้าเลิกรักหมาวไท่จื่อแล้ว"
"เป็นเรื่องจริงหรือ เจ้าสมัครรักใคร่ไท่จื่อมาตั้งหลายปี พอจะเลิกรักก็เลิกรักได้ง่ายๆเช่นนี้เลยหรือ"
"ก็เพราะเคยรักมานานข้าเลยเบื่อที่จะรักไท่จื่อต่อไปแล้วน่ะสิ" ซ่งลี่หนิงฝืนพูดในสิ่งที่ตรงข้ามจากความจริง เพราะรู้ว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่จะทำให้เรื่องราววุ่นวายไปกว่าเดิมเสียมากกว่า
เหมยฮวาขานรับดังอ้อ แม้จะสงสัยว่าความรู้สึกของคนเราเปลี่ยนแปลงง่ายเพียงแค่ชั่วข้ามคืนได้เช่นนี้เลยหรือ หากแต่ในเมื่อซ่งลี่หนิงบอกมาเช่นนั้นนางก็จะไม่เซ้าซี้อีกต่อไป
"หนิงหนิงออกไปข้างนอกกับข้าสักครู่ได้หรือไม่" เหมยฮวาเอื้อมคว้าข้อมือของซ่งลี่หนิงเอาไว้
"ไปไหนหรือ" หญิงสาวทำตาปริบๆเอียงคอถามเหมยฮวาด้วยความสงสัย
"ข้าจะพาเจ้าไปดูบรรดาว่าที่บุรุษที่เจ้าจะต้องแต่งงานด้วยในอนาคตอย่างไรเล่า" เหมยฮวากล่าว ปากบางกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ซ่งลี่หนิงยังไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เหมยฮวาก็ใช้วิชาตัวเบาพานางกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ ชั่วพริบตาเดียวซ่งลี่หนิงก็ถูกพาออกไปพ้นรั้วของจวนสกุลซ่งเสียแล้ว
