บท
ตั้งค่า

9.ง้อ

“......”

หมอนี่มองยังไงก็ไม่มีตรงไหนที่น่าไว้ใจเลยแฮะ เขาเป็นออร์คที่ดูดีและหล่อเหล่าไม่แพ้สามีของเธอเลย แต่ทว่ากลิ่นอายรอบๆ ตัวของเขามันกลับ..ฉายชัดถึงความเจ้าเล่ห์และอันตราย

อามม์ลดสายตาลงเล็ก..เพื่อมองใบหน้านั้นของเลดี้ฟริเซีย เขาแทบจะหลุดขำออกมาเมื่อมองเห็นสีหน้าที่เฉยเมยไร้ความรู้สึกของเธอ

อามม์ผละร่างกายของเขาออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นราวกับว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะใกล้ชิดเธอขนาดนั้น

“ข้าไม่ชอบการใกล้ชิดที่เกินพอดีนี้เลยค่ะ เพราะอย่างที่ท่านรู้ข้าแต่งงานแล้ว"

เมื่อกล่าวจบฟริเซียก็เดินออกมาในทันที

“การแต่งงานที่จัดขึ้นมาโดยไม่เต็มใจทั้งสองฝ่ายอย่างนั้นหรือครับ..ข้าคิดว่าท่านหัวหน้าเผ่าไม่มีทางยินดีกับการแต่งงานนี้อย่างแน่นอน..เลดี้จะทนอยู่ที่นี่ไปจนตายเลยอย่างนั้นหรือครับ ในบ้านเมืองที่แสนกันดารเช่นนี้ไม่เหมาะสมกับเพชรเม็ดงามอย่างเลดี้หรอก..ท่านสมควรจะอยู่ในที่ที่ท่านควรอยู่ เพราะหากท่านยังอยู่ในโคลนตมเช่นนี้จากเพชร..ก็เป็นได้เพียงก้อนกรวดเท่านั้น”

ฟริเซียเชิดรั้นใบหน้าขึ้นเล็กน้อย เธอมองเมินราวกับไม่เห็นชายเบื้องหน้าอยู่ในสายตา

“จะเป็นเพชรหรือว่าก้อนกรวด ข้าก็ยังคงแข็งแกร่งมากอยู่ดี สถานะภายนอกมันไร้ความหมาย ข้าไม่สนใจเรื่องพวกนั้นหรอก..”

นัยน์ตานั้นไม่สั่นคลอนแม้แต่เสี้ยวเดียว และนั่นทำให้อามม์อดจะยกยิ้มขึ้นมาอย่างถูกใจไม่ได้เลย เขาไม่ได้พบเจอกับเรื่องท้าทายเช่นนี้มานานมากแล้ว ไม่ได้พบเจอกับสตรีที่เจิดจรัสท่ามกลางโคลนตมเช่นนี้มานานมากแล้วจริงๆ

ด้วยเหตุนั้น..มันยิ่งปลุกความอยากในหัวใจของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ..

“เลดี้นี่ช่าง..ถูกใจข้ามากเลยนะครับ”

ฟริเซียเดินขึ้นบันไดมาอย่างไม่สนใจคำกล่าวไร้สาระของอามม์เจ้าของร้านหนังสือแห่งนี้

“หากถูกใจข้ามาเช่นนั้นก็ช่วยลดราคาให้ข้าบ้างสิคะ”

เธอส่งยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาให้เขา และเมื่อมองเห็นนายหญิงเดินขึ้นมาพร้อมกับหนังสือในมือ มีมี่ก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก

“เรื่องนั้นข้าจะคิดราคาพิเศษให้เลยนะครับ เพราะมีมี่คือลูกค้าประจำของข้าอยู่แล้ว”

อามม์ใช้กระดาษสีน้ำตาลในการห่อหนังสือ เขามัดเชือกให้เรียบร้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้านั้นอีกครั้ง

“..เสร็จแล้วครับนายหญิง ข้าหวังอย่างยิ่งว่าครั้งหน้าจะมีโอกาสรับใช้นายหญิงอีก”

เมื่อครู่ตอนที่อยู่ด้วยกันตามลำพังเขายังเรียกชื่อเธอว่าเลดี้อยู่เลย..ชายผู้นี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ช่างไม่น่าไว้ใจจริงๆนั่นแหละ

“แน่นอน..ขอบคุณมากที่ลดราคา”

เธอยังคงส่งยิ้มให้เขาตามมารยาท แต่ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับอยู่ในสายตาของบาทีสต์อย่างชัดเจน

“นายหญิงของเรานี่ช่างมีรอยยิ้มที่งดงาม มากๆเลยนะครับนายท่าน”

ชองกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่กำลังเคลิบเคลิ้ม คงจะมีแค่นายท่านของเขาเท่านั้นที่พยายามหลีกหนีนายหญิงมานอนที่ตึกว่าการของเผ่าออร์คน่ะ

“ในสายตาของเจ้า..สตรีผู้นั้นงดงามมากเลยอย่างนั้นหรือ?”

ชองขมวดคิ้ว

“แล้วในสายตาของนายท่าน..นายหญิงไม่งดงามเลยอย่างนั้นหรือครับ อันที่จริงรอยยิ้มนั้นของนายหญิง หากได้มองก็ชวนให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มแล้ว ยิ่งหากนายหญิงส่งยิ้มให้ บุรุษผู้ใดก็ไม่อาจต้านทานได้หรอกครับ ดูเจ้าของร้านหนังสือนั่นสิ มองนายหญิงอย่างกับอยากจะจับนายหญิงเอาไว้ที่ร้านหนังสืออย่างนั้นแหละ”

“....”

บาทีสต์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขากำลังมองดูฟริเซียพูดคุยกับเจ้าของร้านหนังสืออยู่ด้านนอก ที่ร้านหนังสือมีกระจกล้อมรอบ อีกทั้งมีมี่ยังยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ฟริเซียอีกต่างหาก เพราะอย่างนั้นไม่มีอะไรเลยที่จะเรียกได้ว่าไม่เหมาะสม..

..นอกจากแววตาและท่าทีของเจ้าของร้านน่ะ

“ไม่เข้าไปหรือครับ?”

ชองเอียงใบหน้าถามนายท่านของเขา

“จะให้ข้าเข้าไปด้วยเหตุผลแบบไหนกัน”

ชองนิ่วหน้า..

“ก็เข้าไปหานายหญิงแล้วแสดงท่าทีราวกับว่าการพบเจอกันของท่านและนายหญิงมันคือเรื่องบังเอิญ ประมาณว่านายท่านผ่านมาทางนี้แล้วเห็นนางหญิงอยู่ในร้านหนังสือพอดีก็เลยเข้ามาหาอะไรแบบนั้น.. จริงอยู่ที่นายท่านแต่งงานแล้ว แต่ชีวิตหลังแต่งงานก็สำคัญนะครับ อีกทั้งออร์คอย่างพวกเราให้ความสำคัญกับคู่ครองมาเป็นอันดับแรกเสมอ..”

อันที่จริงเขาก็อยากจะเข้าไปทักทายเหมือนกัน มันติดอยู่ที่ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน..เธอตรงเข้ามาหาดู..ของเขาอย่างจริงจังเช่นนั้น

เขาอับอายและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีก็เลยมัดเธอเอาไว้บนเพดาน

แต่คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าเขาและพี่ชายของเธอพูดคุยให้คำมั่นเอาไว้ว่าอย่างไร เขาแตะต้องเธอไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บด้วยซ้ำ

ทว่าเมื่อได้ลองคิดมาคิดไป หากเธอสงสัยในเรื่องเช่นนั้น..เธอก็มีแค่เขาเท่านั้นที่จะพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้เขาคลายข้อสงสัยให้เธอได้ ฉะนั้นต่อให้แตะต้องไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว แต่เขาสามารถคลายข้อสงสัยให้เธอได้นี่..

แล้วนี่คงไม่ใช่ว่าเธอกำลังพูดคุยกับเจ้าของร้านหนังสือผู้นั้นเกี่ยวกับเรื่องที่เธอสงสัยอยู่ในใจหรอกใช่ไหม

บาทีสต์ก็หาคำตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเดินเข้ามาในร้านหนังสือ..และเมื่อฟริเซียเห็นหน้าเขา รอยยิ้มที่ระบายอยู่บนใบหน้างามนั้นก็พลันหุบลง

“นะ..นายท่าน แหมบังเอิญจังเลยนะคะ”

มีมี่ที่เห็นบรรยากาศของนายท่านและนายหญิงของเธอไม่ดีเท่าไหร่นัก นางก็เลยพยายามพูดคุยยิ้มแย้มเพื่อให้บรรยากาศตึงเครียดนั้นเบาบางลง

“สวัสดีครับท่านผู้นำเผ่าออร์ค..”

บาทีสต์เบนสายตาไปมองหน้าของเจ้าของร้านหนังสือด้วยแววตาเย็นชา

“อืม..พอดีว่าข้าผ่านมาแล้วเห็นเจ้าอยู่ในร้านก็เลยมาทักทายน่ะ”

ฟริเซียเบือนหน้าหนีท่านบาทีสต์ในทันทีด้วยความโกรธ เขาทอดทิ้งเธอเอาไว้ที่คฤหาสน์ตั้งสองสัปดาห์โดยไม่โผล่หน้ามาให้เห็น เธออยากเจอเขาแทบตายเพราะมีเรื่องราวมากมายที่อยากถาม แต่เขากลับไม่คิดจะกลับมา ทว่าเมื่อเธอออกมาจากคฤหาสน์ เรากลับได้พบเจอกันงั้นเรอะ!!

แล้วเธอควรคิดอย่างไรดี ในเมื่อที่นั่นคือบ้านของเรา..แต่เธอกลับไม่ได้พบเขาที่บ้านแต่ดันมาเจอเขาที่อื่น..

“ค่ะ..”

เธอพูดน้อยแถมน้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็ยังเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

หรือว่า..เธอกำลังโกรธเขากันนะ มันก็ไม่ผิดหรอกที่เธอจะโกรธน่ะ ก็เขาเล่นหลบหน้าเธอไปตั้งนานขนาดนั้น

เมื่อได้ลองทบทวนดูดีๆ บาทีสต์ก็พบว่าในสมการนี้เขาผิดเต็มๆอย่างไม่มีข้ออ้าง

“ข้าขอตัวก่อนนะคะ พอดียังมีสถานที่อีกมากมายที่ข้าอยากไปดูชม”

มีมี่ส่งสายตาไปให้นายท่านของเธอ พร้อมกับพูดแบบไม่ออกเสียงว่า

“ตามไปง้อเลยค่ะนายท่าน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel