ตอนที่3 : คนใจบุญ
หลังการประชุมแสนยาวนานจบลงผู้บริหารและเลขาพากันออกจากห้อง รวมถึงเฉิงฟาหยางที่มาคนเดียวโดยไร้เลขาคนสนิท
"จะรังเกียจมั้ยครับถ้าผมจะชวนคุณเฉิงไปทานข้าวที่บ้านเย็นนี้" ท่านอดิศรเอ่ยชวนคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าตนอย่างกล้าๆกลัวๆ
"ได้ครับ" ชายหนุ่มไม่ได้ปฏิเสธเพราะเขาเองก็อยากไปดูบ้านของคนที่ชอบทำตัวเบ่งอำนาจว่าจะยิ่งใหญ่สักแค่ไหน
"ขอบคุณครับ เป็นเกียรติ์มากเลยครับคุณเฉิง" ท่านอดิศรรวมถึงอรรถพลก้มหัวให้ฟาหยางอย่างมีมารยาทขณะที่เขาเดินผ่าน
"พ่อไม่เห็นบอกผมเลยว่าเจ้าของบริษัทยังหนุ่มคิดว่าเป็นพวกแก่ๆสะอีก" อรรถพลเอ่ยขึ้นเพราะตนไม่เคยรู้เลยว่าเจ้าของบริษัทที่พ่อของตนได้รับตำแหน่งอยู่นั่นจะยังหนุ่มยังแน่น
"แล้วแกเคยถามฉันมั้ยล่ะ ไปเตรียมตัวได้แล้วไปวันนี้ก็ทำตัวดีๆกับคุณเฉิงด้วยล่ะ ชีวิตแกอยู่ในกำมือเขาแล้วนะ" ท่านอดิศรเอ่ยบอกกับลูกชายอย่างตักเตือน อรรถพลเมื่อได้ยินดังนั้นก็หน้าซีดเผือกเพราะต่อจากนี้เขาต้องทำตัวดีๆกับฟาหยางเพื่อให้เขาเซ็นอนุมัติให้ตนเองไปคุมงานที่อเมริกาให้ได้
บ้านศิวะโสภาพานิช
เมื่อรู้ว่าจะมีแขกมาทานอาหารที่บ้านเหล่าแม่บ้านรีบจัดแจงทำอาหารอย่างสุดฝีมือแล้วยิ่งรู้ว่าแขกที่มานั้นมีความสำคัญกับเจ้าของบ้านแค่ไหนก็ยิ่งต้องทำอย่างเต็มที่
"นั่งรอสักครู่นะครับคุณเฉิง" ท่านอดิศรเชื้อเชิญให้แขกคนสำคัญนั่งรอ ไม่นานภรรยาอย่างคุณหญิงวาสนาก็เดินออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
"สวัสดีค่ะคุณเฉิง ดิฉันวาสนาค่ะเป็นภรรยาคุณอดิศร"
"ครับ ไม่คิดว่าคุณอดิศรจะมีภรรยาที่สวยอย่างนี้นะครับ" ชายหนุ่มเอ่ยไปตามมารยาทแต่ความจริงคุณหญิงวาสนาก็ยังเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมแก่ไปตามวัย
"ชมกันเกินไปแล้วค่ะคุณเฉิง สวยอะไรกันคะดิฉันแก่แล้วค่ะ" คุณหญิงวาสนาทำท่าทีเป็นเขินอายแต่จริงๆแล้วแอบดีใจที่ไม่เสียแรงไปเติมหน้ามาใหม่
"บ้านคุณอดิศรก็ใหญ่โตเหมือนกันนะครับอยู่กันแค่3คนเองเหรอครับ"
"ไม่ครับ มีลูกสาวผมอีกคนครับ นั่นไงมาพอดีเลยครับ" ท่านอดิศรหันไปเห็นลูกสาวคนเล็กเดินเข้ามาพอดีจึงรีบให้เฉิงฟาหยางดูเผ่่ื่อว่าคนตัวโตจะถูกอกถูกใจลูกสาวของตนเอง
"นี่! นังอ้ายก็บอกให้ถือดีๆเดี๋ยวของฉันพังหมดแกมีปัญญาซื้อคืนหรือไง" เสียงโวยวายดังไกลมาจากหน้าบ้านทำเอาเฉิงฟาหยางถึงกับส่ายหน้าเบาๆเมื่อพี่น้องของบ้านนี้ไม่ต่างกันสักคน
"อ้ายขอโทษค่ะคุณหนู" เสียงหวานของอีกคนดังขึ้นทำให้คนตัวโตหันกลับไปดูอีกครั้ง ภาพหญิงสาวร่างบางใส่ชุดแตกต่างกับคนที่ถูกเรียกว่าคุณหนูปรากฎชัดขึ้น ใบหน้าสวยชวนให้หลงไหลทำให้โลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ ท่านอดิศรแอบลอบยิ้มที่เห็นอีกคนกำลังเหม่อลอยมองไปทางลูกสาว
"ลูกแพรมานี่ลูก พ่อจะแนะนำให้รู้จักกับคุณเฉิง เจ้าของบริษัท" ท่านอดิศรเอ่ยเรียกลูกสาวพร้อมกับแนะนำให้ลูกรู้จักทันที
"สวัสดีค่ะคุณเฉิง ดิฉันแพรพรรณนะคะจะเรียกลูกแพรก็ได้ค่ะ" แพรพรรณรู้หน้าที่รีบเข้ามายกมือไหว้คนตรงหน้าอย่างมีมารยาท อีกคนยกมือรับไหว้แต่ตามองไปที่คนข้างหลังที่ยืนผมฟูถือของพะรุงพะรัง
"ไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะว่าคุณเฉิงจะยังหนุ่มแถมยังหล่อมากๆด้วย" หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับสบตาของเขาตามความเคยชิน
"ขอบคุณครับที่ชม" ชายหนุ่มตอบกลับแค่สั้นๆทำเอาแพรพรรณถึงกับหน้าชาไปต่อไม่เป็น
"อ้าย"
"คะ?" เสียงหวานรีบขานรับเมื่อคุณผู้หญิงของบ้านเรียก
"เอาของไปเก็บห้องลูกแพรแล้วไปบอกแม่บ้านให้จัดโต๊ะได้เลย" คุณหญิงวาสนาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผิดกับน้ำเสียงที่สั่งงานเธอทุกเช้า
"ค่ะคุณผู้หญิง" อรุณรักรีบหอบข้าวของที่ไม่ใช่ของตนเองไปเก็บที่ห้องของแพรพรรณแล้วรีบไปบอกแม่บ้านที่ครัวตามคำสั่งของคุณหญิงวาสนา
"ใครเหรอครับ?" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อหญิงสาวเดินไปจนลับตา
"ใครคะ"
"ก็ผู้หญิงคนเมื่อครู่นี้น่ะครับ ดูไม่เหมือนแม่บ้านเลยนะครับ"
"อ้ายน่ะเหรอคะ ไม่ใช่แม่บ้านหรอกค่ะเป็นเด็กบ้านนอกที่คุณอดิศรรับมาดูแลน่ะค่ะ" คุณหญิงวาสนาพูดให้ครอบครัวดูดีแต่ความจริงแล้วอรุณรักก็ไม่ต่างจากคนรับใข้นักหรอก
"มีน้ำใจกันจังเลยนะครับ"
"ก็เด็กน่าสงสารนี่คะ พ่อแม่ตายหมดจะทิ้งให้อยู่คนเดียวก็ใจดำเกินไปจริงมั้ยคะ" คุณหญิงวาสนาเอ่ยพร้อมทำหน้าน่าสงสารแต่เขารู้ว่ามันคือการแสดง
"คุณท่านคะอาหารพร้อมแล้วค่ะ" แม่บ้านวัยกลางคนเดินย่องๆมาตามเหล่าเจ้านายที่ห้องรับแขกอย่างมีมารยาทก่อนจะคลานเข่าออกไปช้าๆ ท่านอดิศรนำทางแขกที่เชิญมาไปที่ห้องอาหาร อรรถพลวันนี้เงียบเป็นพิเศษเพราะไม่กล้าเอ่ยอะไรมากกลัวจะไปกระทบกับงานในอนาคตของตนเอง เมื่อเข้ามาถึงห้องอาหารทุกคนนั่งลงประจำที่แม่บ้านรีบตักข้าวใส่จานอย่างพอดิบพอดีแล้วกลับไปยืนรอที่ด้านหลังของผู้เป็นนาย
