3 คนแรกไม่สำคัญเท่าคนสุดท้าย
NUBDAOW
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกปวดหัวเหมือนจะระเบิด คว้ามือถือขึ้นมาดูนาฬิกาก็เห็นว่ามันคือเวลาเจ็ดโมงครึ่ง ฉันมีเวลาสองชั่วโมงกว่าในการเตรียมตัวไปทำงาน แต่อยากลางานจัง…ฉันแฮงค์เกินกว่าที่จะไปทำงาน
“อื้อ!” ถ้าจำไม่ผิด…ฉันว่าเมื่อคืนพี่หมอกเขามาหาฉันที่นี่นะ จำได้ว่าเราคุยกันที่โซฟาข้างนอกแล้วฉันก็เอาแต่ร้องไห้ แล้วตอนนี้เขาหายไปไหนแล้ว? เขาไม่ได้ค้างกับฉันเหรอ? หรือว่า…เขากลับไปเมื่อเช้า?
“ตื่นแล้วเหรอ? อะ…นี่ครับ พี่ชงน้ำผึ้งผสมมะนาวมาให้”
“พี่หมอก?”
“หืม?” ฉันจ้องมองหน้าเขาอย่างแปลกใจ รับแก้วน้ำผึ้งผสมมะนาวจากเขามาจิบ เพียงแค่จิบแรกมันก็ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“นับคิดว่าพี่หมอกกลับไปตั้งแต่เมื่อคืน…”
“นับเอาแต่ร้องไห้แบบนั้น…คิดว่าพี่จะกลับไปได้จริงๆเหรอ?” พี่หมอกมองฉันพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะยื่นมาเกลี่ยปอยฉันไปทัดไว้ที่หลังใบหู ฉันชอบมากเวลาที่เขาทำแบบนี้ ฉันชอบที่เขาดูเหมือนจะใส่ใจฉันอยู่ตลอด ชอบที่เขามองฉันด้วยสายตาเหมือนว่าตกหลุมรักฉันอยู่ตลอดเวลา
“รักนับไหมคะ?” ฉันเลยอ้อนเขา อ้อนเพราะว่าอยากจะอ้อน อ้อนอย่างไม่มีเหตุผล
“คิดว่าไงล่ะ?”
“งื้อ! ก็นับถาม…ว่าพี่หมอกรักนับไหม แล้วจะมาถามกลับทำไม?”
“ก็นับรู้อยู่แล้ว…ว่าพี่รักนับมากแค่ไหน”
“มากแค่ไหนล่ะ?” ฉันเอี้ยวตัวไปวางแก้วน้ำผึ้งผสมมะนาวที่โต๊ะหัวเตียง ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้พี่หมอก ขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักของเขา ส่งสองแขนไปคล้องคอเขาไว้ แล้วจ้องมองเขา…จ้องมองลึกลงไปในดวงตาของเขา
“จะทำอะไร?” ดูเหมือนเขาจะรู้
“ตอบมา…ว่าพี่หมอกรักนับมากแค่ไหน รักมากพอที่จะลางานแล้วอยู่กับนับทั้งวันหรือเปล่า”
“เทียบกันไม่ได้นับก็รู้”
“ชิ! ก็พอจะรู้หรอก…พี่หมอกอะบ้างาน วันๆทำแต่งาน…สนใจงานมากกว่านับซะอีก ที่จริงนับก็ไม่น่าถามหรอก” ฉันเลยแกล้งทำเป็นงอนเขาเสียเลย
“อย่างอนสิ ไหนว่าสิ่งที่ทำให้นับหวั่นไหวกับพี่…ก็เพราะความบ้างานของพี่”
“ทำไมนะ? ทำไมนับไม่เคยเถียงชนะพี่หมอกเลย” ฉันเบะปาก…จริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ ย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน…สิ่งที่ทำให้ฉันละสายตาไปจากพี่หมอกไม่ได้เลยก็คือความบ้างานของเขา ฉันชอบที่เขาทำงานหนัก ชอบความจริงจังแบบไม่ผ่อนปรนของเขา พี่หมอก…เซ็กซี่เป็นบ้าเวลาที่เขาทำงาน
“ถึงนับจะเอาเหตุผลมาสู้พี่ไม่ได้ แต่นับชนะใจพี่…นับคือคนที่พี่อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด นับเป็นพื้นที่ปลอดภัยของพี่ พี่รู้สึกปลอดภัยเวลาที่มีนับอยู่ข้างๆ ตั้งแต่วันแรก…จนถึงวันนี้ มันเป็นแบบนั้นไม่เคยเปลี่ยน”
“แล้วใครที่ทำให้พี่หมอกรู้สึกไม่ปลอดภัยเหรอ? บอกนับมา…นับจะไปจัดการให้” ฉันเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม เปลี่ยนจากการคล้องคอมาเป็นกุมใบหน้าที่โคตรจะหล่อเกินคำบรรยายของเขาเอาไว้
“…” พี่หมอกนิ่งไป เขาหลุบตามองต่อ ก่อนจะค่อยๆยิ้มแล้วมองฉันพร้อมการส่ายหน้าไปมา
“บอกมาสิ…นับจะไม่ปล่อยคนคนนั้นเอาไว้”
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่นี้…นับก็ทำเพื่อพี่มากพอแล้ว ต่อไป…แค่อยู่ข้างๆพี่ คอยกุมมือพี่ไม่ปล่อย แค่อยู่เป็นกำลังใจให้พี่ก็พอ”
“ต้องการแค่นั้นเองเหรอ?”
“แล้วจะต้องการอะไรอีก…พี่โดดเดี่ยวมาตลอด ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองจะรักใครได้…จนกระทั่งพี่ได้เจอนับ”
“จริงเหรอ? นับคิดว่า…นับไม่ใช่แฟนคนแรกของพี่หมอกซะอีก”
“ก็ไม่ใช่ ก่อนจะมาคบกับนับ…พี่เคยคบใครมาหลายคน แต่นับเป็นผู้หญิงคนแรกที่พี่รัก นอกจากคุณแม่ คุณยัยและก็คุณย่า”
“พี่หมอกก็เป็นผู้ชายคนแรกของนับเหมือนกัน เป็นแฟนคนแรกและเป็นคนแรก…ที่ได้ทั้งตัวแล้วก็ใจของนับ”
“คนแรกไม่สำคัญเท่าคนสุดท้าย” พี่หมอกเอ่ยคล้ายกระซิบที่ข้างใบหูฉัน
“ก็จริงนะ…”
“นับจะอยู่เป็นคนสุดท้ายของพี่ไหม?”
“ต้องถามพี่หมอกต่างหาก…ว่าพี่หมอกอยากให้นับเป็นคนสุดท้ายหรือเปล่า”
“นับไม่มั่นใจในตัวพี่เหรอ?”
“นับมั่นใจในตัวพี่หมอก นับเชื่อทุกคำที่พี่หมอกพูด นับรู้ว่าพี่หมอกรักนับจริงๆ แต่ที่ไม่มั่นใจ…คือเงื่อนไขในชีวิตของเราต่างหาก นับนึกไม่ออกเลยว่านับจากวันนี้อีกสามร้อยหกสิบสี่วัน ความรู้สึกของเราจะเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า จะมีอะไรที่เข้ามาทำให้เราผิดใจกันไหม…นับกลัว กลัวมากว่าเราจะ…”
“ขอแค่นับเชื่อใจพี่ แค่นั้น…ขอแค่เราเชื่อใจกัน พี่เชื่อว่าเราจะผ่านมันไปได้”
“แค่ความเชื่อใจเหรอ?”
“ความเชื่อใจมันสำคัญมากพอๆกับความรักนั่นแหละนับ”
“นับรักพี่หมอกนะ” แล้วฉันก็จูบไปที่มุมปากของเขา จูบอย่างแนบแน่น ก่อนจะถอนออกมาอิงแอบแนบชิดกับแผงอกแกร่ง ไม่ใช่แค่ฉันหรอกที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยของเขา แต่พี่หมอกก็เป็นพื้นที่ปลอดภัยของฉันเหมือนกัน
ครืด ครืด ครืด
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือของพี่หมอก ฉันเลยคลายกอดจากเขา เพื่อให้เขาได้หยิบมือถือขึ้นมา แล้วฉันก็เห็นชื่อที่หน้าจอมือถือ…มันเขียนเอาไว้ว่าไอริน
“ครับ” พี่หมอกรับสายนั้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ปรายตามองฉันเพียงเล็กน้อย
“ผมอยู่กับ…นับดาว”
“ตั้งแต่เมื่อคืนครับ”
“ว่าไงนะ?”
“ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ฉันรีบถามในทันทีที่พี่หมอกวางสาย เพราะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสีหน้าของเขาดูไม่สบายใจ
“พ่อแม่ของไอรินกำลังจะเข้าไปที่บ้าน พี่ต้องกลับไป…ไม่งั้นพวกท่านจะรู้ว่าพี่ไม่ได้เข้าห้องหอเมื่อคืน”
“ก็บอกพวกเขาไปไม่ได้เหรอว่าพี่หมอกออกมาทำงานแล้ว” ฉันรั้งมือหนาเอาไว้ ฉันยังอยากอยู่กับเขา ไม่อยากแยกจากกันเลย เราเพิ่งได้เจอกันในรอบหนึ่งอาทิตย์เองนะ
“…” และพี่หมอกก็คงลำบากใจ ถ้าจะต้องปฏิเสธฉัน
“พี่หมอกไปเถอะ” ฉันเลยต้องปล่อยให้เขาไป
“ไม่งอนพี่นะ”
“ไม่ค่ะ”
“เอาไว้เจอกันที่ออฟฟิศครับ” พี่หมอกก้มลงมาจูบแก้มฉัน ก่อนที่จะออกไปจากห้องนอน เวลาเดียวกันนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นมา
“อืม…” ฉันไม่อยากรับสายนี้เลย แต่ก็ต้องรับ เพราะมันคือสายของไอ้ตุลย์ที่โทรทางไกลมาจากอังกฤษ และมันคงยื้อเวลานอนมาจนถึงสองของที่นั่นเพื่อโทรมาหาฉัน
[มันเกิดอะไรขึ้นวะ?! ทำไมกูถึงได้ข่าวว่าไอ้เหี้ยพี่หมอกแม่งแต่งงานกับคุณไอริน!] เป็นอย่างที่ฉันและณาราคิดเอาไว้ไม่มีผิด ไอ้ตุลย์มันจะต้องโวยวายเรื่องนี้…เพราะแต่ไหนแต่ไร มันไม่เคยเห็นด้วยที่พี่หมอกคบฉันโดยไม่เปิดเผย
“ใจเย็นไอ้ตุลย์ ไอ้เหี้ยพี่หมอกที่มึงกำลังพูดถึง…เขาคือแฟนกู”
[แฟนก็เหี้ยแล้วไอ้นับ! เขาไปแต่งงานกับคนอื่นแล้วจะมาเป็นแฟนมึงได้ยังไง?!]
“ก็กูกับเขายังไม่ได้เลิกกัน”
[หมายความว่าไง?!]
“มันก็แค่การแต่งงานทางธุรกิจ…มึงเองก็เป็นนักธุรกิจ คงพอจะนึกออก”
[ไม่อะ กูนึกไม่ออก…กูจะกลับเมืองไทยพรุ่งนี้ มารับกูด้วย แล้วมึงเตรียมคำอธิบายเอาไว้ดีๆ]
“เห้ย! นี่มึงจะกลับมาเมืองไทยเพราะเรื่องกูเหรอ? ไอ้ตุลย์…”
[ไม่ใช่! กูมีแพลนจะกลับตั้งนานแล้ว…แต่ที่ไม่บอกเพราะอยากเซอร์ไพรส์มึงกับณารา แต่กูไม่สนใจเรื่องนั้นแล้ว…อย่าลืมมารับกูด้วย!]
“อืม…”
[กูคิดว่ามึงแม่งโง่ แต่ไม่คิดว่าจะโง่ขนาดนี้นะไอ้นับ] จบคำนั้นไอ้ตุลย์ก็ตัดสายทิ้งไปทันที สรุปแล้ว…มันโทรมาเพื่อด่าฉันจริงๆ พอด่าฉันว่าโง่จบ มันก็วางสายไปอย่างง่ายๆ
NUBDAOW END
