ข้าก็เป็นนางร้ายเช่นนี้

103.0K · จบแล้ว
Mint Lint
39
บท
13.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หลี่เว่ยเว่ย คู่หมายของแม่ทัพเว่ยหลิวหยาง ด้วยนิสัยที่ดื้อรั้นและเอาแต่ใจของนางที่มี สุดท้ายจึงทำให้แม่ทัพเว่ยต้องหมั้นหมายกับนางด้วยความจำยอม เมื่อเวลาผ่านไป ภายหลังจากที่นางได้ก้าวข้ามผ่านความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง เว่ยเว่ยก็ได้รู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว นางเป็นเพียงนางร้ายในนิยายเรื่องหนึ่งก็เท่านั้น ไม่ว่านางจะพยายามไขว้คว้าความรักนี้มาครอบครองเพียงใด แต่สุดท้าย นางก็ไม่ใช่นางเอกที่จะสามารถครองรักกับพระเอกอย่างแม่ทัพเว่ยได้อยู่ดี เว่ยหลิวหยาง: แม่ทัพหนุ่มรูปงามชื่อเสียงขจรไกล บุรุษปากร้ายที่มีใจชิงชังต่อคู่หมายของตน “เพราะเจ้ามีนิสัยร้ายกาจเช่นนี้ ข้าจึงไม่อยากที่จะแต่งงานกับเจ้าอย่างไรเล่า” หลี่เว่ยเว่ย: บุตรสาวของเสนาบดีหลี่ นางร้ายที่เป็นคู่หมายของท่านแม่ทัพเว่ย สตรีผู้ที่มีใบหน้างดงามล่มเมือง หากแต่มีนิสัยที่ร้ายกาจ “ท่านหมั้นหมายกับข้ามานานถึงสามปี หากท่านไม่คิดที่จะเปิดใจให้แก่ข้าเลยสักครั้ง เหตุใดถึงได้ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานจวบจนป่านนี้”

นิยายจีนโบราณนิยายรักนิยายย้อนยุคเกิดใหม่แม่ทัพสัญญาทางรักนิยายรักโรแมนติก

บทที่1 [การหมั้นหมาย]

ท่ามกลางบรรยากาศที่หนาวเย็นในคืนสิ้นปี ที่จวนสกุลหลี่กลับมีแขกผู้หนึ่งที่มาเยือนอย่างกะทันหัน ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่ที่ศาลาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางสวนดอกไม้ ซึ่งตอนนี้ทั่วทั้งบริเวณมีเพียงสีขาวของเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงมาปกคลุม

ถ้าหากใครสักคนที่ไม่รู้ว่าทั้งสองคนนั้นคือใคร เมื่อผ่านมาพบเจอพวกเขาที่กำลังยืนเคียงกันอยู่เช่นนี้ อาจจะเผลอเข้าใจผิดคิดว่าทั้งคู่นั้นช่างเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกก็เป็นได้

สตรีผู้ที่มีใบหน้างดงามล่มเมือง พร้อมด้วยคู่หมายที่เป็นถึงแม่ทัพรูปงามที่มีชื่อเสียงขจรไกลไปทั่วทุกแห่ง หากแต่ในความเป็นจริงแล้ว การสนทนาของทั้งคู่กลับนับได้ว่าเป็นเพียงการสนทนาของบุรุษผู้หนึ่งที่มีใจชิงชังต่อคู่หมายที่อยู่ตรงหน้าของเขาเพียงเท่านั้น

“เว่ยเว่ย เหตุใดเจ้าจึงได้คอยตามหาเรื่องและรังแกลู่ซือเช่นนี้ เจ้าไม่นึกละอายแก่ใจในการกระทำนี้ของตนเองบ้างเลยหรืออย่างไร” หลิวหยางต่อว่าเว่ยเว่ย ผู้เป็นคู่หมายของตน

“หึ ตามหาเรื่องเช่นนั้นรึ ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว เป็นข้าที่ตามไปหาเรื่องนางเอง แล้วท่านจะทำเช่นไร จะต้องให้ข้าไปคุกเข่าขอโทษนางหรือไม่” หลี่เว่ยเว่ยถามกลับ โดยที่นางไม่ได้รู้สึกผิดหรือสะทกสะท้านต่อถ้อยคำต่อว่าของหลิวหยางเลยแม้แต่น้อย

เหตุใดนางจะต้องมีความรู้สึกผิดในใจด้วยเล่า ในเมื่อครั้งนี้นางไม่ได้ทำสิ่งใดผิด อีกทั้งคนที่เดินเข้ามาหานางก่อนก็คือสตรีที่ไร้ยางอายผู้นั้น นางก็เพียงแค่ทำในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ เช่นนั้นแล้ว จะนับได้ว่านางไปตามตอแยอีกฝ่ายได้อย่างไรกัน

เว่ยเว่ยรู้ดีว่าลู่ซือคือสตรีที่นั่งอยู่ภายในใจของบุรุษผู้เป็นคู่หมายของนาง หากแต่เขาจะไว้หน้านางที่เป็นคู่หมายบ้างสักครั้งไม่ได้เลยหรือ และเรื่องราวในครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาไม่ได้เห็นเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่ก็ตามมาต่อว่านางเช่นนี้ ช่างลำเอียงและน่าน้อยใจเป็นที่สุด

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ครั้ง หลิวหยางก็ไม่เคยเข้าข้างและเชื่อมั่นในตัวนางเลยสักครั้ง คำอธิบายที่อีกฝ่ายไม่อยากที่จะรับฟัง หากพูดออกไปก็คงเป็นเพียงคำแก้ตัวที่ดูไร้ค่าก็เท่านั้น

เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว เว่ยเว่ยจึงไม่คิดที่จะเอ่ยแก้ไขถึงความเข้าใจผิดของหลิวหยางแต่อย่างใด อีกทั้งยังกล่าวถ้อยคำประชดเพิ่มเติมออกไปอีกด้วย

“นี่เจ้า! เหตุใดเจ้าถึงไม่รู้จักสำนึกในความผิดของตนเอง เพราะเจ้าที่มีนิสัยเช่นนี้ ข้าถึงไม่อยากที่จะแต่งงานด้วยอย่างไรเล่า” หลิวหยางกล่าวด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยหน่ายในตัวคู่หมายที่อยู่ตรงหน้าของเขาโดยไม่อาจปิดบัง

หลิวหยางคิดว่า เหตุใดนางถึงได้มีนิสัยที่ดื้อรั้นและไม่คิดที่จะปรับปรุงหรือแก้ไขเช่นนี้ หากวันข้างหน้าแต่งงานกันไป เขาคงมีเรื่องให้ต้องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวันอย่างแน่นอน

“หลิวหยาง ข้าขอถามท่านสักคำ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ท่านเคยคิดที่จะเปิดใจให้แก่ข้าบ้างหรือไม่ ไม่ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ท่านก็ล้วนแต่มองว่าข้าคือฝ่ายผิด ถ้าหากว่าคนที่ท่านพึงใจคือนางมาโดยตลอด เช่นนั้นแล้ว การหมั้นหมายระหว่างสองเรานี้ ท่านยังอยากให้มันคงอยู่ หรือคิดว่าควรยกเลิกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะไม่ว่าจะอย่างไร ในอนาคตข้าก็ไม่อาจทำใจรับได้ ถ้าหากว่าท่านต้องการที่จะแต่งนางเข้าจวน” เว่ยเว่ยเอ่ยถามหลิวหยางอย่างตรงไปตรงมา แม้ว่าภายในใจของนางนั้นจะหวาดกลัวในคำตอบของอีกฝ่ายมากเพียงใดก็ตามที

‘หวาดกลัว’ ในสิ่งที่นางเองก็สามารถคาดเดาได้อยู่แล้ว

เว่ยเว่ยรู้ดีว่าตนนั้นไม่ใช่ผู้ที่มีจิตใจกว้างขวางสักปานใด การที่ต้องแบ่งปันคนรักกับผู้อื่นนั้น แม้จะเผื่อใจไว้บ้างแล้ว แต่เมื่อลองคิดว่าผู้นั้นคือคนที่หลิวหยางเองก็มีใจให้ เว่ยเว่ยกลับไม่อาจทำใจยอมรับได้เลย นางจะทำใจยอมรับในการเป็นส่วนเกินของตนเองได้อย่างไรกัน

การกระทำของหลิวหยางในวันนี้ นับได้ว่าเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าหลิวหยางนั้นมีใจรักและห่วงใยในตัวลู่ซือมากเพียงใด อีกทั้งยังไม่แม้แต่จะถามว่าเกิดเรื่องราวใดขึ้นเสียด้วยซ้ำ แต่กลับตามมาต่อว่านางที่เป็นคู่หมายถึงที่จวนเช่นนี้

