ตอนที่ 3 (3.1)
1 ปีผ่านมา
ธันว์กับวิรงรองสนิทกันมากขึ้น ชายหนุ่มแวะเวียนมาหาที่มหาวิทยาลัยบ้าง ดักเจอตามทางบ้าง บางทีก็เดินมาส่งที่บ้านเป็นบางครั้ง วิรงรองได้พบว่าภายใต้ท่าทางที่ดูกระด้างนั้นมีความอ่อนโยนแฝงอยู่มาก
ธันว์เป็นผู้ชายที่มีความมุ่งมั่นมีความพยายามสูง อาจจะเป็นเพราะเขาถูกทางบ้านตัดขาดเลยต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ตัวเอง การทำไนต์คลับไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะคนที่มาจากต่างบ้านต่างเมือง
แต่ถึงอย่างนั้นธันว์ก็พยายามอย่างเต็มที่ เขาอาจจะมีเรื่องกับลูกค้าบ้าง แต่ทุกอย่างที่ทำก็เพื่อรักษาผลประโยชน์เท่านั้น วิรงรองได้มีโอกาสไปที่ไนต์คลับบ้าง บางวันไปกินข้าวเย็นกับเขาและเพื่อนร่วมงาน หรือบางทีก็เอาอาหารที่ตัวเองทำไปส่งให้ ธันว์ชอบอาหารไทยมาก เขาจะดีใจเหมือนเด็กได้ของถูกใจทุกครั้งที่ได้รับประทานอาหารไทย
“วันนี้ว่างไหม พลับพลึง” พลับพลึงเป็นชื่อที่เขาเรียกเธอ วิรงรองแปลว่าดอกพลับพลึง ดังนั้นเขาเลยเรียกแบบนี้แทนโดยให้เหตุผลว่าเขาชอบชื่อนี้มากกว่าคำว่าวิรงรอง
“ทำไมคะ”
“ไม่ทำไมหรอก แค่อยากนั่งมองหน้าคุณนานๆ” วิรงรองยิ้มเขินเมื่อฟังจบ
“ทำไมปากหวานคะ”
“ปากหวานกับคุณคนเดียวเท่านั้น”
“นี่ฟังไปฟังมาเหมือนคุณกำลังจีบฉันอยู่เลย”
“ถ้าจีบจะเป็นแฟนผมไหม” ธันว์ยิ้มกว้าง
“ธันว์” วิรงรองอึ้งเล็กน้อยเมื่อถูกถามตรงๆ
“จริงๆ นะ ผมรู้สึกว่าตกหลุมรักคุณแล้ว ให้ตายสิ ผมสนใจคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้วมั้ง” ชายหนุ่มสารภาพ ทำเอาคนฟังเขินจนแทบทำอะไรไม่ถูก
“คุณอย่าล้อเล่นนะคะ เรื่องแบบนี้ล้อเล่นไม่ได้” วิรงรองเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมพูดจริง เป็นแฟนกันได้ไหม เป็นแฟน เป็นเพื่อน เป็นกำลังใจ เป็นแม่ที่คอยดุเวลาผมนิสัยเสียได้หรือเปล่า”
“คุณ” วิรงรองหัวเราะชอบใจ
“พูดจริงนะ ผมชอบคุณจริงๆ ตอนแรกก็ชอบ แต่หลังๆ มาความรู้สึกมันมากกว่าชอบ ผมตกหลุมรักคุณ”
“ฉัน” วิรงรองหน้าแดงเมื่อฟังคำสารภาพของอีกฝ่ายจบ
“ไม่ต้องรีบตอบก็ได้ ผมให้เวลาคุณคิดไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน”
“ค่ะ” วิรงรองโล่งอกเมื่ออีกฝ่ายไม่เร่งรัดจนเกินไป
“แต่เชื่อเถอะ คุณกับผมคิดแบบเดียวกัน”
วิรงรองยิ้ม ใช่ เธอรู้สึกแบบเดียวกันกับเขา ความขี้เล่น การเอาใจใส่ และเอาอกเอาใจ รวมทั้งการดูแลจากเขาทำให้ความรู้สึกที่มีมันมากกว่าเพื่อน
สองปีต่อมา
ความผูกพันที่เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนก่อตัวกลายมาเป็นความรักในที่สุด วิรงรองกลายมาเป็นบุคคลสำคัญในชีวิตของธันว์ เธอมอบกำลังใจ ความสดใส และความอบอุ่นในใจให้เขาได้อย่างประหลาด
หญิงสาวกลายเป็นเพื่อนร่วมคิด ร่วมด้วยช่วยกันทำอะไรหลายๆ อย่าง เธอได้รับรู้เรื่องส่วนตัวของเขาทุกเรื่อง รู้ว่าเขาถูกพ่อตัดขาดเพราะความอวดดี หญิงสาวให้กำลังใจและเชื่อมั่นว่าคนรักของเธอจะทำให้ผู้เป็นพ่อหันกลับมาชื่นชมอีกครั้ง
นอกจากนั้นหญิงสาวยังสนิทสนมกับแมกซิมและนับถือเขาเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่เธอไว้ใจและสามารถเล่าเรื่องราวหลายๆ อย่างให้ฟังได้ แมกซิมเองก็เอ็นดูหญิงสาวมากไม่ต่างกัน แถมวิรงรองได้โรบินลูกน้องของเขาเป็นเพื่อนด้วยอีกคน
วิรงรองมองคนรักที่ตอนนี้กำลังตกแต่งห้องในไนต์คลับอยู่ด้วยความชื่นชม สองปีมานี้เขาทำงานหนักและจริงจังกับงานมาก จนทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางและเป็นไปในทางที่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ
ธันว์ลงมือออกแบบและตกแต่งเองทุกอย่าง ห้องนี้เขาบอกว่าจะทำเป็นบาร์ขนาดเล็กให้กับแขกที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เขาเป็นคนลงมือทำเองทั้งหมด เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนทำให้ชายหนุ่มเริ่มมีเหงื่อออก เสื้อเชิ้ตสีอ่อนที่ใส่เริ่มแนบติดกับแผ่นหลังทำให้เริ่มเห็นมัดกล้ามมากขึ้น วิรงรองผิวปากเบาๆ เป็นการแซว
“อะไรกัน” ธันว์ถามเมื่อได้ยินคนรักผิวปาก
“คุณเซ็กซี่มาก” วิรงรองพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“เหงื่อคุณออกมากเลยคงจะร้อนมาก เอาอย่างนี้ไหม ฉันจะช่วยคุณเอง” หญิงสาวเสนอตัว ชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“นี่มันงานของผม คุณไปนั่งตรงด้านนั้นแล้วนั่งดูเฉยๆ ส่งกำลังใจให้เงียบๆ จะดีกว่า”
“แต่ฉันอยากช่วย” วิรงรองย้อน
“แค่คุณนั่งให้กำลังใจก็ช่วยได้มากแล้ว แถมวันนี้คุณเพิ่งกลับจากเรียน แล้วอีกสองชั่วโมงคุณต้องไปทำงานพิเศษที่ร้านขนม ถ้าช่วยผมคุณจะตัวเลอะ” เขารู้ตารางชีวิตของหญิงสาวดี วิรงรองเป็นลูกคนมีเงินก็จริง แต่เธอก็หางานพิเศษทำด้วยเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเบียดเบียนทางบ้าน
“คุณทำเองทุกอย่างแบบนี้ตลอดเลย”
“เพราะว่าผมเป็นเจ้าของที่นี่ ดังนั้นอะไรก็ตามที่ผมทำได้ด้วยตัวเองผมต้องทำครับที่รัก” เขาตอบพร้อมทั้งทาสีไปด้วย
“แหม ทำงานหนักแบบนี้เพื่ออะไรคะ” วิรงรองถามต่อ
“ก็อย่างที่คุณรู้ อย่างแรกผมต้องลบคำสบประมาทของคุณพ่อให้ได้ อย่างที่สอง เพื่อที่ผมจะได้มีเงินพอซื้อบ้านเล็กๆ สักหลัง”
“ซื้อบ้าน”
“ใช่ ทายสิว่าใครจะอยู่ในบ้านหลังนั้นกับผม” ธันว์ถามต่อ
“ก็ต้องเป็นฉันอยู่แล้วค่ะ” วิรงรองตอบอย่างมั่นใจ ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อได้ยินคำตอบ
“ผมคงต้องทำงานหนักมากกว่าเดิม การเลี้ยงดูคุณน่าจะต้องใช้เงินมากเอาการ” ธันว์เริ่มล้อ
“ไม่มากหรอกค่ะ เงินไม่ใช่เรื่องใหญ่นะ ฉันเลี้ยงไม่ยาก กินไม่มาก เสื้อผ้าก็ไม่ค่อยได้ซื้อ”
“จริงสินะ แต่การจะเลี้ยงดูคุณไปตลอดชีวิต ผมต้องมั่นใจว่าผมมีเงินมากพอครับว่าที่ภรรยาที่รัก ผมไม่คิดที่จะอยู่ฝรั่งเศสไปตลอดชีวิตคุณก็รู้ สักวันผมก็จะกลับเมืองไทย กลับไปอยู่ที่บ้านเกิดของเรา แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นผมต้องทำงานให้หนักเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่แบบไม่ลำบาก ผมไม่อยากให้คนรักของผมเหนื่อย ผมอยากให้เธอมีความสุขที่สุด”
คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมาอย่างชัดเจน วิรงรองรู้สึกว่าตอนนี้กำลังดื่มน้ำผึ้งหวานๆ อยู่ก็ไม่ปาน ธันว์ยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นท่าทางของคนรัก ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ ๆ ดึงเธอให้ยืนขึ้นพร้อมทั้งลูบไล้ไปยังผิวนวลตรงแขนเบาๆ
วิรงรองมองสบตาคมนิ่ง ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มือบางล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตัวเองช้าๆ
“อยู่นิ่งๆ นะคะ” วิรงรองค่อยๆ ใช้ผ้าเช็ดหน้าบรรจงซับเหงื่อที่ติดบนใบหน้าของคนรักอย่างอ่อนโยน ชายหนุ่มแย่งผ้าเช็ดหน้าของเธอมาถือไว้พร้อมทั้งส่งยิ้มกวนๆ ให้
“ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้หอมจัง”
เขาวางผ้าเช็ดหน้าไว้บนริมฝีปากของวิรงรองเบาๆ ก่อนที่จะก้มลงไปจุมพิตริมฝีปากบางผ่านผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นอย่างอ่อนโยน อีกหลายนาทีกว่าจะยอมถอนริมฝีปากของตัวเองออกมา
วิรงรองก้มหน้าไม่ยอมมองสบตาเพราะความเขิน ธันว์ใช้มือของตัวเองเชยคางมนของเธอขึ้นมาช้าๆ พร้อมทั้งส่งยิ้มหวานให้กับวิรงรอง
“เมื่อถึงวันนั้นคุณจะรอผมกลับมาที่บ้านหลังเล็กๆ ของเราทุกวันใช่ไหม”
“ค่ะ” วิรงรองตอบพร้อมทั้งเอนศีรษะไปซบกับอกกว้างของคนรัก
“คุณจะถูหลังให้ผมเวลาอาบน้ำด้วยใช่ไหม พลับพลึง”
“ค่ะ ฉันจะทำซุปร้อนๆ ให้คุณกิน ทำอาหารไทยและอาหารที่คุณชอบรอไว้ จากนั้นก็จะเล่าเรื่องที่ฉันเพิ่งเถียงกับคนขายผลไม้เพราะจับได้ว่าเขาโกงตาชั่ง” วิรงรองจินตนาการถึงอนาคตพร้อมรอยยิ้ม
“เจ้าของร้านคนนั้นจะต้องโดนจัดการ ผมจะไม่ให้ใครมาหลอกภรรยาของผมอย่างแน่นอน” ธันว์พูดติดตลก
“จากนั้นเราก็จะเข้านอนด้วยกัน ผมจะนอนกอดคุณไว้ในอ้อมแขนตลอดทั้งคืน”
“ฉันจะอ่านหนังสือให้ฟัง เพราะว่าเหนื่อยมาทั้งวัน” วิรงรองพูดต่อ
“ผมไม่หลับต่อให้ทำงานเหนื่อยมากแค่ไหน ผมก็มีแรงพอที่จะทำรักกับคุณ” หนุ่มลูกผสมพูดออกมาอย่างมั่นใจ
วิรงรองตีแขนคนรักด้วยความขัดเขิน ทำให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมาพร้อมทั้งกอดเธอแน่นขึ้น
“ผมจะจูบคุณไปทั้งตัว ตั้งแต่เท้าขึ้นมาถึงศีรษะ และจะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะได้ยินเสียงครวญครางของคุณ ผมจะพาคุณไปสู่สรวงสวรรค์ของเรา”
“พูดบ้าๆ น่า”
“ความจริงอยากทำเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่ทำไม่ได้ เราตกลงกันไว้ว่าเราจะรอให้ถึงวันแต่งงาน วันนั้นผมจะเป็นของคุณทั้งตัวและหัวใจ รู้ไหมสิ่งที่คุณขอให้เราไม่มีอะไรกันเกินเลยนอกไปจากกอดและจูบ มันทำให้ผมพยายามที่จะสร้างตัวให้เร็วมากขึ้น เพราะนอกจากหัวใจแล้ว ผมยังอยากให้คุณเป็นเจ้าของตัวผมด้วย” วิรงรองยิ้มกอดเอวเขาเขย่งตัวเพื่อที่จะหอมแก้มของคนรัก
“สัญญาอะไรกับฉันได้ไหมคะ”
“อะไรหรือครับ”
“ถ้าเกิดเราไม่ได้แต่งงานกัน สัญญาได้ไหมว่าจะรักฉันมากกว่าผู้หญิงคนนั้น”
“คุณกำลังเห็นแก่ตัวนะที่ถามผมแบบนี้ คุณกำลังจะฆ่าผม ถ้าผมไม่ได้แต่งงานกับคุณ ผมก็จะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น” ธันว์พูดออกมาอย่างมั่นคง แววตาของเขาอ่อนโยนเมื่อมองมาที่เธอ
“จูบฉันอีกทีได้ไหมคะ จูบโดยที่ไม่ต้องผ่านผ้าเช็ดหน้า”
ธันว์สบตาคู่หวานโดยไม่พูดอะไรทำตามคำขออย่างไม่เกี่ยงงอน วิรงรองรับจูบของคนรักด้วยความเต็มใจ ช่างเป็นจูบที่แสนหวาน อ่อนโยน และเรียกร้องกันและกันไปในตัว
วิรงรองใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบคอของคนรักไว้ พยายามจูบตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มกอดรัดแน่นขึ้นค่อยๆ คลายอ้อมกอดเปลี่ยนมาเป็นลูบไล้ต้นขาของเธอแทน ถึงแม้จะมีเสื้อผ้ากั้นแต่สัมผัสของเขาก็สามารถสร้างความหวั่นไหวให้กับหญิงสาวได้เป็นอย่างมาก
ธันว์ค่อยๆ ถอนริมฝีปากของตัวเองออกมาช้าๆ ด้วยความเสียดาย ห้วงแห่งปรารถนาเบื้องลึกกำลังโจมตีอย่างรุนแรง ความไร้เดียงสาของวิรงรองกำลังจะทำให้จิตใต้สำนึกและความรู้สึกผิดชอบในตัวเขาตีกันอย่างหนัก ถ้าเขาจูบเธอนานกว่านี้ทุกอย่างจะต้องจบลงที่เตียงแน่นอน
เพราะรักวิรงรองมากดังนั้นจึงจำเป็นต้องพยายามตัดใจ ถึงรู้ว่าเธอคงยอมหากจะเกิดเรื่องเกินเลยระหว่างกันและกันขึ้น แต่เขาไม่อยากทำแบบนั้น เพราะรักเธอมากดังนั้นจึงต้องให้เกียรติและรักษาเกียรติของเธอไว้
“การอยู่ใกล้คุณทำให้สมาธิในการทำงานของผมลดลง ถ้าจูบคุณนานกว่านี้ผมคงทรมานเพราะความปรารถนา” ธันว์บอกพร้อมทั้งมองคนตัวเล็กที่นั่งหอบหายใจอยู่ข้างๆ วิรงรองเองก็น่าจะถูกอารมณ์เบื้องลึกเล่นงานอย่างหนักเช่นกัน
“คุณเป็นสุภาพบุรุษเหลือเกินค่ะธันว์ และฉันชอบที่คุณเป็นแบบนี้ ขอบคุณนะคะ”
“เด็กน้อย คุณต้องไปเรียนนะ”
“ยังเหลือเวลาอีกเป็นชั่วโมงเลยค่ะ ขออยู่ต่อนะคะ ฉันจะอยู่เงียบๆ ไม่กวนคุณ” หญิงสาวต่อรอง
“คุณร้ายกาจ” ว่าแล้วธันว์ก้มลงจูบเธออีกครั้งอย่างไม่สามารถหักห้ามใจได้
ทุกอย่างเหมือนว่าจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่แล้วก็ต้องสะดุดในเวลาต่อมา เมื่อพ่อของวิรงรองทราบและเข้ามาทำความรู้จักกับธันว์ หลังจากนั้นเพียงสองวัน วิรงรองถูกพาตัวย้ายไปอยู่อีกเมืองทันทีและห้ามกลับมาที่ปารีสอีก ท่านให้เหตุผลว่าคนรักของลูกสาวคือคนที่ไม่มีอนาคต เป็นแค่นักเลงเจ้าของบาร์เล็กๆ คุมพวกกุ๊ยไปวันๆ เท่านั้น
ธันว์พยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้พบเธออีกครั้ง วิรงรองวิ่งตรงมากอเขาทันทีที่ได้เจอกัน หญิงสาวร้องไห้อย่างหนัก พร้อมทั้งละล่ำละลักบอกเรื่องราวที่พ่อขอให้เลิกติดต่อกับเขา
“พ่ออยากให้ฉันเลิกกับคุณค่ะ ท่านขู่ ท่านโกรธมากที่ฉันคบหากับคุณ” วิรงรองบอกกับชายคนรักตามตรง ธันว์กอดเธอแน่นเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“คุณรักผมไหมพลับพลึง” เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน มือหนาลูบผมของเธอไปมาอย่างรักสุดหัวใจ
“รักค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องกลัว ผมรักคุณและผมจะไม่ยอมแพ้ ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน” ธันว์พูดออกมาจากใจจริง
ถึงแม้ว่าวิรงรองถูกพาตัวมาอยู่กับญาติที่ต่างเมือง แต่นั่นไม่ได้ทำให้ธันว์กังวลแต่อย่างใด เพราะเขามาหาเธอทันทีที่มีโอกาสและมีเวลา พร้อมทั้งยืนยันกับเธอว่าต้องการที่จะพบและพูดคุยกับบิดาของเธออย่างจริงจัง
แต่ทว่าวิรงรองขอร้องไว้รู้ดีว่าพ่อเป็นคนอย่างไร ลองท่านบอกว่าไม่หรือห้ามปรามอะไรแล้วไม่มีทางคืนคำเด็ดขาด หญิงสาวทำได้แค่เพียงแอบออกมาพบเขาเท่านั้น แต่ในที่สุดก็ถูกจับได้
“บอกมา แกมีอะไรกับมันหรือยัง” คนเป็นพ่อถามลูกสาวอย่างจริงจัง เมื่อจับได้ว่าลูกสาวยังแอบคบกับคนที่ห้าม แววตาดุดันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน วิรงรองมองบิดาด้วยสายตาเกรงกลัว
“ยังค่ะ” วิรงรองตอบตามความจริง
“ฉันจะให้หมอมาตรวจแก บอกตรงๆ ฉันไม่เชื่อที่แกพูด ผู้ชายที่เสเพลและทำงานกลางคืนแบบนั้นมันไม่มีทางไม่ลวนลามแกแน่นอน” ริมฝีปากบางเม้มแน่นเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ค่ะ ถ้าคุณพ่ออยากจะทำแบบนั้นก็ได้ แต่ถ้าผลออกมาตรงกับที่หนูบอกแล้วละก็...หนูขอสาบานกับพ่อเลยว่าหนูจะเสนอมันให้เขาทันทีและหวังว่าธันว์จะยอมรับมัน” วิรงรองโต้ตอบอย่างท้าทาย แต่แล้วเสียงฉาดก็ดังขึ้นมาเมื่อฝ่ามือหนาของบิดาฟาดลงมาที่แก้มของผู้เป็นลูกสาวอย่างแรง
วิรงรองยกมือมากุมแก้มข้างที่ถูกตบอย่างเจ็บปวด ตั้งแต่เล็กจนโตถึงแม้บิดาจะไม่ใคร่ใส่ใจในการอบรมเลี้ยงดูแต่ก็ไม่เคยทำร้ายร่างกายของเธอรุนแรงแบบนี้
“พอใจหรือยังคะ ต่อให้พ่อตบหนูจนตายหนูก็ยืนยันจะทำในสิ่งที่หนูคิดและตัดสินใจแล้วอย่างแน่นอน” วิรงรองพูดออกมาอย่างต้องการที่จะเอาชนะ นิกรมองลูกสาวของเขาด้วยแววตาที่เครียดจัด
“มันยังอยู่ที่เมืองนี้ใช่ไหม!? ฟังนะ! มันจะต้องออกจากชีวิตของแกภายในวันพรุ่งนี้ ส่วนแก...! แกจะไม่ได้เจอหน้ามันอีกเลยฉันสัญญา”
วิรงรองร้องไห้อย่างหนักเมื่อได้ยินอย่างนั้น ความเจ็บปวดทางด้านร่างกายไม่สามารถเทียบกับความเจ็บปวดของหัวใจ พ่อของเธอกำลังกระชากหัวใจของเธอออกมาและทำลายมันด้วยมือของเขาเอง
“พ่อจะทำอะไรเขา” วิรงรองถามอย่างตกใจ
“ฉันทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ ส่วนแก ตั้งแต่เล็กจนโตแกไม่เคยเถียงฉันเลยแม้แต่คำเดียว วันนี้แกเถียงฉันเพราะไอ้ผู้ชายคนนั้น ฉันบอกไว้เลยฉันจะทำทุกอย่างเพื่อแยกแกกับมันออกจากกัน ฉันไม่มีทางยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับไอ้พวกหากินกับงานที่ไร้เกียรติ ยิ่งมันเหมือนคนไร้อนาคตด้วยแล้วฉันยิ่งยอมไม่ได้ มันต้องเกาะแกเป็นปลิงแน่นอน” นิกรพูดออกมาอย่างหงุดหงิดพร้อมทั้งถลึงตามองลูกสาวอย่างดุดันที่สุดในชีวิต
