6.ที่รัก
“...นายท่านคะ อันที่จริงตามธรรมเนียมแล้วนายท่านจะต้องอยู่ทานมื้อเช้ากับนายหญิงก่อนนะคะ”
มีมี่ที่กำลังทำความสะอาดพื้นหน้าห้องเอ่ยทักท้วงขึ้นมา เมื่อเธอมองเห็นนายท่านเดินออกจากห้องตั้งแต่ดวงตะวันยังไม่ขึ้น
“ระ..เรื่องนั้นไม่เป็นไร ข้าไม่ได้ยึดถือในเรื่องธรรมเนียมอะไรมากมายนัก”
มีมี่เผลอเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ แววตาของสาวใช้ร่างท้วมฉายแววฉงนใจ นายท่านผู้เคร่งครัดกับธรรมเนียมปฏิบัติมากกว่าใคร กลับบอกว่าไม่สนใจธรรมเนียมงั้นเรอะ!
“ไม่ทราบว่าข้าต้องเข้าไปเปลี่ยนผ้าปูเตียงในยามใดดีคะ..”
เพราะนายหญิงอาจจะต้องการ..การพักผ่อน แบบว่าเมื่อคืนท่านทั้งสองคงจะมีช่วงเวลาดีๆ กันอะไรแบบนั้น
บาทีสต์รีบหันหน้าหนีในทันทีเมื่อเขาถูกสาวใช้เอ่ยถามด้วยคำถามเช่นนั้น..
“เรื่องนั้น..เอาที่เจ้าเห็นสมควรเถอะ”
เมื่อกล่าวจบเขาก็รีบเดินไปในทันที ทิ้งให้มีมี่ยืนอยู่ด้านหน้าห้องด้วยความสงสัย นายท่านของเธอนั้นแปลกไปมากจริงๆ ทั้งที่เรื่องเช่นนี้มันก็คือเรื่องธรรมชาติ ไม่เห็นจะต้องอายเลยนี่นา..
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เห็นหน้าของนายท่าน แต่ใบหูด้านหลังที่ขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่านายท่านกำลังเขินอายอย่างแน่นอน!
มีมี่ยกมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะด้วยความชอบอกชอบใจ นายท่านของเธอนั้นเป็นพวกบ้างานแบบสุดๆ ด้วยเหตุนั้นไม่ว่าจะมีสตรีเผ่าออร์คที่งดงามมากแค่ไหนมาจีบท่าน นายท่านของเธอก็ไม่เคยสนใจสตรีผู้ใดเลย
แต่กับนายหญิงคนใหม่..สตรีที่งดงามมากเสียจนผู้พบเห็นต้องอ้าปากค้าง เมื่อได้สตรีที่เจิดจรัสเช่นนั้นมาเป็นภรรยา นายท่านที่ต่อให้ใจแข็งเป็นหินผาก็คงไม่มีทางต้านทานเสน่ห์ของนายหญิงได้อย่างแน่นอน
เห็นทีว่าเธอควรจะต้องเตรียมห้องเอาไว้ให้กับนายน้อยแล้วสินะ ต้องทำความสะอาดให้มากขึ้น เผื่อว่านายหญิงคลอดทายาทของนายท่านออกมา บ้านหลังนี้จะได้พร้อมสำหรับการเลี้ยงเด็ก
“..ชะ..ช่วยด้วย”
มีมี่หรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเธอได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากด้านใน..ก็ไม่ได้อยากคิดลามกแต่คงไม่ใช่ว่านายท่านรุนแรงเสียจนนายหญิงบาดเจ็บหรอกใช่ไหม เธอลืมไปได้อย่างไรกันว่านายหญิงคือชาวจักรวรรดิที่เป็นมนุษย์น่ะ นายหญิงจะรับความป่าเถื่อนของชาวออร์คได้อย่างไรกัน
“นายหญิงคะ..นั่นท่านไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม? ...”
ภาพเบื้องหน้าที่เห็นมันทำให้ดวงตาของมีมี่เบิกกว้างออกมาด้วยความตกใจ เธอไม่แน่ใจว่าเธอกำลังตาฝาดอยู่รึเปล่า เพราะอย่างนั้นมีมี่จึงยกมือขึ้นมาขยี้ตาอีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่าตนเองมิได้มองผิด
นายหญิงของเธอ..นายหญิงผู้งดงามกำลังถูกผ้าปูเตียงมัดห้อยต่องแต่งอยู่ในอากาศ และทันทีที่มีมี่ตั้งสติได้เธอก็รีบยกเก้าอี้เพื่อปีนขึ้นไปแก้มัดจากด้านบน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันคะ..ข้าสาบานได้เลยว่าในชีวิตข้าไม่เคยพบเจอผู้ใดที่เข้าหอได้พิสดารได้เท่ากับนายท่านและนายหญิงอีกแล้ว”
เรื่องความพิสดารนั้นฟริเซียเถียงไม่ออกเลย แต่มันไม่ได้พิสดารในแบบที่มีมี่คิดนะสิ
เมื่อคืนนี้..เมื่อเธอกล่าวออกไปว่าขอดูหน่อย..เขาก็ทำหน้าเหมือนจะไม่เข้าใจ
“ข้าไม่เข้าใจในเรื่องที่เลดี้กำลังกล่าวออกมา เลดี้ต้องการมองดูสิ่งไหนอย่างนั้นหรือ”
มันอาจจะผิดที่เธอกล่าวออกไปไม่ชัดเจน ฟริเซียก็เลยพูดออกมาใหม่เพื่อให้เข้าใจตรงกันทั้งสองฝ่าย
“ในเมื่อเราสองคนคือสามีภรรยา เช่นนั้นข้าก็อยากจะเห็นในสิ่งที่ภรรยาจะสามารถเห็นของสามีได้เพียงผู้เดียว..ข้าสงสัยมานานแล้วว่าออร์คนี่เขียวแค่ผิวรึเปล่าคะ เจ้าสิ่งนั้นของท่านเป็นสีเขียวด้วยไหม?”
เธอเอ่ยถามด้วยใบหน้าจริงจัง ในขณะที่บาทีสต์นิ่งอึ้งไปหลายนาที
คำว่าเจ้าสิ่งนั้นของเธอ มันคือเจ้าสิ่งนั้นของเขาใช่ไหม? เขาตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนจะทวนคำซ้ำด้วยความสงสัย
“เจ้าสิ่งนั้นของข้า...”
ฟริเซียพยักหน้า
“เจ้าสิ่งนั้นของท่านมันใหญ่โตเหมือนกันในนิยายที่ข้าเคยอ่านรึเปล่าคะ แล้ว..สีของมันคือสีเขียวที่เหมือนกับผิวของท่านรึเปล่า แน่นอนว่าเราแต่งงานกับเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี ข้าเข้าใจนะคะว่าท่านก็คงไม่ได้ยินดีร่วมหอกับข้า เพราะอย่างนั้นข้าจะไม่บังคับให้ท่านทำในสิ่งที่ท่านไม่ต้องการ แค่วันนี้ท่านช่วยไขข้อสงสัยให้ข้าหน่อยได้ไหมคะ..”
เธอกล่าวถ้อยคำเหล่านั้นออกมาพร้อมกับส่งยิ้มกว้างที่อวดฟันขาวเรียงกัน ราวกับว่ามันคือคำถามทั่วๆ ไปที่เอ่ยถามออกมาได้อย่างไม่ต้องเขินอาย
ซึ่งผิดกับบาทิสต์ที่เป็นผู้ฟัง ควันร้อนๆ แทบพวยพุ่งขึ้นมาบนศีรษะ ความน่าอายขวยเขินแพร่กระจายไปจนถึงปลายเท้า
แถมสถานการณ์ในตอนนี้ยังอันตราย มากๆ อีกด้วย ไม่สิอันที่จริงมันอันตรายมาตั้งแต่ต้นแล้วต่างหาก สตรีผู้งดงามราวกับรูปปั้นกำลังยืนเปลือยต่อหน้าเขา แสงสีเงินของดวงจันทร์ส่องแสงมาฉาบบนร่างกายนั้นเอาไว้ ทำให้เธอยิ่งเด่นชัดในสายตาของเขา..
ขนาดเป็นทวยเทพยังไม่อาจละซึ่งกิเลสได้เลย เมื่อพบเจอเลดี้ฟริเซียที่กำลังเปลือยเปล่าเช่นนี้ แล้วเขาจะเอาอะไรไประงับราคะที่กำลังแผดเผาในใจได้เล่า
ฟริเซียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อเธอเห็นบางอย่างที่กำลังดุนดันผ้าสีน้ำตาลจนเห็นเป็นท่อนลำอย่างชัดเจน
เธอยกมือขึ้นมาปิดปากพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ จากการคาดการณ์ฟริเซียคิดว่าขนาดของเจ้าสิ่งนั้นอาจจะใหญ่มากกว่าข้อมือของเธอซะอีก
เธอมองส่วนนั้นสลับกับใบหน้าของเขาที่กำลังขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ..หรือว่านี่คือการเปิดโอกาสให้เธอเดินเข้าไปเปิดกระโปรงของเขาขึ้นมาเพื่อดูชมให้หนำใจกันนะ
...ว่าแต่หากเธอเดินเข้าไปหาเขาจริงๆ เธอคงไม่ได้ถูกโยนออกไปทางหน้าต่างหรอกใช่ไหม..
แต่โอกาสมีมาไม่บ่อยนะโว้ย! อีกทั้งเขายังไม่ได้กล่าวปฏิเสธเธออีกต่างหาก
ไม่ห้ามเท่ากับทำได้!
ฟริเซียก้าวเท้าอย่างมั่นคงเพื่อเดินเข้าไปหาท่านบาทีสต์
“วันนี้ดวงจันทร์สวยจังเลยนะคะ..”
บาทีสต์ละสายตาจากใบหน้าของฟริเซียเพื่อหันไปมองดวงจันทร์ที่เธอกล่าวว่าสวย..ดวงจันทร์ดวงนั้นถึงจะงดงามมากแค่ไหน แต่ทว่าก็ไม่มีทางงดงามมากกว่าสตรีที่อยู่เบื้องหน้าของเขาหรอก
และเมื่อบาทีสต์หันหน้าไปมองดวงจันทร์ ฟริเซียก็เดินเข้าไปหาเขาในทันทีพร้อมกับ...
“พรึ่บ!!”
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเสียจนเธอยังไม่ทันได้มองสิ่งที่อยากเห็นให้เต็มตา เขาก็รวบข้อมือของเธอเอาไว้พร้อมกับมัดเธอห้อยอยู่กับเพดานเช่นนี้..
“..อันที่จริงข้ายังไม่ทันเห็นด้วยซ้ำ”
สาบานได้เลยว่าบาทีสต์กำลังเขินอายจนพูดไม่ออก นั่นใช่เลดี้ฟริเซียผู้เย่อหยิ่งจริงๆ งั้นเรอะ!
“รสนิยมของข้าก็ชื่นชอบการถูกมัดอยู่นะคะ หากว่าท่านมัดข้าบนเตียงน่ะ..นอนพื้นเช่นนั้นท่านไม่ปวดหลังเหรอคะ นี่ยังไม่สายนะหากว่าท่านจะลุกขึ้นมาแก้มัดให้ข้าแล้วพาข้าไปนอนบนเตียงด้วยกันน่ะ..ที่รักนั่นท่านฟังอยู่รึเปล่า~~..”
