บท
ตั้งค่า

5 พระเอก-นางเอก

NUBDAOW

OCEAN GROUP

หัวข้อเด่นในแผนกการตลาดของเช้าวันนี้คืองานแต่งงานสุดเลิศหรูที่จัดขึ้นเมื่อคืน กับภรรยาสาวคนสวยของท่านประธาน ดูเหมือนว่าทุกคนลืมไปแล้วว่าต้องทำงาน เพราะจากที่ฉันเห็นบนจอคอมพิวเตอร์ของหลายคน พวกเขากำลังค้นหาประวัติและส่องไอจีของคุณไอรินอยู่

“เมื่อวานนางสวยมากในชุดเจ้าสาว…แต่พอมาดูในไอจี คือนางดีกว่าตอนใส่ชุดเจ้าสาวอีกนะแก เอาง่ายๆว่าสวยทุกชุด”

“จริงแก…ดูชุดนี้สิ ชาแนลทั้งเซต…ตั้งแต่กิ๊บติดผมยันรองเท้า”

“อิจฉานะ…เกิดมาบนกองเงินกองทอง จบนอกกลับมาทำงานที่โรงแรมของพ่อตัวเอง สุดท้ายก็ได้แต่งงานกับคุณหมอก…อย่างกับเกิดมาเพื่อคู่กันเลยว่ะ”

“ประเด็นคือความสามารถของนางก็ไม่ธรรมดาย่ะ นางไม่ได้แค่สวย รวย แต่นางเก่งมากด้วย…”

ฉันนั่งฟังคำสรรเสริญเยินยอนั้นเงียบๆ ถามตัวเองอยู่หลายต่อหลายรอบว่าฉันอิจฉาคุณไอรินหรือเปล่า คำตอบคือ…ไม่เลย ฉันไม่ได้อยากจะได้รับคำชมเหล่านั้นจากคนที่ไม่ได้รู้จักฉันดี เพราะวันนี้เขาชม…เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาก็ด่า โลกความเป็นจริงคือแบบนั้น ฉันไม่ได้สนใจชาแนลที่คุณไอรินใส่ ไม่ได้สนใจว่าเธอจะเก่งจะรวยมาจากไหน ที่ฉันสนคือ…เธอได้แต่งงานกับผู้ชายที่ฉันรัก ถ้าจะอิจฉา…ก็คงเป็นเรื่องนี้ล่ะมั้ง ฉันควรเลิกคิดถึงคุณไอรินแล้วหันมาสนใจงานของตัวเองดีกว่า

โต๊ะทำงานของฉันอยู่ที่แผนกการตลาดบนชั้นสามสิบสามของตึกสูงระฟ้าใจกลางเมือง หลังจากที่ทำงานอย่างหนักมาห้าปีฉันก็ได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมบี ซึ่งแผนกของเรานั้นมีอยู่สามทีมด้วยกันคือทีมเอ บีและซี เราแบ่งการทำงานกันอย่างชัดเจน ทีมฉันดูแลในส่วนการตลาดของออนไลน์ ไม่ได้จะอวดหรอกนะ…แต่ทีมฉันน่ะเจ๋งสุดๆไปเลย เราทำงานกันได้ดีเยี่ยม พวกเราเข้ากันได้ดีและสนิทกันมาก และมันเป็นที่รู้กันในบริษัทว่าทีมบีของฉันคือทีมรวมเทพ และเช้าวันนี้ทีมของฉันก็ไม่ได้เปิดไอจีคุณไอรินเหมือนคนอื่นแต่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำงาน นี่แหละคือความภาคภูมิใจของฉัน

แน่นอนว่ากว่าที่ฉันจะมาถึงจุดนี้ได้มันเป็นเพราะฉันขยันและพยายาม ไม่ใช่เพราะแฟนของฉันเป็นประธานบริษัท ฉันภูมิใจที่ฉันทำมันด้วยตัวเอง…เพราะฉันเคยถามพี่หมอกแล้วว่าที่ฉันได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีม มันเป็นเพราะตัวฉันเองหรือเพราะเขาช่วย คำตอบคือ…มันเป็นเพราะความตั้งใจและขยันของฉัน เห็นไหมว่าฉันอาจคิดถูกที่ไม่บอกเรื่องที่คบกับพี่หมอกให้คนอื่นรู้ เพราะฉันอยากให้ทุกคนมองฉันที่ความสามารถ ไม่ใช่เพราะฉันเป็นแฟนของเขา เมื่อก่อนพี่หมอกไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด แต่ตอนนี้…เขาเข้าใจมันอย่างแจ่มแจ้ง เขาบอกว่าดีใจและยินดีกับฉันมากที่ทุกคนยอมรับในความสามารถของฉัน แต่ก็นะ…ตอนนี้ต่อให้ฉันจะได้รับการยอมรับมากแค่ไหน ฉันก็เปิดเผยสถานะไม่ได้อีกแล้ว เพราะแฟนของฉันไปเป็นสามีของคนอื่นแล้ว

ทนไว้นับดาว…แค่หนึ่งปีเท่านั้น

“นับ…ฉันจะลงไปหากาแฟหน่อย แกเอาอะไรไหม?” แอมเบอร์ เกย์รุกสุดหล่อหนึ่งในทีมของฉันเอ่ยขึ้นมา ปลุกให้ฉันตื่นจากภวังค์

“ฉันเอาอเมริกาโน่เย็นก็แล้วกัน”

“แล้วคนอื่นล่ะ?” แอมเบอร์หันไปถามฟางข้าว รุ่นน้องแสนหน่อมแน้มที่กำลังตั้งใจกับการทำงาน

“ฟางเอาลาเต้ค่ะ ขอแซนด์วิชด้วยได้ไหมคะ เมื่อเช้าฟางรีบมากเลย…เลยไม่ได้กินข้าวเช้ามา”

“ผมเอาเหมือนฟาง” ส่วนนี่ก็คิว สมาชิกในทีมคนสุดท้าย หนุ่มนักเรียนนอกที่เพิ่งจบใหม่และกำลังไฟแรงสุดๆ

“ดี! สั่งกันมาแบบไม่ดูเลยว่ากูไปคนเดียว” แอมเบอร์ทำหน้าเซ็ง พลางยกสองมือชูขึ้นมาเพื่อบ่งบอกว่ามันถือมาไม่ไหว

“อะๆ เดี๋ยวฉันลงไปกับแกด้วย” ก็เลยต้องเป็นฉันที่จะต้องทิ้งงานตรงหน้าไปช่วยแอมเบอร์ถือของ

เราสองคนลงมาที่ชั้นล่างสุดของตึกบริษัท ใช้บัตรเครดิตที่เป็นสวัสดิการบริษัทรูดซื้อกาแฟราคาหลักร้อย ก่อนจะเดินมาหยุดที่หน้าห้องลิฟต์ ฉันกับแอมเบอร์ ถึงจะไม่ได้สนิทกันถึงขั้นพูดมึงพูดกู แต่เราก็ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมงานที่สนิทกัน คุยกันได้แทบทุกเรื่อง…ยกเว้นเรื่องที่ฉันกับพี่หมอกเป็นแฟนกัน

“มันเป็นจริงใช่ไหมวะ…ที่การแต่งงานของคุณหมอกกับคุณไอรินแม่งไม่มีความรักอยู่ในนั้นเลย ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ” แอมเบอร์เอ่ยขึ้นพร้อมใบหน้าครุ่นคิด

“แกไปเอามาจากไหน?” แล้วฉันก็ทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น

“ก็คุณเอกน่ะสิ…เมื่อคืนเขาเมาหัวเกือบทิ่มบ่อ พ่นทุกอย่างออกมาให้ฉันฟังจนหมด” คุณเอกคือผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด หัวหน้าของพวกเราเอง

“งั้นเหรอ?”

“อย่างกับในละครเลยเนอะ…พระเอกกับนางเอกแต่งงานกันเพราะธุรกิจ ทำข้อตกลงว่าจะหย่ากันเมื่อทุกอย่างจบ แต่สุดท้ายก็รักกัน…”

“…” ฉันเกลียดประโยคที่ว่า ‘แต่สุดท้ายก็รักกัน’ หรือแม้แต่สองคนนั้นคือพระเอกกับนางเอก แล้วฉันล่ะ? ฉันเป็นตัวร้ายงั้นเหรอ?

“หรือแกไม่ได้คิดเหมือนฉัน? สองคนนั้นไม่เคยมีข่าวว่าคบกันด้วยซ้ำ…”

“ฉันก็ไม่รู้สิ…”

“เออ…แล้วเมื่อคืนแกกลับไปตอนไหนวะ ฉันไปคุยกับคุณเอก หันมาอีกทีแกก็หายไปแล้ว”

“เหนื่อยน่ะ เลยแอบหนีออกมา คุณเอกไม่ได้ว่าอะไรใช่ไหม?”

“ไม่…คุณเอกเมายับ แต่ฉันก็เห็นว่าแกเมานะ”

“บ้าเหรอ? ใครจะกล้าเมาในงานแต่งงานของเจ้าของบริษัทวะ?”

