บท
ตั้งค่า

บทที่5 [แผนร้ายหวนคืน]

เมื่อคิดว่าตนเองจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เว่ยเว่ยก็เริ่มรู้สึกโล่งใจขึ้นมา ก่อนที่รอยยิ้มสดใสจะปรากฏอยู่บนใบหน้า

นางเกือบที่จะเผลอทำในสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยต่อสตรีด้วยกันไปเสียแล้ว เว่ยเว่ยรู้สึกละอายต่อความคิดของตนเองในก่อนหน้านี้เป็นที่สุด เป็นเพราะความโกรธและความเสียใจ จึงทำให้นางตัดสินใจที่จะทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้

“เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว โล่งอกไปที ยังดีที่ข้าเกิดเปลี่ยนใจในภายหลัง ไม่เช่นนั้นข้าคงได้ทำสิ่งที่เลวร้ายจนไม่อาจให้อภัยมากที่สุดลงไปแล้ว” เว่ยเว่ยกล่าวก่อนที่จะหันมาตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง

ในขณะที่เว่ยเว่ยกำลังวางใจว่าคนที่ตนจ้างให้ไปส่งเทียบเชิญก่อนหน้านี้ บัดนี้คงได้แจ้งยกเลิกการนัดหมายในครานี้ไปแล้ว

เว่ยเว่ยไม่รู้เลยว่า แท้ที่จริงแล้วหลิวหยางนั้นรู้ดีว่านางคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการส่งเทียบเชิญครั้งนี้ และตอนนี้ อีกฝ่ายก็กำลังเฝ้ามองดูว่านางจะคิดทำสิ่งใดอีกต่อไปอยู่นั่นเอง

เมื่อได้ตรวจสอบดูความเรียบร้อยภายในห้องอีกครั้งเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่สองเท้าน้อย ๆ นี้จะก้าวออกมาจากห้อง เว่ยเว่ยก็ได้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ ก่อนที่จะเริ่มหายใจไม่ทัน โดยที่ร่างกายเริ่มที่จะอ่อนแรงลงไปโดยไม่ทราบสาเหตุ

ความจริงแล้ว หากจะกล่าวว่าโดยไม่ทราบถึงสาเหตุนั้นก็ดูจะเป็นการกล่าวที่เกินจริงไปสักหน่อย เพราะในใจของเว่ยเว่ยนั้นสามารถที่จะคาดเดาได้แล้วว่า กรรมที่ตนเองได้คิดที่จะกระทำต่อผู้อื่น บัดนี้ได้หวนคืนมาสนองต่อตัวนางแล้ว

‘ข้าคงไม่ได้ถูกพิษของธูปราคะใช่หรือไม่’ เว่ยเว่ยเฝ้าคิดอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายในใจ แม้จะเคยผิดคิดไม่ดีมา แต่ตอนนี้นางก็สำนึกได้แล้ว เช่นนั้น สวรรค์จะให้โอกาสและเห็นใจนางบ้างสักครั้งจะได้หรือไม่ เว่ยเว่ยพยายามที่จะมองหาโอกาสและทางรอดให้แก่ตนเอง เพียงแต่สภาพร่างกายที่อ่อนแรงของนางเช่นนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรย่อมไม่อาจกลับจวนได้อย่างแน่นอน เช่นนั้นแล้ว เว่ยเว่ยจึงได้คิดที่จะอยู่เพื่อรอให้อาการของตนเองนั้นทุเลาลงเสียก่อน

ยังดีที่นางได้ทำการจองห้องนี้เอาไว้นานถึงสองวันด้วยกัน ขอเพียงไม่มีใครเข้ามา แม้นางจะทรมานมากเพียงใด แต่สุดท้ายแล้วฤทธิ์ของธูปราคะนี้ก็จะต้องหมดไปได้อย่างแน่นอน เว่ยเว่ยคิดแผนการเอาไว้ในใจ ก่อนที่นางจะใช้ผ้าสีขาวที่หาได้จากภายในห้องมารัดข้อมือของตนเองไว้ที่หัวเตียงข้างหนึ่ง ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้ตนเองเผลอทำสิ่งใดลงไป หรือออกไปร้องขอความช่วยเหลือจากด้านนอกในขณะที่จิตใจนั้นไม่หลงเหลือความเป็นตัวตนของตนเองอีกต่อไป

เมื่อข้อมือเล็กได้ผูกติดกับหัวเตียงอย่างแน่นหนาแล้ว เมื่อนั้น สติของเว่ยเว่ยก็เหลือน้อยลงไปทุกที จวบจนร่างนี้เริ่มร้อนและกระสับกระส่ายไปมา เนื่องจากความต้องการที่แปลกใหม่นี้กำลังก่อเกิดขึ้นมาภายในร่างกาย

“มะ ไม่ได้ ข้าต้องอดทน อดทน” เว่ยเว่ยกล่าวกับตนเองซ้ำไปซ้ำมา ก่อนที่มืออีกข้างที่เหลืออยู่จะพยายามดึงทึ้งเสื้อผ้าของตนเองออกไป โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าภาพที่แสนวาบหวิวของตนเองนี้ กำลังถูกจับจ้องโดยหลิวหยาง บุรุษที่นางไม่ปรารถนาที่จะข้องเกี่ยวด้วยอีกต่อไปแล้ว

“อะ อื้อ ร้อน” เว่ยเว่ยเริ่มที่จะไม่รับรู้สิ่งใดได้พึมพำออกมา ขณะที่ดวงตาหวานฉ่ำปรือนั้นกำลังจะปิดลงในไม่ช้านี้แล้ว

“เจ้าคิดว่า ตนเองจะทนต่อพิษของธูปราคะนั่นได้นานสักแค่ไหนกันเชียว คิดหรือว่าคนที่มีจิตใจร้ายกาจเช่นเจ้าจะรอดพ้นจากสิ่งที่ตนได้มุ่งร้ายต่อผู้อื่นได้” หลิวหยางที่เผยกายออกมาในที่สุด ได้กล่าววาจาตอกย้ำร่างบางที่ตอนนี้กำลังจมดิ่งลงไปในห้วงแห่งราคะ

“ทะ ท่านมาได้อย่างไร” เว่ยเว่ยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหวและแผ่วเบา

“ข้ามาได้อย่างไรนั้นล้วนไม่สำคัญ แต่สิ่งสำคัญคือเจ้าอยากที่จะเจอข้าไม่ใช่หรือ” หลิวหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน แม้เขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายได้วางแผนสิ่งใดไว้ และในตอนนี้ก็ได้สำนึกผิดและคิดได้แล้ว หากแต่หลิวหยางก็ยังไม่วางใจว่าการที่เว่ยเว่ยแสดงออกว่าคิดได้นั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นการสำนึกผิดจริง ๆ หรือเป็นการแสดงที่เสแสร้งแค่ฉากหนึ่งเพียงเท่านั้น

“ขะ ข้าไม่ ไม่ได้อยากจะเจอท่านสักนิด” แม้ตอนนี้สติที่มีจะเหลืออยู่น้อยเพียงใด แต่เว่ยเว่ยก็รับรู้ได้ถึงการเย้ยหยันจากอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน เขามาเพื่อเย้ยหยันนาง

หลิวหยาง ที่ผ่านมาเป็นตัวข้าที่ติดค้างต่อท่าน แต่นับจากนี้ต่อไป สตรีร้ายกาจเช่นข้าจะอยู่ให้ห่างจากท่าน และจะไม่รักท่านอีกต่อไปแล้ว เว่ยเว่ยคิดอยู่ภายในใจ ในขณะที่กำลังพยายามรวบรวมแรงกายเฮือกสุดท้ายที่ยังพอหลงเหลืออยู่ให้ตื่นขึ้นมา

“หืม ไม่อยากเจอเช่นนั้นรึ ปากเจ้าบอกว่าไม่อยากเจอ แล้วร่างกายของเจ้าเล่า อยากเจอข้าหรือไม่” หลิวหยางกล่าวพร้อมก้าวเข้ามาใกล้เตียงที่เว่ยเว่ยกำลังนอนกระสับกระส่ายไปมา

“ยะ อย่าเข้ามาใกล้นะ” เว่ยเว่ยที่กลัวว่าตนเองจะฝืนทนต่อไปไม่ไหว ได้เอ่ยปากไล่อีกฝ่ายไปในทันที

ตอนนี้นางอยู่ในสภาพที่ไม่น่ามองเป็นที่สุด เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ผิวกายก็เผยออกมาสู่สายตาเขาไม่น้อย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เว่ยเว่ยปรารถนาเลยแม้แต่น้อย นางเคยอยากที่จะอยู่ในสายตาของเขามาโดยตลอด หากแต่ไม่ได้อยากให้เขามาเห็นนางในสภาพเช่นนี้

“เจ้าไม่รู้หรือ ธูปราคะที่เจ้าใช้ มีผลร้ายแรงเช่นไร หากเจ้าไม่ต้องการข้า เช่นนั้นข้าก็กรงว่าเจ้าคงไม่อาจมีชีวิตอยู่รอดพ้นคืนนี้ได้แล้ว” หลิวหยางไม่ได้คิดที่จะเอ่ยวาจาข่มขู่อีกฝ่าย หากแต่ความจริงเกี่ยวกับธูปราคะล้วนเป็นเช่นนั้น

เขากล่าวพร้อมกับพยายามหันหน้าไปทางอื่น เนื่องจากตอนนี้ เนินอกอวบอิ่มของนางได้เผยออกมาสู้สายตาของเขาและกำลังสั่นกระเพื่อมขึ้นลงจนเขารู้สึกปวดหนึบที่ช่วงล่างขึ้นมา

“มะ ไม่จริง” เว่ยเว่ยส่ายหน้าเป็นพัลวัน ด้วยไม่อาจทำใจเชื่อได้ในสิ่งที่หลิวหยางได้กล่าวออกมา

“เอาเถิด ถ้าหากว่าเจ้าไม่เชื่อ เช่นนั้นเรามาดูกัน ว่าเจ้าจะอดทนไปได้สักกี่น้ำ ข้าไม่เชื่อ ว่าเจ้าจะไม่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากข้า” หลิวหยางกล่าวด้วยความมั่นใจ ไม่ว่าจะอย่างไร เว่ยเว่ยก็ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากเขา และแน่นอนว่าหลิวหยางก็ไม่ได้คิดที่จะปฏิเสธ เขายินดีที่จะให้การช่วยเหลือ เพียงแต่อยากที่จะสั่งสอนและให้บทเรียนแก่เว่ยเว่ยสักหน่อยก็เท่านั้น

สตรีผู้นี้ ไม่ว่าจะอย่างไรอนาคตก็ต้องแต่งเข้าจวนของเขา เช่นนั้นแล้ว แม้จะต้องมีอะไรที่เกินเลยต่อกันก่อนที่จะเข้าพิธีแต่งงาน หลิวหยางก็ไม่คิดถือสา เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ร่างบางที่แสนเย้ายวนตรงหน้าเขาคงได้สิ้นใจเพราะทนความต้องการที่เกิดจากธูปราคะไม่ได้อย่างแน่นอน

หลิวหยางคาดการณ์ไว้เช่นนี้ด้วยความมั่นใจ หากแต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า เว่ยเว่ยจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แทนที่นางจะร้องขอความช่วยเหลือจากเขา แต่นางกลับไม่ทำเช่นนั้น ซ้ำยังฝืนลุกขึ้นมา ก่อนที่จะใช้สายตาที่ดูปวดร้าวคู่นั้นมองเขาอย่างน้อยใจ

น้อยใจ? นางกำลังคิดน้อยใจในตัวเขาเช่นนั้นหรือ หลิวหยางคิดอย่างสับสนใจขณะที่เขาหันมาจับตามองดูนางอยู่อย่างใกล้ชิด

ทางด้านเว่ยเว่ยนั้น เมื่อได้เห็นแววตาที่ห่างเหินและคำพูดที่ฟังดูเย็นชา จิตใจของนางก็ยิ่งจมดิ่งไปกับความปวดร้าวจนไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป

‘หลิวหยาง ข้ารักท่าน รักมากโดยไม่อาจลืมหูลืมตา หากแต่ความรักที่มีกลับเป็นเพียงรักข้างเดียวของข้าก็เท่านั้น บัดนี้ตัวข้านั้นตาสว่างและคิดได้แล้ว เรื่องราวเพ้อฝันของข้านั้น ควรที่จะให้มันสิ้นสุดลงเสียที ข้าจะไม่รักท่านอีกต่อไปแล้ว เช่นนั้นแล้ว คำขอร้องที่แสนน่าอายเหล่านั้น ข้าจะไม่มีวันเอ่ยมันออกไปเป็นอันขาด’ เว่ยเว่ยเอ่ยถ้อยคำลาเหล่านี้ผ่านทางสายตาที่แสนปวดร้าว

‘ท่านพ่อ ข้าช่างอกตัญญูต่อท่านยิ่งนัก ถ้าหากชาติหน้ามีจริง ขอให้ข้าได้เกิดมาเพื่อทดแทนบุญคุณนี้ต่อท่านด้วยเถิด’ เว่ยเว่ยนึกถึงผู้เป็นบิดาด้วยความรู้สึกผิดอย่างท่วมท้น ก่อนที่นางจะตัดสินใจกระทำในสิ่งที่ร้ายแรงต่อจากนี้

เมื่อหลิวหยางได้เห็นสายตาที่ดูตัดพ้อเช่นนั้น ภายในใจของเขาก็พลันไหววูบไปด้วยความรู้สึกผิด

น้อยใจเช่นนั้นรึ? มีสิ่งใดให้น้อยใจกัน หลิวหยางครุ่นคิด เมื่อเขารับรู้ได้ถึงความน้อยใจผ่านทางสายตาของอีกฝ่ายที่กำลังมองมายังเขาด้วยความตัดพ้อ แต่ไม่ว่าจะคิดวนซ้ำไปมาเช่นไร เขาก็ไม่อาจเข้าใจความคิดของเว่ยเว่ยได้เลย

ก่อนที่หลิวหยางจะกล่าวสิ่งใดออกไป เว่ยเว่ยที่กำลังยืนขึ้นอย่างโงนเงนอยู่นั้นก็ได้ใช้หัวโขกไปที่เสาที่ตั้งอยู่หัวเตียงจนสุดแรง

‘ถ้าหากว่าข้าต้องร้องขอความช่วยเหลือที่แสนจะน่าละอายนี้จากท่าน ข้าขอตายเสียยังจะดีกว่า’ เว่ยเว่ยคิดและตัดสินใจอย่างฉับพลันก่อนที่นางจะทุ่มสุดแรงเพื่อหมายที่จะจบชีวิตของตนเอง หากแม้ไม่ตาย เว่ยเว่ยก็หวังว่าการกระทำนี้จะทำให้นางนั้นสลบหรือหมดสติไปได้ เพียงเท่านี้สิ่งที่น่าอัปยศอดสูเหล่านั้นก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

สำหรับสิ่งที่ตัวนางได้กระทำในอดีตก็นับว่าน่าละอายมากพอแล้ว หากวันนี้ยังไม่ตัดใจจากบุรุษผู้นี้เสียที เกรงว่าเมื่อเรื่องราวเหล่านี้จบสิ้นลง นางคงไม่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้าต่อผู้ใดได้อีกต่อไปแล้ว เว่ยเว่ยครุ่นคิดในช่วงสุดท้ายก่อนการตัดสินใจ

ทางด้านหลิวหยางที่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น แม้จะพยายามที่จะเข้ามาขวางแต่ก็นับว่ายังช้าไปหนึ่งก้าว เพราะเขาชะล่าใจมากจนเกินไปและไม่คิดว่าเว่ยเว่ยจะตัดสินใจเช่นนี้

ด้วยเหตุนี้แล้ว แม้ว่าปกติแล้วหลิวหยางจะมีความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวที่มากเพียงใด หากแต่ตอนนี้จิตใจของเขาไม่อาจนับได้ว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ปกติ เนื่องด้วยการที่ต้องมาเผชิญหน้ากับการตัดสินใจของเว่ยเว่ยที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาจึงทำให้หลิวหยางนั้นตกใจและทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ

สุดท้ายแล้ว หลิวหยางจึงคว้าได้เพียงชายผ้าของเว่ยเว่ย โดยที่เขาไม่สามารถหยุดยั้งเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นได้เลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel