10.ข้อแลกเปลี่ยน
ในคราแรกเมื่ออามม์เห็นท่าทีเย็นชาของเลดี้ฟริเซีย บอกตามตรงเขาคิดว่าความสัมพันธ์สามีภรรยาของเธอกับหัวหน้าเผ่าคงจะดีมากกว่านี้ซะอีก แต่ดูจากที่ทั้งสองมีท่าทีอึดอัดเมื่ออยู่ต่อหน้ากันและกัน เขาคิดว่า..บางทีเขาอาจจะยังมีโอกาสก็เป็นได้
“เช่นนั้นให้ข้าพาเจ้าไปน่าจะดีมากกว่า อย่างน้อยเจ้าก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของผู้นำเผ่าออร์ค ข้าจะพาเจ้าไปแนะนำกับบุคคลสำคัญของเผ่าเราด้วย”
มีมี่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่อย่างน้อยนายท่านก็เข้าใจในความหมายของเธอ..
“ดีเลยค่ะ นายหญิงไปกับนายท่านนะคะ ข้าจะนำหนังสือพวกนี้ไปเก็บที่คฤหาสน์พร้อมกับทำมื้อเย็นรอท่านทั้งสอง..วันนี้นายท่านเองก็จะกลับไปทานมื้อเย็นที่คฤหาสน์ใช่ไหมคะ”
มีมี่ส่งสายตาพิฆาตไปให้นายท่าน..แล้วมีหรือที่บาทีสต์จะปฏิเสธน่ะ
“อะ..อื้ม ข้าเองก็ตั้งใจว่าจะไปทานมื้อเย็นที่คฤหาสน์อยู่แล้ว เจ้ากลับไปก่อนเถอะมีมี่”
“....”
ฟริเซียช้อนสายตามองหน้าของท่านบาทีสต์ เขาคิดว่าเธอมองไม่ออกรึไงว่าเขาจงใจมาที่นี่ แน่ล่ะเขาคงจะนัดหมายกับมีมี่หรือไม่มีมี่ก็น่าจะบอกกล่าวกับเขาว่าวันนี้เธอจะออกมาเที่ยวเล่นในเมืองน่ะ..แต่ว่าการมองเห็นเขาพยายามจะง้อเธอเช่นนี้มันก็..ให้ความรู้สึกจั๊กจี้ในหัวใจเหมือนกันแฮะ
เธอยิ่งเป็นพวกงอนไม่เก่งอีกต่างหาก.. ฟริเซียมั่นใจว่าตัวเองจะต้องใจอ่อนแน่ๆ หากว่าเขา..อ่อนโยนกับเธอมากกว่านี้น่ะ
“เช่นนั้นเราไปกันเถอะฟริเซีย”
วันนี้ไม่ได้เรียกเธอว่าเลดี้แล้วแฮะ แต่เรียกชื่อของเธออย่างนั้นหรือ?
“..ค่ะ ไปกันเถอะค่ะที่รัก”
เพราะอย่างนั้นแกล้งเขาอีกหน่อยน่าจะดี และเมื่อเธอเรียกเขาว่าที่รัก ใบหน้าของท่านบาทีสต์ก็แดงระเรื่อขึ้นมา
“ข้าจะพาเจ้าไปดูไร่มันฝรั่งที่ใหญ่ที่สุดของเรา..”
ในป่าเขาเช่นนี้ไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวเหมือนกับในเมืองหลวงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นฟริเซียจึงพยายามมองว่า การที่เขาพาเธอไปเที่ยวที่สวนมันฝรั่งนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกมั้ง
“ข้าได้ยินมาจากมีมี่ว่าเจ้าชื่นชอบการทำสวนมาก..ข้าเป็นคนที่แสดงออกมาไม่เก่งเท่าไหร่นัก ข้ารู้สึกผิดมากๆที่หลบหน้าเจ้าและหายไปโดยทิ้งเจ้าที่มาจากต่างเมืองเอาไว้ที่คฤหาสน์ตามลำพัง..แต่ข้าอยากให้เจ้ารู้เอาไว้ว่าชีวิตนี้ของข้านั้นห่างไกลจากความรักเป็นอย่างมาก ข้าไม่เคยมีคนรักหรือว่าภรรยา เพราะอย่างนั้นทุกสิ่งที่เจ้ากระทำกับข้ามันคือเรื่องแปลกใหม่และข้าอยากขอเวลาสักหน่อยที่จะทำความเข้าใจและคุ้นเคยกับเรื่องพวกนั้น”
ฟริเซียจ้องมองใบหน้าด้านข้างของท่านบาทีสต์อย่างไม่อยากเชื่อสายตา การที่เขาบอกกล่าวออกมาตรงๆ เช่นนี้มันดีไม่น้อยเลย เพราะมันทำให้เธอเข้าใจเขาได้อย่างถ่องแท้ ในบางทีเมื่อลองมองย้อนกลับไป การกระทำที่..ตรงไปตรงมาราวกับขวานผ่าซากของเธออาจจะทำให้เขาอึดอัดได้ เธอเองก็มีส่วนที่ผิดอยู่บ้าง..เพราะรีบร้อน เอาแต่ใจจนลืมนึกถึงความคิดของอีกฝ่ายไป ว่า เขาเองก็คงประหม่ามากทีเดียวที่ต้องมาอยู่ในห้องตามลำพังกับสตรีแปลกหน้าอย่างเธอ
“..เช่นนั้นหลังจากนี้ไป เรามาค่อยเป็นค่อยไปกันดีไหมคะ”
ความหวานละมุนกำลังโอบล้อมเขาและเธอเอาไว้ หัวใจที่เยือกเย็นของบาทีสต์กำลังค่อยๆ หลอมละลายอย่างช้าๆ
“ครับ ค่อยเป็นค่อยไปและบอกกล่าวเรื่องที่ชอบ..ไม่ชอบให้อีกฝ่ายฟังด้วย”
เขากระชับฝ่ามือที่กำลังจับมือของเธอเอาไว้แน่นมากขึ้นกว่าเดิมจนหัวใจของฟริเซีย มันเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกจากอก
“เราทั้งคู่มาเป็นเพื่อนกันเถอะครับ!”
“....”
เห..ทำไมความสัมพันธ์ของสามีภรรยามันถึงได้กลายเป็นเพื่อนไปได้ล่ะโว้ย!!
“ข้าไม่อยากเป็นเพื่อนกับสามีตัวเองเลยค่ะ”
เธอตอบอย่างตรงมาตรงไป และแสดงเจตจำนงอย่างแน่วแน่ว่าเธอไม่คิดเป็นเพื่อนกับเขาแน่นอน
“ก็เมื่อครู่เจ้ากล่าวออกมาว่าจะค่อยเป็นค่อยไปในความสัมพันธ์ของเรา เพราะอย่างนั้น ข้าจึงอยากจะให้มันเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนกันก่อน”
ค่อยเป็นค่อยไปของเรามันไม่เท่ากันนะสิ
“ที่รัก..เราแต่งงานกันแล้วนะคะ จะอย่างไรข้าก็ไม่มีความคิดที่จะหย่ากับท่านเลยแม้แต่นิดเดียว ข้าคิดว่าท่านคือสามีของข้าตั้งแต่ที่เราเข้าหอกันแล้ว”
บาทีสต์พูดไม่ออกเลยจริงๆ ..เขาอยากจะหาทางยื้อไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่พี่ชายของเธอมารับเธอกลับไป แต่ดูเหมือนฟริเซียจะไม่ได้คิดเหมือนกับพี่ชายของเธอ..เขาไม่แน่ใจว่าเธออยากอยู่ที่นี่เพราะสงสารเขาหรือเพราะอะไรกันแน่
แต่เขาไม่อาจ..เป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตที่แสนสมบูรณ์แบบของเธอหรอกนะ
“ตรงนี้คือแปลงมันฝรั่งและพืชผักมากมายที่ชาวออร์คของเราปลูกเอาไว้เพื่อส่งไปขายที่จักรวรรดิครับ..ข้ารู้ว่ามันอาจจะดูธรรมดาแต่เมื่อมองแปลงผักขนาดใหญ่เช่นนี้มันทำให้ข้ารู้สึกดีมากๆ เลยครับ”
บาทีสต์พยายามเปลี่ยนเรื่อง เพราะเขาไม่อยากให้ความหวังกับ ฟริเซียมากจนเกินไป ผูกพันกันมากไป วันหนึ่งที่พี่ของเธอมารับเธอกลับไป ตัวเขาก็มีแต่ต้องเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น
“..ที่นี่มีดินที่อุดมสมบูรณ์มากๆ เลยนะคะ พืชผักที่ส่งไปยังคฤหาสน์ของขุนนางทั้งหลายส่วนใหญ่มาจากเผ่าออร์คทั้งนั้นเลย ผลผลิตนั้นมีคุณภาพดีแถมยังได้ราคาที่สมน้ำสมเนื้ออีกด้วย..ข้าคิดว่าเผ่าออร์คจะร่ำรวยมากกว่านี้จากการขายพืชผักซะอีก”
บาทีสต์ละสายตาจากแปลงผักเบื้องหน้ามามองหน้าของฟริเซีย
“..เรื่องนั้นทางเราไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลยครับ เราขายผักหนึ่งลังเพียงแค่หนึ่งเหรียญเงินเท่านั้น..ราคาเท่ากันทุกอย่างรวมทั้งผลไม้ด้วย”
หัวคิ้วของฟริเซียย่นเข้าหากันในทันที เพราะเท่าที่จำได้คฤหาสน์อีสซาซื้อมันฝรั่งลังละหนึ่งเหรียญทองนี่ และส่วนต่างมหาศาลขนาดนั้นมันมาจากไหนกัน?
“แต่ราคาหนึ่งเหรียญเงินนั้นก็เพียงพอให้พวกเราชาวออร์คมีความเป็นอยู่ที่สบายขึ้นแล้วล่ะครับ”
หนึ่งเหรียญเงินมันน้อยมากขนาดที่ซื้อขนมปังสักชิ้นที่จักรวรรดิยังไม่ได้เลย ดูเหมือนว่าพ่อค้าคนกลางที่มาซื้อของที่นี่จะกดราคาเยอะเกินไปแล้ว
“ครั้งหน้าที่ท่านนำผักไปส่งที่ชายแดน ให้ข้าไปด้วยได้ไหมคะ ข้าคิดว่าหนึ่งเหรียญเงินมันน้อยเกินไปสำหรับความตั้งใจของชาวเมืองที่ปลูกผักเหล่านั้นด้วยความรัก”
เหมือนหยาดฝนที่ชุ่มฉ่ำตกกระทบลงบนหัวใจที่แห้งแล้งของเขา..ดวงตาที่มุ่งมั่นของฟริเซียทำให้บาทีสต์รู้สึกราวกับโลกกำลังหยุดหมุนเลย
“..ครับ ด้วยความยินดี”
ฟริเซียระบายยิ้มหวานที่มุมปาก
“หากข้าสามารถต่อรองราคาให้ท่านได้ ช่วยตอบรับคำขอของข้าสักข้อได้ไหมคะ”