‘เว่ยเว่ยเอ๋ย บุรุษผู้นี้คือผู้ที่เจ้าเลือกแล้วว่าจะรักและอยู่เคียงข้างเขาตลอดไปจริง ๆ หรือ’ เว่ยเว่ยเอ่ยคำถามนี้กับตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้จะรู้ดีว่าคำตอบนั้นเป็นเช่นไร แต่ที่ผ่านมานางก็แค่ยังเข้มแข็งไม่มากพอที่จะยอมรับมันก็เท่านั้น

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้ แม้ว่าหลิวหยางจะมีท่าทีเฉยชาต่อมากเพียงใด แต่เว่ยเว่ยก็คิดเสมอว่า บุรุษก็เป็นเช่นนี้ แม้ตอนนี้จะยังไม่มีใจรักต่อกัน แต่หากอยู่กินร่วมกันไป สักวันหนึ่ง หลิวหยางจะต้องเปิดใจตอบรับในความรักของนางได้อย่างแน่นอน

หลิวหยางคือคู่หมายของนาง ที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ได้หมั้นหมายกันมานานถึงสามปีแล้ว ด้วยเหตุนี้ หากจะกล่าวว่าอีกฝ่ายไม่ปรารถนาที่จะแต่งกับนาง เว่ยเว่ยจึงไม่อาจที่จะทำใจเชื่อได้เช่นนั้น เพราะหากไม่รักหรือไม่คิดที่จะรัก เหตุใดถึงไม่ยอมยกเลิกสัญญาการหมั้นหมายเล่า

หากแต่วันนี้ สำหรับหลายสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อได้คิดทบทวนและลองมองย้อนกลับไปอีกครั้ง คำตอบที่ได้กลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป นางและเขาหมั้นหมายกันมานานถึงสามปี ระยะเวลาที่เนิ่นนานเช่นนี้ ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนมากเพียงพอแล้ว

เขาไม่ได้อยากแต่งงานกับนาง อีกทั้งยังปล่อยเวลาให้สามปีที่ยืดเยื้อมานานเช่นนี้ เหตุผลก็เป็นเพราะเขาไม่ปรารถนาที่จะแต่งงานกับนางอย่างไรเล่า ในอดีตเป็นตัวนางที่มีดวงตามืดบอด อีกทั้งยังรักเขาอย่างไม่ลืมหูลืมตา นางจึงไม่อาจทำใจยอมรับได้ ถ้าหากว่าตนจะไม่เป็นที่ยอมรับของอีกฝ่าย

ความจริงแล้ว การแสดงออกของหลิวหยางนั้นล้วนชัดเจนมาโดยตลอด แม้เขาไม่ได้กล่าวออกมาโดยตรง แต่ก็ไม่เคยมองนางด้วยสายตาที่อ่อนโยนเลยสักครั้ง

ยิ่งคิดมากในความสัมพันธ์ที่วุ่นวายนี้มากเท่าไร เว่ยเว่ยก็ยิ่งไม่เข้าใจในเหตุผลของหลิวหยางมากขึ้นเท่านั้น หลิวหยางแสดงออกอย่างชัดเจนว่าชิงชังในตัวนาง แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมยกเลิกการหมั้นหมายนี้เสียที หรือที่เป็นเช่นนี้เพราะมีเหตุผลใดซ่อนอยู่กันแน่

แม้ไม่ยกเลิกการหมั้นหมายนี้ แต่หลิวหยางก็ยังไม่แต่งนางเข้าจวนเพื่อเป็นฮูหยินแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้ การหมั้นหมายจึงได้ยืดเยื้อและล่วงเลยมานานจวบจนปีนี้นางมีอายุครบสิบแปดปี

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น เว่ยเว่ยล้วนอยู่ได้ด้วยความหวังมาโดยตลอด เพราะแม้หลิวหยางจะยังไม่ยอมแต่งนางเข้าจวน แต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยข้องเกี่ยวกับสตรีใดมาก่อน ไม่เคยมีเลยสักคน จวบจนปีนี้ที่ข้างกายเขาได้มีสตรีที่มีนามว่าลู่ซือก้าวเข้ามา

“ข้าไม่เคยปรารถนาที่จะหมั้นหมายกับเจ้า เดิมทีแล้วก็เป็นบิดาของเจ้าที่ไปทูลขอสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท เรื่องนี้เจ้าไม่รู้หรือแสร้งทำเป็นไม่รู้กันแน่” ในที่สุด หลิวหยางก็ได้เอ่ยสิ่งที่ตนเองทนแบกรับมาเนิ่นนานออกมาเสียที

โดยสิ่งที่เขาต้องทนแบกรับนั้นก็คือ ‘ความจริง’ ที่ตัวเขาไม่เคยเอ่ยออกมาเลยสักครั้ง หากแต่ครั้งนี้ เขาไม่สามารถที่จะหลีกหนีจากการแต่งงานที่จวนตัวเข้ามาได้อีกต่อไปแล้ว

การที่หลิวหยางไม่เอ่ยปากถึงเรื่องการยกเลิกการหมั้นหมายกับเว่ยเว่ยนั้น เป็นเพราะการหมั้นหมายนี้ แท้ที่จริงแล้วยังมีเบื้องหลังซึ่งก็คือสมรสพระราชทานจากฝ่าบาทนั่นเอง สุดท้ายแล้ว แม้ว่าเขาจะสามารถยื้อเวลาออกไปได้นานเพียงใด แต่หลิวหยางก็รู้ดีว่าเขาไม่อาจหลีกหนีความจริงที่ว่า สักวันหนึ่ง เขาก็ต้องแต่งนางมาเป็นฮูหยินอยู่ภายในจวนของเขาอยู่ดี

ด้วยเหตุนี้ หลิวหยางจึงคิดว่าก่อนที่จะต้องแต่งงานกันในอีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้ เขาก็อยากที่จะให้เว่ยเว่ยได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเป็นมาของการหมั้นหมายนี้เสียก่อน

“ท่านกล่าวเช่นนี้ หมายความเช่นไร ท่านพ่อของข้านะหรือที่จะกระทำการเช่นนั้น” เว่ยเว่ยรีบทำการเอ่ยแย้งกลับไปในทันที บิดาของนางเพียงกล่าวว่าสกุลหลี่มีสัญญาหมั้นหมายกับสกุลเว่ยมาเนิ่นนาน โดยอดีตผู้เฒ่าสกุลเว่ยและสกุลหลี่นั้น ต่างก็ได้ให้คำมั่นให้แก่กันว่าจะให้หลานของตนได้แต่งงานกัน เช่นนั้นแล้ว หลิวหยางจะกล่าววาจาประหนึ่งว่าถูกบิดาของนางบีบบังคับเขาทางอ้อมได้อย่างไรกัน

สมรสพระราชทานนี้ เดิมทีก็เพื่อเป็นการให้เกียรติในตำแหน่งของท่านแม่ทัพแห่งแคว้นเพียงเท่านั้น หาได้เป็นการบังคับให้หลิวหยางนั้นต้องมาแต่งงานกับนางเสียหน่อย หรือว่าความจริงที่นางรับรู้มานี้จะมีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง เว่ยเว่ยเริ่มนึกสงสัย อีกทั้งยังรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ภายในใจต่อความจริงที่ซ่อนอยู่

หากเป็นจริงดังถ้อยคำที่หลิวหยางกล่าวออกมา เช่นนั้นแล้วนางจะทนยอมรับความเสียใจและความผิดหวังนี้ได้อย่างไรกัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นางรักและทุ่มเทเพื่อเขามาโดยตลอด แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด แต่เว่ยเว่ยก็ยังไม่คิดที่จะเปลี่ยนใจเลยสักครั้ง

เว่ยเว่ยยังคงอยู่เพื่อเฝ้ารอการกลับมาของผู้เป็นคู่หมายอยู่เสมอ หากนางรู้ว่าเขาไม่เคยคิดที่จะเปิดใจให้นาง หรือรู้ว่าการหมั้นหมายในครั้งนี้มีที่ไปที่มาเป็นเช่นไร นางคงเลือกที่จะปล่อยมือและตัดใจจากเขาไปนานแล้ว การเฝ้ารอของนางตลอดระยะเวลาเกือบสามปีที่ผ่านมา แท้จริงแล้วได้สร้างความอึดอัดและความน่ารำคาญใจให้แก่อีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย

เมื่อลองนึกหาเหตุผลว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สาเหตุที่หลิวหยางไม่ค่อยกลับมาเมืองหลวงสักเท่าไรนั้นคงจะมีเหตุผลมาจากการหลบหน้านางผู้เป็นคู่หมายหรือเพื่อหลีกเลี่ยงการแต่งงานไม่ให้ เกิดขึ้นได้โดยเร็ว เพียงเท่านี้จิตใจของเว่ยเว่ยก็จวนสลายลงไปแล้ว