ตอนที่2 : เอาคืนอย่างเหนือกว่า
1 สัปดาห์ต่อมา
การประชุมครั้งใหญ่แห่งปีที่มีผู้บริหารจากหลายประเทศมาร่วมประชุมเพื่อเซ็นสัญญาตามข้อตกลงของบริษัท เฉิงฟาหยางเองก็มาร่วมประชุมด้วยถึงแม้เขาจะส่งตัวแทนมาก็ย่อมได้
"เอาอเมริกาโน่ครับ" เสียงทุ้มเอ่ยสั่งกาแฟด้วยภาษาไทยอย่างชำนาญ หลายคนในเมืองไทยอาจจะไม่รู้จักเขาเพราะนานทีปีหนเขาถึงจะกลับมาประเทศไทย
"น้องเอาลาเต้ให้พี่ก่อน" เสียงทุ้มของอีกคนเอ่ยแทรกขึ้นพร้อมกับแซงคิวคนที่กำลังยืนรอกาแฟ
"คุณครับต่อคิวด้วยครับ"
"โทษทีนะ พอดีรีบ" อรรถพลหันไปสบตาอย่างไม่เกรงกลัวก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ วันนี้เขามีโอกาสได้เข้าร่วมประชุมในฐานะลูกชายผู้บริหารคนปัจจุบันเพื่อเรียนรู้งานก่อนได้จะได้ทำงานจริง
"ถึงจะรีบแต่ก็ควรมีมารยาทนะครับ" ฟาหยางเอ่ยขึ้นเป็นการตักเตือน
"เป็นพนักงานใหม่หรือไงถึงไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร" อรรถพลเบ่งอำนาจเพราะคิดว่าพ่อของตัวเองสามาถไล่ใครในบริษัทออกก็ได้
"คุณเป็นใครผมไม่สนหรอกนะแต่คนอื่นเขามาก่อน"
"แล้วไง? หึ! ตั้งใจทำงานแล้วกันนะเด็กใหม่" อรรถพลเดินถือแก้วกาแฟของตัวเองพร้อมกับเดินชนไหล่ของเฉิงฟาหยางออกไปอย่างท้าทาย
"อย่าไปยุ่งกับลูกผู้บริหารเลยครับพี่ รายนั้นน่ะชอบชอบเอาเปรียบคนอื่นอยู่เรื่อย" พนักงานร้านกาแฟเอ่ยเตือนด้วยความหวังดีเพราะเขาเห็นพฤติกรรมของอรรถพลมานาน
"ลูกผู้บริหาร?" ชายหนุ่มทำหน้าไม่เชื่อ
"ใช่ครับพี่ ได้ยินมาว่าอีกไม่นานก็ได้เป็นผู้บริหารแทนพ่อของตัวเองแล้วครับ" เมื่อได้ยินดังนั้นเฉิงฟาหยางยิ่งกลุ้มใจที่บริษัทของเข้าที่นี่จะต้องมีผู้บริหารงี่เง่าแบบนี้
ห้องประชุมใหญ่
ผู้บริหารจากทุกประเทศในเครือของเฉิง คาร์เข้ามารวมกันในที่ประชุมแห่งนี้โดยมีผู้บริหารเครือข่ายประเทศไทยและลูกชายผู้บริหารเข้ามาร่วมด้วย
"วันนี้เราได้รับเกียรติ์จากคุณเฉิงฟาหยาง เจ้าของบริษัทเฉิง คาร์มาเข้าร่วมประชุมด้วย ขอเชิญคุณเฉิงฟาหยางครับ" ผู้ที่ทำหน้าที่เกริ่นนำการประชุมเอ่ยขึ้นพร้อมกับเชิญผู้บริหารสูงสุดของบริษัทให้เข้ามา ร่างสูงกำยำเดินหลังตรงเข้ามาอย่างหมาดมั่น เหล่าผู้บริหารรีบพากันลุกขึ้นยืนเพื่อต้อนรับการมาของเขา
"นั่งลงเถอะครับ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่ดูจริงจัง
"ซวยแล้วกู" อรรถพลเอ่ยขึ้นเมื่อได้เห็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัทเป็นคนเดียวกับที่เขาไปเบ่งอำนาจไว้ที่ร้านกาแฟในบริษัทเมื่อเช้านี้
"เริ่มประชุมเลยครับเวลาผมเป็นเงินเป็นทอง" เสียงเข้มเอ่ยขึ้นทำให้การประชุมเริ่มต้นขึ้นในทันที อรรถพลพยายามหลบหน้าอีกฝ่ายในใจได้แต่ภาวนาให้อีกคนจำตนไม่ได้ไม่เช่นนั้นมีหวังความฝันที่จะได้ขึ้นเป็นผู้บริหารของเขาต้องล่มสลายแน่ๆ
"ยอดขายของประเทศไทยปีนี้มากกว่าปีที่แล้ว12เปอร์เซ็นครับ ส่วนกำไรก็เพิ่มขึ้นอีก5เปอร์เซ็นครับ" อรรถพลทำหน้าที่กล่าวสรุปยอดขายในส่วนของประเทศให้คนในที่ประชุมรับรู้
"ถือว่าปีนี้ของทุกประเทศรวมกันแล้วมากขึ้นจากปีที่แล้ว82เปอร์เซ็น ส่วนกำไรมากขึ้น56เปอร์เซ็น" เฉิงฟาหยางเอ่ยขึ้นพร้อมกับทำท่าคิดอะไรบางอย่าง
"คุณอดิศร"
"ครับคุณเฉิง?" ท่านอดิศรผู้เป็นพ่อของอรรถพลและเป็นผู้บริหารบริษัทของประเทศไทยรีบขานรับทันควันตองกลับคนอายุน้อยกว่าอย่างเคารพ
"ได้ข่าวว่าลูกชายคุณจะได้ขึ้นแทนตำแหน่งของคุณใช่หรือเปล่า" เขาเอ่ยขึ้นตามสิ่งที่รับรู้
"ใช่ครับ"
"จะดีกว่ามั้ยถ้า...ลูกคุณไปบริหารที่อเมริกาแทนที่นี่"
"ดีครับคุณเฉิง!" ท่านอดิศรตอบทันควันเพราะการไปเป็นผู้บริหารที่ประเทศอเมริกานั่นดีกว่าเป็นไหนๆ
"แต่ว่า...ผมจะเป็นคนพิจารณาเองถ้าผมไม่อนุมัติลูกคุณก็จะไม่ได้รับตำแหน่งทั้งที่ไทยหรือที่ไหนก็ตาม คุณตกลงมั้ย" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาอย่างผู้ชนะคนอย่างเฉิงฟาหยางไม่เคยด้อยกว่าใคร เขาต้องเป็นที่1 อรรถพลนั่งหน้าเครียดผิดกับผู้เป็นพ่อที่นั่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจเพราะคิดว่ายังไงเขาก็ต้องเซ็นอนุมัติให้ลูกชายของตนแน่นอน
อรรถพลนั่งตัวลีบอย่างเกรงกลัวการที่จะได้ขึ้นเป็นผู้บริหารแทนผู้เป็นพ่อว่ายากแล้วเพราะต้องผ่านการยอมรับจากผู้บริหารหลายๆประเทศและการที่เขาจะไปเป็นผู้บริหารในต่างประเทศยิ่งเป็นอะไรที่ยากกว่าแล้วยิ่งต้องผ่านการอนุมัติจากเฉิงฟาหยางคนที่เขาเพิ่งไปเบ่งอำนาจใส่มาเมื่อเช้าแล้วยิ่งไม่มีหวังแม้แต่น้อย
