ตอนที่ 3 จากไปไม่มีวันกลับ
หลังจากที่ไท่จื่ออำลาซินเซียงและซินเหนียงแล้ว พระองค์เสด็จออกจากบ้านของนาง แล้วจึงเสด็จขึ้นม้า เหล่าทหารของพระองค์ขึ้นม้าด้วยเช่นกัน พระองค์จึงหันไปหาเฉินหลินที่อยู่บนม้าด้วยข้างของพระองค์
“เฉินหลิน ท่านหาข้าเจอได้อย่างไร” ไท่จื่อตรัสถามด้วยความสงสัย เพราะหมู่บ้านตรงนี้ห่างจากเมืองมากนัก
“กระหม่อมให้คนออกตามหาพระองค์ถึงสองวันสองคืน จนมีชาวบ้านบอกว่าเห็นผู้ชายแปลกหน้ามาที่นี่ กระหม่อมให้คนสืบดูจึงรู้ว่าไท่จื่อประทับอยู่ในบ้านหลังนี้ หม่อมฉันจับคนร้ายได้แล้ว แล้วคั้นเอาความ แต่มันกลับฆ่าตัวตายเสียก่อนพระเจ้าค่ะ” เฉินหลินทูลบอกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“ไปกันเถอะ ค่อยไปคุยในวังเถอะ” ไท่จื่อตรัสเช่นนี้ แล้วควบม้าออกไปทันที พร้อมกับเหล่าทหาร
ไท่จื่อเสด็จกลับมายังพระราชวังหลวง หลังจากเสด็จออกมาจากตงกงที่ประทับของไท่จื่อ เพื่อแต่งฉลองพระองค์ให้เรียบร้อยก่อนที่จะเสด็จมาเข้าเฝ้าต้าหวางที่ไท่หวังกง ขันทีหน้าห้องจึงกล่าวรายงาน
“ทูลต้าหวาง ไท่จื่อขอเข้าเฝ้า พระเจ้าค่ะ”
“เข้ามาได้”
ไท่จื่อเสด็จเข้ามาในตำหนัก ทอดพระเนตรเห็นต้าหวางทรงประทับยืนหันพรพักตร์ไปยังอุทยาน มองออกไปนอกพระบัญชร ไท่จื่อถวายบังคมโดยทันที (พระบัญชร แปลว่า หน้าต่าง)
“ฟู่จวิน” ไท่จื่อตรัสเรียกต้าหวาง ต้าหวางทรงหันมามองพระองค์ทันทีด้วยแววพระเนตรเป็นห่วงหาอาทร
“เป็นอย่างไรบ้างเทียนหมิง” ต้าหวางตรัสถาม แล้วทรงพยุงไท่จื่อลุกขึ้นประทับยืน
“ขอบพระทัยที่ทรงห่วง กระหม่อมดีขึ้นมากแล้วพระเจ้าค่ะ” ไท่จื่อตรัสเช่นนี้
“สวรรค์ยังเมตตาเจ้า เจ้าปลอดภัยมาก็ดีแล้ว” ต้าหวางตรัสเช่นนี้ แล้วหันไปทอดพระเนตรขันทีที่ก้าวเดินเข้ามาถวายบังคมต้าหวาง และไท่จื่อ
“ทูลฝ่าบาทเกาเสียงหวางเย่และเกาอวี้หวางเย่ ขอเข้าเฝ้าพระเจ้าค่ะ”
“เข้ามาได้ ตี๋ติเจ้าคงเป็นห่วง” ต้าหวางตรัสแล้วหันไปทอดพระเนตรไท่จื่อที่ทอดพระเนตรขันที ไม่ช้าหวางเย่ทั้งสองพระองค์เสด็จเข้ามาในห้องพระอักษร (ตี๋ติ แปลว่า น้องชาย)
“ต้าหวาง”
หวางเย่ตรัสพร้อมกันทั้งสองพระองค์ ถวายบังคมต้าหวางและไท่จื่อ
“เกอเกอ เป็นอย่างไงบ้าง ข้าได้ข่าวว่าท่านโดนลอบทำร้าย” เกาอวี้หวางเย่ตรัสถามด้วยความเป็นห่วง
“เกอเกอข้าเป็นห่วงท่านยิ่งนัก” เกาเสียงหวางเย่ตรัสถามเช่นกัน
“ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว แค่โดนสุนัขลอบกัด กระหม่อมขอทูลลา” ไท่จื่อตรัสหวางเย่ และถวายบังคมต้าหวาง แล้วหันไปทอดพระเนตรหวางเย่ทั้งสองที่ถวายบังคมพระองค์เช่นกัน
“ไท่จื่อเสด็จกลับมาแล้วเพคะไท่จื่อเฟย”
นางกำนัลส่วนพระองค์ทูลบอกหวังเหม่ยไท่จื่อเฟย พระนางมีตำแหน่งใหญ่ที่สุดในตงกง เป็นรองแต่เพียงเกาเทียนหมิงไท่จื่อเท่านั้น ซึ่งไท่จื่อเป็นฟูจวินของพระนาง ด้วยว่าเตี่ยของพระนางนั้นคือ หวังฮั๋วจง มีตำแหน่งเป็นเจ้าแคว้นหลี่อิ๋ง จึงได้รับเลือกเป็นไท่จื่อเฟยจากต้าหวางและอดีตหวางโฮ่ว
“แล้วสิ่งที่ข้าสั่งเล่า” ไท่จื่อเฟยตรัสถามนางกำนัลทันที
“เรียบร้อยแล้วเพคะ”
ซินเซียงก้าวเดินเข้ามาในบ้าน ยกกุณโฑใส่น้ำเข้ามาในบ้าน เห็นว่าเหนียงชินของนางกำลังเย็บผ้าที่มีคนว่าจ้างเอาไว้เมื่อหลายวันก่อน นางคิดว่าพรุ่งนี้คงเสร็จสิ้นแล้ว นางเองยากช่วยอย่างยิ่ง แต่ต้องเอาในตระกล้าที่สานเอาไว้หลายใบไปขายเสียก่อน
“เหนียงชินข้าจะไปตลาดเอาอะไรไหม” ซินเซียงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ล่ะ ซินเซียงข้าจะบอกเจ้าไว้ว่า ข้ามีของสำคัญอยู่ในตู้นี้ ถ้าฉุกเฉินค่อยเปิดออกมาดู” นางบอกซินเซียง ซินเซียงได้ยินเช่นนั้น ใจคอไม่ดี เหมือนนางเอ่ยเป็นราง
“เหนียงชิน ท่านอย่าพูดอะไรแบบนี้ พูดเช่นนี้เหมือนเป็นลาง ข้าไม่คุยกับท่านแล้ว” ซินเซียงเอ่ยบอกเช่นนี้ แล้วจูบแก้มของนางตามปกติเช่นนี้ทุกวันก่อนออกจากบ้าน
“รับไปรีบมานะ อย่ากลับช้า”
“ค่ะ”
ซินเซียงเอาของไปขายใช้เวลารวดเร็วก็ขายได้หมดสิ้น มันทำให้นางดีใจเป็นอันมาก เพราะตะกร้าที่นางสานนั้น นางใช้เวลาถึงสามคืนจึงแล้วเสร็จ จากนั้นนางก็เดินไปซื้อของ และเดินทางกลับมาบ้านที่ นางสังเกตว่าบ้านเงียบผิดปกติอย่างมาก ไร้เสียงของเหนียงชินแต่อย่างใด แต่กลับได้กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปโดยรอบ นางก้าวเดินเข้ามาในบ้านเหมือนกับว่าแต่ละก้าวช่างยากลำบากอย่างยิ่ง นางเดินตรงไปยังห้องนอน แต่สิ่งที่นางเห็นตรงหน้า ทำให้นางแทบสิ้นสติ
“เหนียงชิน!!! เหนียงชิน ใครทำร้ายท่าน”
ซินเซียงนั่งกอดเรือนร่างของเหนียงชินที่ไร้วิญญาณ ร่างกายของนางเต็มไปด้วยเลือดที่อาบไปทั้งตัว อีกทั้งที่ลำคอของนางมีดที่กดลงอย่างจงใจ
“ข้าซินเซียงขอสาบานว่า จะนำคนชั่วที่ทำร้ายท่าน มาเซ่นสังเวยศพท่าน” ซินเซียงประกาศกล้าแทบกรีดร้อง มือทั้งสองข้างยังโอบกอดนางไว้ไม่ยอมปล่อย