“หึ! ก็แกไง” แอมเบอร์ทำหน้ารู้ดีใส่ฉัน ก่อนที่จะมองข้ามไหล่ฉันไป “อะ…คุณหมอก? สวัสดีครับ” ในตอนนั้นแอมเบอร์ก็รีบก้มหน้าทักทายพี่หมอก ฉันเลยรีบหันกลับไปมอง…แล้วทำเหมือนว่าตัวเองเป็นพนักงานคนหนึ่ง ทั้งๆที่เมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว ฉันยังกอดกับเขาอยู่เลย

“สวัสดีค่ะคุณหมอก”

“สวัสดีครับ…”

แล้วลิฟต์ก็มาถึงพอดี ทั้งฉันและแอมเบอร์ต่างก็หลีกทางให้พี่หมอก เพื่อให้เขาได้ขึ้นลิฟต์ไปก่อน ตามมารยาทที่เขาทำกัน พี่หมอกก้มหน้าให้เราสองคนพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์

“ขึ้นมาด้วยกันสิครับ…”

แอมเบอร์ไม่รอช้า ใช้มือข้างที่ว่างคว้าข้อมือฉันให้เดินตามเข้าไป แล้วเราก็เข้าไปยืนที่ด้านในลิฟต์ ด้านหลังพี่หมอก

“จะบอกตั้งแต่เมื่อกี้แล้วว่าขนตาติดแก้มแกน่ะ”

“ไหน?” ฉันน่ะอาสาที่จะถือกาแฟจนเต็มมือไปทั้งสองข้าง ส่วนแอมเบอร์ก็ถือถึงแซนด์วิชแค่มือเดียว หมอนั่นก็เลยยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้มากๆ แล้วดึงขนตาออกจากแก้มฉันไป จังหวะนั้นฉันก็แอบเห็นผ่านประตูลิฟต์ที่เป็นกระจก มันสะท้อนจนเห็นว่าพี่หมอกกำลังมองเราผ่านกระจกนั้น

“นี่ไง…แล้วหน้าแกเป็นผดน่ะ หัดดูแลตัวเองหน่อยสิ…ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน แกก็ต้องล้างหน้าให้สะอาดนะ เข้าใจไหม”

“เข้าใจแล้ว” แอมเบอร์น่ะ…ฉันสนิทใจกับหมอนี่ เพราะรู้ว่ามันไม่สนใจผู้หญิงอย่างฉันแน่นอน

“แต่เอาจริงๆ ต่อให้แกเป็นผด…ก็ยังสวยอยู่ดีว่ะ”

“แอม…พอแล้ว” ฉันกระซิบเบาๆ ก่อนจะส่งสายตาให้เจ้าเพื่อนรู้ว่าเราไม่ได้อยู่ในลิฟต์กันสองคน

“จริงสิ…ผมมีนัดประชุมเรื่องแอปพลิเคชันกับทีมพวกคุณหรือเปล่า?” ในตอนนั้นพี่หมอกก็หันมาถามพวกเรา และเขาก็จ้องตาฉันโดยเฉพาะ…เพราะฉันคือหัวหน้าทีม

“อะ…ใช่ค่ะ มะรืนนี้น่ะค่ะคุณหมอก”

“ผมขอเป็นบ่ายนี้แทนได้ไหม? พอดีว่ามะรืนนี้…ผมน่าจะติดประชุมบอร์ด”

“คะ?”

“บ่ายนี้…พวกคุณพร้อมคุยไหม? ต้องพร้อมสิใช่ไหม? เพราะผมสั่งไปสองอาทิตย์แล้ว” บ้าจริง! พี่หมอกทำหน้าตาทำตากวนประสาทใส่ฉัน แล้วมันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ลิฟต์เปิดออกพอดี แน่นอนว่าเขาไม่รอคำตอบ พูดจบ…ประตูลิฟต์เปิด เขาก็เดินออกไปทันที

“เวรแล้ว!” แอมเบอร์เดินนำฉันออกมาจากลิฟต์ ทำหน้าตาบอกบุญไม่รับ

“เราตายแน่…ไม่รู้ตอนนี้ฟางข้าวทำสไลด์ไปถึงไหนแล้ว”

“แล้วคุณหมอกเขาเป็นอะไรวะ? ปกติไม่เคยเห็นผิดเวลางานมาก่อน…นัดเรามะรืน อยู่ๆจะมาเอาบ่ายนี้! ใครมันจะไปทำทัน!”

“แกเอากาแฟเข้าไปให้สองคนนั้น แล้วก็ให้คิวมาช่วยฟางข้าวทำสไลด์ บอกมันสองคนว่าถ้าทำเสร็จทันบ่าย…ฉันจะเลี้ยงเบียร์ที่เดอะ รูม” ฉันยัดแก้วกาแฟใส่มือแอมเบอร์ ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้ามาในลิฟต์

“แล้วแกจะไปไหนวะ? แล้วนั่นแหวนเพชรเหรอ? ที่นิ้วนางข้างซ้ายอะ!” แอมเบอร์ตะโกนไล่หลังมา แต่ฉันไม่ได้หันไปตอบอะไร จะไปจัดการคนน่ะสิ! คิดจะแกล้งฉันงั้นเหรอ?! แล้วก็เพิ่งนึกได้…ว่าฉันลืมถอดแหวนเพชรเม็ดเบ้งเก็บไว้ที่ห้อง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel