บท
ตั้งค่า

บทที่3 [แม่ทัพเว่ยหลิวหยาง]

เว่ยหลิวหยาง แม่ทัพหนุ่มวัยยี่สิบห้าปี ทายาทเพียงคนเดียวของอดีตแม่ทัพสกุลเว่ย บิดาและมารดาของหลิวหยางนั้นได้สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา จวบจนเมื่อหลิวหยางมีอายุได้เพียงสิบปี ทั้งสองก็ได้จากไปอย่างมีเกียรติภายในสนามรบ

หลิวหยางเติบโตมาภายใต้การเลี้ยงดูของผู้เป็นลุง ซ้ำยังได้ทั้งความรักและความเอ็นดูจากฝ่าบาทเป็นอย่างมาก โดยเมื่อหลิวหยางมีอายุครบสิบสองปี เขาก็ได้ขอติดตามผู้เป็นลุงเพื่อไปใช้ชีวิตอยู่ภายในกองทัพ ก่อนที่จะฝึกฝนและเติบโตมาเป็นแม่ทัพที่มากความสามารถดั่งเช่นทุกวันนี้

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หลิวหยางพยายามหาหนทางที่จะหลีกหนีจากการแต่งงานในครั้งนี้อยู่บ่อยครั้ง เขารั้งอยู่ที่ชายแดนเป็นเวลาเนิ่นนาน และกลับมาเมืองหลวงเพียงครั้งคราวเท่านั้น แม้ว่าสงครามจะสิ้นสุดไปนานแล้ว แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ตัวเขาก็สามารถที่จะหาข้ออ้างให้ตนนั้นยังไม่ต้องกลับมาเมืองหลวงไปได้นานอีกหลายปี

จวบจนปีนี้ เมื่อคู่หมายของเขานั้นมีอายุครบสิบแปดปี เขาก็ได้ถูกบีบบังคับให้ต้องเดินทางกลับมาเมืองหลวงเพื่อแต่งงานกับนางเสียแล้ว

หลิวหยางมีความเป็นผู้นำสูง เขาไม่ชอบการที่จะต้องถูกบีบบังคับไม่ว่าจะเรื่องใด ยิ่งเป็นเรื่องของการแต่งงานและการที่เขาจะต้องกลับมาประจำอยู่ที่เมืองหลวงในครั้งนี้ ซึ่งทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะคู่หมายอย่างหลี่เว่ยเว่ย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ก็ยิ่งทำให้หลิวหยางมีความชิงชังในตัวเว่ยเว่ยมากยิ่งขึ้น

แม้ไม่รู้ว่าคู่หมายของตนนั้นเดิมทีแล้วเป็นคนเช่นไร หรือมีอุปนิสัยแบบไหน แต่หลิวหยางก็ได้วางหลี่เว่ยเว่ยผู้นี้ไว้ในตำแหน่งของสตรีผู้ที่เขาชิงชังและไม่ปรารถนาจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ร่วมกับอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หลิวหยางกลับมาอยู่ที่เมืองหลวงได้เพียงไม่นาน ชื่อเสียงและนิสัยที่ร้ายกาจของคู่หมายอย่างเว่ยเว่ยก็ปรากฏในสายตาของเขา โดยก่อนหน้านี้ แม้เขาจะพอได้ยินเรื่องราวมาบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะร้ายกาจจริง ๆ เช่นนี้

เว่ยเว่ยแสดงออกว่ารักและลุ่มหลงในตัวเขาเป็นอย่างมาก พยายามที่จะเข้าหาและเอาอกเอาใจจนเขารู้สึกอึดอัด และในขณะเดียวกัน นางก็หึงหวงมากเสียเกินไปจนดูเหมือนคนที่ไร้ซึ่งเหตุผล ด้วยเหตุนี้ หลิวหยางจึงละอายแก่ใจและรู้สึกผิดต่อลู่ซือผู้เป็นสหายอยู่บ่อยครั้ง

เดิมทีแล้ว หลิวหยางกับลู่ซือนั้นเป็นเพียงสหายต่อกัน การที่อีกฝ่ายต้องมาเดือดร้อนเพราะความเข้าใจผิดจากเว่ยเว่ย จึงทำให้หลิวหยางเลือกที่จะปกป้องและใส่ใจในความรู้สึกของลู่ซือ มากกว่าที่จะต้องมาคอยเอาอกเอาใจหรือต้องมาอธิบายความเข้าใจผิดนี้ให้แก่คู่หมายอย่างเว่ยเว่ย

โดยที่หลิวหยางไม่รู้เลยว่า การที่เขาวางตัวลำเอียงเช่นนี้ นอกจากปัญหาเรื่องการเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นจะไม่ได้รับการแก้ไขแล้ว กลับมีแต่จะยิ่งทำให้ความบาดหมางและความเข้าใจผิดที่เคยมีระหว่างลู่ซือและเว่ยเว่ยนั้นเพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วย

คนผู้หนึ่งที่ช่างดูอ่อนแอและน่าทะนุถนอม เมื่อยามที่หวาดกลัวหรือตกใจก็ร้องไห้ออกมาได้อย่างง่ายดาย ดูแล้วช่างน่าสงสารและน่าปกป้องเป็นที่สุด ส่วนอีกผู้หนึ่งนั้น เหตุเพราะไม่เป็นที่รัก นางจึงไม่ได้รับทั้งความรักและความเห็นใจ ยิ่งภายในใจนั้นมีความอิจฉาริษยามากเพียงใด นางก็จะยิ่งแสดงตนว่าตัวเองนั้นร้ายกาจมากเท่านั้น ซึ่งเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า สองคนที่แตกต่างนี้ก็คือลู่ซือและเว่ยเว่ยนั่นเอง

หลิวหยางกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหลวงได้เพียงไม่นาน คู่หมายอย่างเว่ยเว่ยก็ได้สร้างความปวดหัวให้แก่เขาได้ไม่เว้นแต่ละวัน เว่ยเว่ยชอบที่จะเอาใจเขาด้วยการคอยส่งของกำนัลมาให้ หรือบ่อยครั้งก็มักจะนำมาให้ด้วยตนเองก็ตามที หากแต่สิ่งเหล่านั้นกลับมีมูลค่าและราคาที่สูงมากจนเกินกว่าที่หลิวหยางจะทำใจยอมรับไว้ได้ การกระทำของเว่ยเว่ย ไม่ว่าสิ่งใดก็ล้วนสร้างความลำบากใจให้แก่เขามาโดยตลอด

นอกจากนี้แล้ว ยังมีการที่เว่ยเว่ยชอบที่จะแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของในตัวเขาอีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ หลิวหยางยิ่งนับได้ว่าเป็นการแสดงออกที่ไม่ให้เกียรติเขาเป็นที่สุด เช่นนั้นแล้ว เขาจึงไม่คิดที่จะไว้หน้าอีกฝ่ายแต่อย่างใด อีกทั้งยังเลือกที่จะแสดงออกและพูดจาทำร้ายน้ำใจของเว่ยเว่ยอยู่บ่อยครั้ง

แม้จะเคยนึกเสียใจบ้างในภายหลัง แต่หลิวหยางก็มีทิฐิมากเกินกว่าจะยอมรับว่าแท้ที่จริงแล้วตนเองนั้นก็มีส่วนผิดในเรื่องของการแสดงออกที่ไม่ชัดเจนเช่นกัน

“อาชาง เจ้ามีความคิดเห็นเป็นเช่นไรกับการแต่งงานของข้าในครั้งนี้” ในที่สุดแล้ว หลิวหยางก็ทนเก็บความไม่สบายใจไว้แต่เพียงผู้เดียวไม่ไหว ในเมื่อไม่อาจหลีกหนีงานแต่งงานได้ เช่นนั้น เขาก็ขอระบายความไม่สบายใจนี้ต่อใครสักคนเถิด

หลิวหยางเอ่ยถามอาชาง ทหารคนสนิทในขณะที่เขากำลังนั่งอ่านตำราอยู่ที่ห้องทำงาน

“เอ่อ ท่านแม่ทัพ จะอย่างไร การหมั้นหมายนี้ก็มีสมรสพระราชทานจากฝ่าบาทที่รออยู่เบื้องหน้า ข้าน้อยจะกล้าแสดงความคิดเห็นได้อย่างไร” อาชาง ทหารคนสนิทที่มีอายุมากกว่าของหลิวหยางเพียงสองปีกล่าวด้วยท่าทีที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ดูก็รู้ว่าท่านแม่ทัพของเขาไม่พึงใจในการแต่งงานในครั้งนี้ เพียงแต่นี่คือสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท เช่นนั้นแล้ว ไม่ว่าเขาจะกล่าวเช่นไร สุดท้ายก็คงมีแต่จะทำให้หัวของเขานี้หลุดกระเด็นออกจากบ่าเพียงเท่านั้น อาชางครุ่นคิดด้วยสีหน้าที่แสนจะลำบากใจกับคำถามของผู้เป็นนายในครั้งนี้

“ข้าคงเป็นกังวลมากเกินไป เจ้าไปพักผ่อนเถิด” หลิวหยางกล่าว เมื่อเห็นถึงสีหน้าที่ดูลำบากใจของอีกฝ่าย ก่อนที่จะปล่อยให้อาชางกลับไปพักผ่อนสักที ในขณะที่ตัวเขายังคงนั่งคิดไม่ตกอยู่ภายในห้องทำงาน อีกทั้งภายในหัวก็มีเพียงภาพที่นางมีน้ำตาเอ่อล้นมาจากดวงตาคู่สวย

นางร้องไห้ สตรีร้ายกาจเช่นนาง เหตุใดถึงได้หรั่งน้ำตาร้องไห้ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ หลิวหยางหวนนึกถึงใบหน้าของเว่ยเว่ยในค่ำคืนที่พวกเขาทั้งสองทะเลาะกัน โดยที่หลิวหยางไม่รู้เลยว่า เว่ยเว่ยนั้นไม่ได้ร้องไห้ง่ายแต่อย่างใด หากแต่เขาคือคนสำคัญภายในจิตใจของนางมาโดยตลอด เช่นนั้นแล้ว คำพูดที่รุนแรงจากปากของเขาจึงมีผลต่อความรู้สึกของนางมากก็เท่านั้นเอง

หลิวหยางคิดว่า นี่คงเป็นบ่วงกรรมที่เขาได้เคยทำไว้ เช่นนั้นแล้ว หากหลีกหนีไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ก็คงทำได้เพียงทำใจและเผชิญหน้ากับการแต่งงานต่อจากนี้อย่างตรงไปตรงมาก็เท่านั้น

เดิมที่แล้วเขาก็ไม่ได้มีใครนั่งอยู่ภายในใจมาก่อน หากอีกฝ่ายปรารถนาในตำแหน่งของฮูหยินของเขามากนัก เช่นนั้นก็ให้สตรีผู้นี้ได้นั่งครองไปเสียเถิด แต่อย่าคิดว่าจะได้รับความรักและความเห็นใจจากเขาแม้แต่น้อย เพราะตัวเขานั้นเกลียดคนที่มีนิสัยเช่นนี้ที่สุดแล้ว

หลิวหยางทบทวนข้อสรุปอยู่ภายในใจ โดยที่เขาไม่รู้เลยว่า วันข้างหน้าเขาจะต้องกลืนน้ำลายของตนเองเข้าสักวันหนึ่ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel