บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3

ตอนที่ 3

วิรงรองมองช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ที่ผู้ชายหน้าโหดนำมาให้ด้วยความแปลกใจอย่างที่สุด เขายิ้มให้พร้อมทั้งแนะนำตัวว่าชื่อโรบินเป็นลูกน้องของคนที่เธอช่วยเหลือไว้เมื่อวันก่อน

“ลูกพี่ผมอยากขอบใจที่คุณช่วยไว้ครับ แต่ไม่สะดวกมาเองเพราะ ร่างกายยังไม่ค่อยปกตินัก”

“ความจริงไม่ต้องส่งอะไรมาให้หรอกค่ะ ฉันเกรงใจ” วิรงรองเอ่ยเสียงเรียบ โรบินมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างแปลกใจ เพราะท่าทางของเธอไม่ได้สนใจหรือชื่นชมกับช่อดอกไม้ตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ

“แต่ลูกพี่ผมอยากให้คุณ เพื่อเป็นการตอบแทนที่คุณช่วยเขาไว้ครับ” โรบินยังคงยืนยันคำเดิม

“ดิฉันไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนในการช่วยเลยนะคะ อย่างที่บอก คงไม่มีใครนิ่งดูดายหรอกถ้าเห็นคนถูกทำร้ายแบบนั้น ไม่ว่าใครก็ต้องหาทางช่วยไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง และถ้าจะขอบคุณจริงๆ แค่พูดหรือเขียนการ์ดมาให้ก็พอแล้วค่ะ ไม่ต้องส่งอะไรมาหรอก สิ่งของมันไม่สำคัญ” วิรงรองรู้สึกหมั่นไส้ผู้ชายที่ช่วยไว้เหลือเกิน เขาเป็นคนที่ไร้มารยาทพอสมควรเลย

“ผมก็คิดแบบเดียวกับคุณ แต่ลูกพี่ผมต้องการแบบนี้ครับ”

“ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ”

“ช่วยอะไรครับ” คนตัวใหญ่ถามอย่างแปลกใจ

“บางทีดอกไม้ช่อนี้มันควรจะอยู่ในที่อื่น ที่ดีกว่าอยู่กับฉัน”

“หมายความว่าคุณจะเอาดอกไม้สวยๆ นี่ไปให้คนอื่น” โรบินย้อนถาม

“เปล่าค่ะ แค่จะเอามันไปในที่ที่น่าจะเป็นประโยชน์กว่า” หญิงสาวยิ้ม

โรบินแปลกใจ เมื่อวิรงรองนำช่อดอกไม้ไปจัดใส่แจกันและนำมันไปไว้ที่โบสถ์เล็กๆ แห่งหนึ่งแทนที่จะชื่นชมมันเหมือนผู้หญิงทั่วไป

“ฉันชอบดอกไม้นะคะ แต่คิดว่าดอกไม้ควรจะอยู่ในที่ที่ควรอยู่มากกว่า และจะดีมากถ้ามันอยู่ที่ต้นของมัน ฝากขอบคุณเจ้านายของคุณด้วย และได้โปรดบอกว่าฉันซาบซึ้งมากกับของขวัญที่เขามอบให้ แต่ถ้าอยากจะขอบคุณจากใจจริงแล้วละก็ แค่เขียนการ์ดว่าขอบคุณเท่านั้นก็เพียงพอแล้วค่ะ สิ่งของไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกที่จริงใจ” วิรงรองพูดอย่างตรงไปตรงมา

โรบินยิ้ม ถึงแม้ท่าทางภายนอกของวิรงรองจะดูเชยไม่เหมือนสาวสมัยใหม่ แต่คำพูดนั้นคมคายชนิดที่เรียกว่าหาตัวจับยากเลยทีเดียว

“ให้ตายสิ! ผมชอบคุณนะ” โรบินยิ้ม

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้เขาเช่นเดียวกัน

ธันว์นิ่งเมื่อได้ยินสิ่งที่โรบินรายงาน ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมรับน้ำใจจากเขา แถมเอาสิ่งที่ให้ไปบริจาคเสียด้วย ยิ่งได้ยินสิ่งที่ฝากโรบินมาบอกยิ่งขัดใจ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนพูดแบบนี้กับเขามาก่อน และไม่เคยมีใครปฏิเสธของที่ให้อีกเช่นกัน

“อวดดี!” ชายหนุ่มพูดด้วยความไม่พอใจ

“เธอพูดถูกนะครับ ผมว่าลูกพี่ไปขอบคุณด้วยตัวเองจะดีกว่า หรือถ้าไม่อยากไปก็เขียนการ์ดให้ก็ได้ เธอคงไม่คิดมากหรอก”

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวไปดักรอเลย อยากรู้นักว่าหนูน้อยแม่ชีคนนั้นจะพูดกับฉันต่อหน้า เหมือนที่พูดกับนายไหม”

วิรงรองมองคนที่มายืนดักรอด้วยสีหน้าเรียบเฉยและไม่ได้พูดอะไร ในขณะที่ธันว์มองหญิงสาวที่ยืนตรงหน้าซึ่งแต่งกายมิดชิดราวกับแม่ชีด้วยสายตานิ่งเฉยเช่นกัน

“คุณคงจำผมได้” เขาพูดขึ้นมาก่อนเป็นภาษาไทยด้วยท่าทางที่ดูหยิ่งพอสมควร เพราะวิรงรองไม่มีทีท่าว่าจะพูดกับตนสักคำ

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำสั้นๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“คุณไม่ยอมรับดอกไม้ที่ผมส่งไปให้”

“ค่ะ”

“ทำไมทำแบบนั้น มันเสียมารยาทนะ”

“มันจะมีประโยชน์มากกว่าถ้าได้อยู่ที่นั่นค่ะ” วิรงรองยังคงหน้านิ่ง

“แต่ผมตั้งใจให้คุณ” เขาเถียง

“ในเมื่อคุณให้ฉันแล้ว มันก็เป็นสิทธิ์ของฉันนี่คะ ฉันสามารถจะทำอะไรกับของสิ่งนั้นก็ได้”

“คุณทำลายน้ำใจผม ผมแค่ต้องการจะขอบใจที่คุณช่วย”

“ดิฉันไม่เคยบอกว่าต้องการอะไรเลยในตอนที่ช่วยเหลือคุณ ดิฉันทำในสิ่งที่ถูกต้องก็เท่านั้น” วิรงรองบอกอย่างสุภาพ

“ในโลกนี้ยังมีอีกหรือคนที่ช่วยคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน สำหรับผมทุกอย่างล้วนต้องแลกมาด้วยของตอบแทนเสมอ” ธันว์เชิดหน้าเล็กน้อย

“ฉันไม่ทราบหรอกนะคะว่าคุณผ่านอะไรมา แต่ฉันอยากบอกว่า มีคนที่ทำอะไรเพื่อคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนอีกมาก” วิรงรองเอ่ยต่ออีกว่า

“และถ้าคุณไม่สบายใจที่จะเอ่ยคำว่า ‘ขอบคุณ’ ออกมา ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ เพราะฉันไม่ได้คิดว่าจะได้ยินคำนั้นอยู่แล้ว”หญิงสาวพูดเพียงแค่นั้นแล้วเดินหนีไป แต่ธันว์กลับเดินตามมาขวางพร้อมเอ่ยว่า

“ขอบใจที่ช่วยผมไว้” เขาเอ่ยเสียงเรียบ

“ด้วยความยินดีค่ะ” วิรงรองเอ่ยสั้นๆ แล้วเดินผละออกไปอย่างไม่สนใจเขาอีก

ธันว์ได้แต่มองตามด้วยความขัดใจ เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะแพ้ผู้หญิงที่เพิ่งจะเดินผ่านไปแบบนี้เลยสักครั้ง

“นี่คุณ ผมมาขอบคุณด้วยตัวเองแล้ว ใจคอคุณจะไม่สนใจผมเลยหรือไง” ชายหนุ่มเดินตามไปอย่างไม่ยอมแพ้

“ฉันต้องทำอะไรคะ ในเมื่อคำนี้ฉันควรได้รับอยู่แล้ว” วิรงรองย้อนถามเสียงใส

“ก็คงจะจริงของคุณ รู้ไหม ผมดีใจนะที่รู้ว่าคนที่ช่วยผมเป็นคนไทย” เขาชวนคุยต่อ ไม่รู้ทำไมถึงอยากจะตื๊อแม่สาวฃนางชีคนนี้นัก

“ทำไมคะ”

“ก็ที่นี่มันปารีส ฝรั่งเศสไม่ใช่เมืองไทย คนไทยมีก็จริงแต่ก็เจอไม่บ่อย พอมาเจอคุณก็ต้องถือว่าโชคดี”

“อย่างนั้นหรอกหรือคะ” วิรงรองแปลกใจเล็กน้อย

“ใช่ แล้วคุณไม่ตื่นเต้นที่ได้เจอคนไทยที่นี่เหรอ” เขาถามต่อ

“ก็ดีค่ะ” หญิงสาวตอบกลับเสียงเรียบเช่นเดิม

“นี่คุณจะไปไหนต่อ” ธันว์เอ่ยถามเมื่อเห็นวิรงรองเดินไม่หยุด

“กลับบ้าน”

“เดินกลับเหรอ”

“ใช่ค่ะ เดิน”

“คุณเป็นผู้หญิงเดินตอนกลางคืนแบบนี้คนเดียวมันน่ากลัวนะ” เขาพูดด้วยความเป็นห่วง

“ทางที่ฉันเดินมีไฟสว่างและคนก็เดินกันมากมาย ไม่น่ากลัว ทางที่คุณใช้เดินต่างหากที่น่ากลัว ฉันคิดว่าปารีสตอนกลางคืนสวยนะคะ ยิ่งฝนตกมันยิ่งดูมีชีวิตชีวา” หญิงสาวตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คุณเป็นผู้หญิง”

“ผู้หญิงแล้วทำไมคะ ฉันว่าคุณเดินตามฉันมานานพอสมควรแล้ว ควรกลับได้แล้ว” วิรงรองหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าเขา

“ทำไมล่ะ ผมเดินเป็นเพื่อนคุณนะ ขอบใจสักคำก็ไม่มีแถมไล่กลับอีกต่างหาก” ธันว์ต่อว่าเมื่อได้โอกาส

“ถึงที่พักฉันแล้วค่ะ และขอบคุณที่เดินมาส่ง” วิรงรองเอ่ยอย่างสุภาพ

“คุณพักที่นี่เหรอ”

“ค่ะ ขอตัวนะคะ และขอบคุณอีกครั้งที่เดินมาส่ง” หญิงสาวบอกพร้อมทั้งเดินเข้าไปในตึกใหญ่ด้วยท่าทางที่ดูสง่างาม ดวงตาคมมองตามไปเงียบๆ รู้สึกสนใจหนูน้อยแม่ชีคนนี้มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

“เดี๋ยวก่อน ผมเรียกคุณว่าพลับพลึงได้ไหม”

“ทำไมคะ” วิรงรองหยุดหันมามองเขานิ่ง

“ชื่อพลับพลึงมันฟังดูไทยๆ ดี ผมชอบ คุณเองก็เรียกผมว่าธันว์เถอะนะ แล้วอีกอย่าง...ขอเป็นเพื่อนกับคุณได้ไหม”

วิรงรองยิ้มให้เขาเล็กน้อย ขาเรียวยาวก้าวช้าๆ อย่างมั่นคง มาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา

“จะเป็นเพื่อนกันก็ต้องใช้เวลานะคะ แต่เอาเป็นว่าตกลงเพราะที่นี่ฉันรู้จักคนไทยแค่ไม่กี่คนเท่านั้น” วิรงรองเอ่ยสั้นๆ แต่ธันว์ยิ้มออกเมื่อได้ยินคำนี้

วิรงรองร้องตะโกนให้คนช่วยเพราะถูกกระชากกระเป๋า ในวินาทีที่คนร้ายกำลังจะหนีก็มีอัศวินม้าขาวเข้ามาช่วยไว้ทัน คนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงรีบหนีไป

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ธันว์รีบเข้ามาประคอง

“เจ็บนิดหน่อยค่ะแต่ไม่เป็นไร ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวตอบ

“ไม่เป็นไร ถือว่าเราหายกัน” ธันว์สำรวจความเรียบร้อยและส่งกระเป๋าคืนให้

“หายกัน” หญิงสาวทวนคำ

“ใช่ ก็คุณเคยช่วยผมไว้ แล้ววันนี้ผมก็ตอบแทนด้วยการช่วยคุณกลับไง” เขาตอบกวนๆ ส่งยิ้มให้จากใจจริง

“ขอบคุณค่ะ” วิรงรองยิ้มตอบ

“ว่าแต่ไปหาอะไรกินกันไหม”

ธันว์สนใจผู้หญิงคนนี้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้ว ผู้หญิงที่กล้าช่วยคนอื่น ผู้หญิงที่มีดวงตาที่น่าประทับใจ ดังนั้นเมื่อหายป่วยจึงแอบตามดูเธอเงียบๆ และยิ่งตามก็ยิ่งประทับใจ เธออ่อนหวานและใจดีแถมมีน้ำใจกับทุกคน

“ไปหาอะไรกินกันเถอะ” เขาเอ่ยย้ำอีกครั้ง

“คุณหิวหรือคะ”

“ตอนนี้ไม่”

“แล้วชวนฉันทำไมคะ”

“ก็ไหนๆ เราก็รู้จักกันแล้ว ผมเลยอยากรู้จักคุณให้มากขึ้น เราควรจะผูกมิตรกันไว้ไม่ใช่เหรอ” ธันว์ยิ้มเจ้าเล่ห์

“อย่างนั้นหรือคะ” วิรงรองอมยิ้ม

“ใช่ ตกลงเราไปหาอะไรกินกันนะ” ธันว์รอฟังคำตอบใจจดใจจ่อ หญิงสาวสบตาเขาสักพักแล้วพยักหน้าตอบตกลง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel