ตอนที่ 2 แรกพบ
“หลี่เกอเกอเชิญทางนี้ค่ะ”
ซินเหนียงเอ่ยเชิญหลี่เสียงที่เคยเป็นเพื่อนฟูจวินของนาง หลี่เสียงเป็นหมอเรื่องชื่อในเมืองนางจึงพาเขามาโดยทันที เขาเองก็มาด้วยความเต็มใจ
หลี่เสี่ยงรีบใช้มือของตนจับวัดชีพจร ว่าเขาตายหรือไม่ เมื่อรู้ว่ายังไม่ตาย จึงเอากล่องอุปกรณ์ที่พกมาวางบนหัวเตียง
“เสียงโป๋โป่เขาจะฟื้นไหมคะ” ซินเซียงถามหลี่เสียง (โป๋โป่ แปลว่า ลุง)
“ประมาณสองถึงสามวันกว่าเขาจะฟื้น แต่เจ้าต้องหมั่นเช็ดตัวเขาไว้เพราะไข้จะขึ้นได้ตลอดเพลา” หลี่เสียงเอ่ยบอก
“ขอบคุณค่ะ หลี่โป๋โป่” ซินเซียงเอ่ยบอกขอบคุณ
“เหนียงชินไปส่งโป๋โป่ก่อนน” ซินเหนียงเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ” ซินเซียงตอบรับโดยทันที แล้วนางหันกลับมามองชายหนุ่มที่นอนหลับอยู่บนเตียง นางมองด้วยความเวทนายิ่งนัก ผู้ใดกันใจร้ายถึงกับฆ่าคนได้ลงคอ
“เดี๋ยวข้าเช็ดตัวให้เจ้า” ซินเซียงเอ่ยบอกเช่นนี้ แล้วถอนหายใจ
นางใช้มือเรียวไปอังที่ศีรษะของเขาที่เริ่มร้อนขึ้น นางจึงเอาผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดใบหน้างดงามดังหยกสลัก นางไม่เคยเห็นชายใดงดงามได้เพียงนี้ แต่นางยังคงเช็ดตามตัวและไม่รังเกียจแต่อย่างใด
พระราชวังหลวงแคว้นเกา ภายในไท่หวังกง ห้องพระอักษร ของต้าหวางเกาหลง ต้าหวางองค์ที่สามแห่งราชวงศ์เกา
“ต้าหวางกระหม่อมมีเรื่องกราบทูล ไท่จื่อหายไปสองวันแล้วพระเจ้าค่ะ” เฉินหลินมหาขันทีทูลรายงานด้วยความร้อนใจ
“เทียนหมิงหายไปได้อย่างไง” ต้าหวางตรัสด้วยความร้อนพระทัย หันกลับไปทอดพระเนตรเฉินหลินโดยทันที
“ไท่จื่อเสด็จไปล่าสัตว์ในเขตพระราชฐาน แต่มีมือสังหารลอบทำร้ายทหารที่ติดตามพระองค์จนเกือบหมด แต่มีสองคนที่รอดกลับมาได้ พวกเขามารายงานให้กระหม่อมทราบ” เฉินหลินทูลบอกด้วยความกังวลใจ
“ให้คนตามหาเทียนหมิงให้เจอ และตามตัวคนร้ายมาให้ได้” ต้าหวางตรัสด้วยพระสุรเสียงดุดัน อีกทรงกำพระหัตถ์แน่น และทุบลงบนโต๊ะอย่างแรง
“รับด้วยเกล้าพระเจ้าค่ะ” เฉินหลินน้อมรับพระราชบัญชาจากพระองค์ แล้วก้าวเดินออกไปทันที
“เหนียงชิน เหนียงชิน”
เสียงแผ่วเบาของชายหนุ่มทำให้คนที่นั่งหลับข้างเตียงต้องเงยหน้าขึ้นมามอง ซินเซียงใช้มืออังที่ศีรษะของเขาที่ยังร้อนอยู่ จึงเดินไปที่เตาไฟ เทหยิบหม้อน้ำร้อน เทใส่อ่างที่สะอาดเอาน้ำเย็นใส่เล็กน้อย แล้วนางก็ยกอ่างน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ หยิบผ้าสะอาดที่อยู่บนโต๊ะมาชุบน้ำอุ่น หมายจะเช็ดบนใบหน้าของเขา แต่ทว่ามือของชายตรงหน้าที่นอนหลับตาอยู่นั้น จับมือของนางไว้แน่นทันที
“เจ้าเป็นใคร ที่นี่ ที่ไหน”
คำถามแรกของคนนอนหลับมาสองวัน ซินเซียงตั้งสติอย่างรวดเร็ว แล้วจึงเอ่ยบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกับเขา
“ตัวข้านี้นามว่าซินเซียง ที่นี่คือบ้านของข้า เมื่อสองวันก่อนข้าเดินไปตักน้ำที่ริมแม่น้ำ ข้าเห็นท่านที่ริมตลิ่งได้บาดเจ็บสาหัส จึงนำมารักษา” นางเอ่ยบอกเช่นนี้ แต่เขาจะลุกขึ้นจากเตียง อีกทั้งยังนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด นางจึงกดเขาลงที่เตียงทันที
“แผลท่านยังไม่หายดี อย่าพึ่งลุกไปไหนเลย” นางเอ่ยบอกเขา
“แผลแค่นี้ ไม่ทำให้ข้าเจ็บปวดเท่าไหร่” เขาบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล โดยมีนางประคองด้านหลัง
“ท่านชื่ออะไรหรือ แล้วท่านเป็นใครถึงโดนทำร้ายมา” นางเอ่ยถามด้วยความสงสัย ว่าเขาไปทำวีรกรรมอะไรไว้ถึงได้โดนยิงสาหัสปางตายเช่นนี้
“ข้าชื่อ เทียนหมิง แต่ว่าใครทำร้ายข้า ข้าเองก็หารู้ไม่ เพราะศัตรูข้าเยอะ” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เขาคิดต่ออีกว่า ถ้าบอกว่าข้าเป็นไท่จื่อ กูเหนียงผู้นี้จะต้องไม่ปลอดภัยแน่แท้
ทันใดนั้นทั้งสองเนตรสอดผสานจ้องมองกันและกันอย่าลืมตัว ไท่จื่อทอดพระเนตร ดวงหน้ากลมที่อ่อนหวาน ดวงตานั้นโตสุกสกาวดังดวงดาวบนนภา จมูกนั้นเล่าโด่งเป็นสัน ริมฝีปากดั่งสีชาดมาแต่งแต้ม นางช่างงดงามเกินคำบรรยายเสียจริง (ไท่จื่อ แปลว่า รัชทายาท / กูเหนียง แปลว่า แม่นาง)
“ท่านมีอะไรหรือเปล่า ถึงมองข้าเช่นนี้ หรือว่ามีอะไรติดบนใบหน้าของข้า” นางถามด้วยความสงสัย แล้วใช้มือเรียวลูบใบหน้าของตัวเอง
“ข้าขอโทษที่มองเจ้า” ไท่จื่อตรัสแผ่วเบา
“ข้าไม่ถือ” นางทูลบอกด้วยรอยยิ้ม
ไท่จื่อได้สดับเสียงฝีเท้าดังเข้ามา จึงทอดพระเนตรมองออกไปข้างนอก เห็นเฉินหลินมหาขันที กับจางซื่อขันทีของพระองค์ และทหารจำนวนหนึ่งกำลังตามหาพระองค์อยู่ ไท่จื่อจึงทรงพยุงพระองค์ลุกขึ้นเสด็จออกไปข้างนอก แต่ว่าซินเซียงทูลถามพระองค์ขึ้นมา
“เทียนหมิง เจ้าจะไปไหน เจ้ายังไม่หายดีเลย”
“ลูกน้องข้าออกมาตามหา ข้าคงต้องขอตัวกลับบ้านก่อน คราวหน้าเจอกัน ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างสาสมกับสิ่งที่เจ้ากระทำต่อข้า” ไท่จื่อตรัสอ่อนโยน แล้เสด็จออกไปข้างนอกบ้านของนาง ด้วยทรงเจ็บไปทั้งพระวรกาย ชินเซียงยังเป็นห่วงพระอาการของพระองค์ จึงก้าวเดินมาพยุงพระองค์ที่พระกร
“เฉินหลิน” ไท่จื่อตรัสเรียกเฉินหลิน เฉินหลินหันมาพระองค์พร้อมกับจางซื่อตาพระสุรเสียงที่เรียกพวกเขา ทั้งสองขันทีดีใจและทหารของพระองค์วิ่งมาหา หมายจะถวายบังคมพระองค์ แต่ไท่จื่อส่ายพระพักตร์ช้าๆ เป็นนัย ไท่จื่อทรงหันพระพักตร์ไปหาซินเซียง แล้วตรัสด้วยสุรเสียงเรียบเฉย
“ข้าขอบใจ ที่เจ้าทำให้ข้าดีขึ้น ขอบใจจริงๆ”
ไท่จื่อตรัสเช่นนี้ แล้วทรงถอดพระธำมรงค์หยกขาวลวดลายพยัคฆ์เสร็จสิ้น และจับมือเรียวของนางแบมือออก วางพระธำมรงค์วงนี้ไว้ ซินเซียงมองพระธำมรงค์ด้วยความแปลกใจ
“เจ้ามีปัญหาหาอะไรก็มาหาข้าได้ ข้ายินดีจะช่วยเจ้าทุกอย่าง ข้าจะจำไว้เสมอว่า ข้ามีหนี้บุญคุณเจ้า” ไท่จื่อตรัสเช่นนี้ แล้วแย้มพระสรวล ซินเหนียงเดินเข้ามาพอดี ไท่จื่อหันไปหานางที่ยิ้มให้พระองค์เช่นกัน
“กูเหนียง ข้าขอบคุณท่านมาก ที่ให้ที่อยู่อาศัยกับข้า ข้าจะไม่ลืมบุญคุณของพวกท่านเลย” ไท่จื่อตรัสจริงจัง ซินเหนียงไม่ได้กล่าวสิ่งใดได้ ได้แต่พยักหน้า ซินเหนียงนางจดจำพระองค์ นางเคยเป็นนางกำนัลมาก่อน ก่อนที่จะออกจากวัง เหตุที่นางต้องออกจากวังก็เพราะว่าเตี่ยของนางป่วยหนัก ส่วนเกอเกอของนางก็เป็นที่ปรึกษาให้ต้าหวาง นางไม่อยากพึ่งพาเขากลัวว่าซินเซียงจะได้ถวายตัวเป็นเฟย นางจึงออกมาอยู่นอกเมืองหลวง ใช้ชีวิตชนบทห่างไกลพระราชวังหลวง (เกอเกอ แปลว่า พี่ชาย / เฟย แปลว่า พระสนม)
.........................................
เป็นอย่างไงบ้างสนุกไหมคะ
อย่างลืมกดติดดาว หรือ กดหัวใจ หรือ เขียนคอมเม้นท์มาพูดคุยกันบ้างน๊า ไรท์จะได้ไม่เหงา
ไรท์ชอบอ่านคอมเม้นท์ของทุกท่าน และพยายามตอบกลับทุกคอมเม้นท์นะ
