03 | รักแรกพบ
เมวีญาทำเอกสารเป็นกองๆ ไว้ ก่อนจะเก็บของใส่กระเป๋าสะพายลายโจรสลัดอย่างรวดเร็วขาเรียวเล็กวิ่งออกจากห้องไปยังหน้าสถานศึกษาที่ตอนนี้ ภายในโล่งปลอดคน เพราะทุกคนกลับบ้านหมดแล้วนั่นเอง จะเหลือก็แต่ลุงยามที่เฝ้าเวรนั่นแหละ
สายตาหวานมองไปหน้าประตูรั้ววิทยาลัยก็พบชายหนุ่มที่เพิ่งคุยกับเธอเมื่อครู่นั่งกระดิกเท้าอยู่บนรถบิ๊กไบค์เขาเพียงแค่มองเธอนิ่งๆ และเมื่อระยะทางยิ่งเข้าใกล้ชายหนุ่มเท่าไหร่เธอจึงผ่อนแรงวิ่งลงกลายเป็นเดินแทน
“วิ่งทำไมเดี๋ยวก็ล้มหัวร้างข้างแตกหรอก”เสียงราบเรียบมองเธอนิ่งๆ หลังจากเด็กสาวมาหยุดตรงหน้าเขาเจ้าหล่อนหายใจเข้าออกอย่างรัวเร็วด้วยความเหนื่อยหอบ
“พี่มาทำอะไรที่นี่คะ”เมื่อหายเหนื่อยเมวีญาก็เปิดประเด็นขึ้นใบหน้าหล่อคมคายที่มองทีไรใจดวงน้อยก็สั่นระรัวทุกที
“เอ่อ…”พิชยุทธ์ถึงกับพูดไม่ออกไม่รู้เหมือนกันว่าจะมาที่นี่ทำไมแค่เป็นห่วงหรืออะไรก็สุดรู้ อันที่จริงเขาขับรถไปจอดใต้สะพานนานแล้วแต่ไม่มีวี่แววว่าจะเห็นหน้าสวยหวานของเด็กสาว เขาถึงขับรถมารอหน้าสถานศึกษาที่เธออยู่และโทรหาและไม่มีเหตุผลอะไรมาอธิบายได้อีก
ใจมันสั่งสมองสมองสั่งการร่างกาย! มันก็มีแค่นั้น
“…”หญิงสาวทำตาใสแป๋วมองหน้าเขาเพื่อรอคำตอบพอเห็นสายตาล่อกแล่กของเขามันทำให้เธอยิ้มออกมาไม่ได้ก่อนจะถามอีกว่า
“พี่ชอบหนูใช่ไหมคะ”
“เฮ้ย! มั่วแค่ผ่านมาเฉยๆอย่างหลงตัวเองหน่อยเลย”
“อ๋อ! เหรอคะ”สาวน้อยลากเสียงยาวคิ้วเรียวสวยยกสูงข้างหนึ่งอย่างสงสัยแต่คนที่มองกับใจเต้นรัวกับความน่ารักที่ออกจะเป็นธรรมชาติของเธอ ปกติแล้วเขาจะเจอพวกที่ประจบประแจงวิ่งเข้าหาแต่สาวน้อยคนนี้มีอะไรมากกว่าที่เห็นและตรงไปตรงมาจนเขารู้สึกอยากค้นหา
“งั้นหนูกลับบ้านแล้วนะ”
“เอ่อ! ดะ…เดี๋ยวสิ”เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังจะจากไปเขาก็เรียกเธอไว้ ใบหน้างามหันมาอย่างงุนงงแล้วขานรับ
“หืม!”
“ขึ้นรถสิ”ชายหนุ่มบอกเพียงเท่านั้นก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและคร่อมรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ก่อนจะสวมหมวกกันน็อกด้วยความแปลกใจที่เด็กสาวเอาแต่ยืนมองนิ่งๆ เลยเค้นเสียงถาม
“ทำไมกลัวใครมาเห็น!”
“เปล่านิทำไมต้องกลัวหนูกลัวที่จะไปกับพี่มากกว่าอีก”
“หึ! พี่ไม่ชอบน้องหรอก”มันก็จริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละที่ไม่ได้รู้สึกอยากทำเรื่องอย่างว่ากับเด็กสาวเพียงแต่ชอบความน่ารักใสซื่อที่มองดูแล้วเป็นธรรมชาติน่าค้นหานั่นมากกว่า เฮ้อ~ เขาเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจไปตั้งแต่เมื่อไรนะ
“ไม่ได้ชอบ แล้วมาที่นี่ทำไมคะ”คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นปมเสียงหวานดูขุ่นมัวกับคำพูดของคนตัวโตอย่างบอกไม่ถูกก็เธอชอบเขานิแล้วยังคิดไปเองอีกว่าที่ชายหนุ่มโทรมาคงคิดจะสานสัมพันธ์อีกยาวไกล
“ก็บอกว่าแค่ผ่านมาไง”
“งั้นต่างคนต่างไปค่ะ”
“อย่างเรื่องมากได้มั้ยวะ! ขึ้นรถดิ!”พิชยุทธ์โมโหกับอาการดื้อรั้นของเด็กน้อยถึงขั้นลงจากมอเตอร์ไซค์คันใหญ่มาคว้ามือบางไว้แล้วอุ้มคนตัวเล็กขึ้นคร่อมเบาะหลัง
“อย่าดิ้นเดี๋ยวตก”
“พี่ก็ปล่อยหนูสิจะมาบังคับกันทำไม”เสียงตวาดของเธอทำให้ยามเฝ้าหน้าประตูสถานศึกษาถึงกับมอง มือเล็กจับไหล่บึกบึนเอาไว้เพราะกลัวตกเธอก็ไม่เคยนั่งรถแบบนี้นี่แถมยังสูงมากด้วย
“จะเสียงดังทำไมเดี๋ยวเขาก็คิดว่าพี่มาฉุดน้องหรอก”มือหนายังคงจับเอวบางเอาไว้กันไม่ให้ตก พลางมองคนรอบกายที่มองมายังเขาเหมือนพวกโรคจิตไม่น่าไว้ใจ
“ก็หนูกลัวจริงๆ นี่”
“เงียบ! ไม่งั้นพี่จะจูบตรงนี้แหละ”พอถูกขู่ก็เลยทำให้เมวีญาหยุดการกระทำทุกอย่างลงกำปั้นน้อยๆ ทุบบนอกแกร่งหนึ่งครั้งเสียงงอแงดังในลำคอเล็กไม่กล้าเปล่งเสียงออกมา
“แค่นั้นแหละ”พูดเพียงเท่านั้นก็หมุนตัวขึ้นคร่อมรถคู่ใจอีกครั้งฝ่ามือนุ่มที่แตะบนไหล่ดูน่าหงุดหงิด คนเจ้าเล่ห์เลยจับเข้าที่ข้อมือบางดึงมันลงมากอดเอวสอบไว้แน่นในคราแรกเธอขัดขืนเล็กน้อย
“อยากตกใช่ไหม”ปากหยักสวยกระตุกยิ้มขึ้นบางๆ ก่อนจะโน้มตัวลงไปจับแฮนด์รถสตาร์ทเครื่องยนต์จนสาวน้อยตัวสั่นเทาเมื่อชายหนุ่มปล่อยรถให้ค่อยๆ ไหลออกไปก่อนจะเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น
หัวใจดวงน้อยเต้นรัวความเร็วของรถบิ๊กไบค์ที่รวดเร็วพลิ้วไหว ดวงหน้างามซบลงกับแผ่นหลังกว้างมือน้อยกอดเอวชายหนุ่มที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อหนักแน่นด้วยความกลัว
แม่จ๋าหนูอยากกลับบ้าน!
เมวีญาถึงขั้นกับร่ำหามารดาของตนในใจ ไม่เอาแล้วเธอไม่อยากขี่ตั๊กแตนยักษ์นี้แล้วมันน่ากลัวเกินไป นี่ขนาดเขาตัวโตยังต้องใช้แรงในการควบคุมมันแต่เหมือนกับว่าชายหนุ่มคุ้นชินกับรถคันนี้มากๆถึงรู้จังหวะดี
ร้านชาบูซูกิชิ
ขาเรียวเล็กก้าวลงจากรถสูงโดยการเหยียบที่พักเท้าเมื่อเท้าแตะลงพื้นก็ถึงกับยืนทรงตัวไม่อยู่เรี่ยวแรงหายไปชั่วขณะ จนปาร์ตี้รีบพยุงเธอเอาไว้สายตากวาดมองรอบข้างช่างเป็นเหมือนภาพตัดต่อจริงๆ ไม่ว่าจะสิ่งรอบกายก็เบลอไปหมดจนต้องหาที่พักพิง
“แค่นี้ลมจับเลยหรอ”ปาร์ตี้มองท่าทีของเด็กสาวก่อนที่จะอดยิ้มไม่ได้ เมื่อเธอยืนขาสั่นหน้าชาไปหมดเพราะแรงคับเคลื่อนและโต้ลมแรงๆ
“หนูไม่เคยขึ้นนิแล้วพี่พาหนูมาที่นี่ทำไม หนูอยากกลับบ้าน!”เมวีญาดึงยางมัดผมออกก่อนจะสางผมที่ชี้ฟูออกจากกัน โดยใช้มือก่อนจะมัดรวบขึ้นอีกครั้งหนึ่งปากสวยก็พร่ำบ่นคนที่รู้จักกันได้ไม่นานไปด้วย
พิชยุทธ์ไม่ได้สนใจเสียงบ่นอุบอิบของเธอเท่าไหร่ เขามองเพียงการกระทำที่แสนธรรมชาติของเธอเท่านั้น ไหนจะปากเล็กสวยสีแดงระเรื่อที่ถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงอ่อนขยับไหวเย้ายวนหัวใจหนุ่มถึงกับสั่นระรัวเร็วจนได้ยินเสียงของมัน ไม่เคยมีหญิงใดทำให้เขารู้สึกว่าทุกอย่างที่เป็นเธอมันลงตัวไปทุกอย่าง
สำหรับเขาแล้วทุกคนมักจะเหนียมอายเสแสร้งแกล้งรักสวยรักงามดูแลผิวแม้กระทั่งนั่งรถเขายังต้องจับผมตัวเองไว้เพราะกลัวเสียทรง แต่เด็กคนนี้กับกอดเอวสอบของเขาแน่นด้วยความกลัวไม่ห่วงสวยแม้แต่น้อย
“หนูถามพี่อยู่นะคะ”จู่ๆ เสียงแหลมเล็กของหญิงสาวดังขึ้นทำให้เขาหลุดจากภวังค์ความคิดนี่เขาเป็นอะไรไปอย่าบอกนะว่าจะชอบเด็กขึ้นมาจริงๆ น่ะ ไม่อยากจะคิดภาพเลยว่ามันจะเป็นยังไง
“อืม…ก็หิวเลยพามากินก่อนกลับบ้านไงทำไมกลัวพ่อแม่ตีเหรอ”
“หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะที่พ่อแม่จะมาคอยตี แต่กลัวเขาเป็นห่วงมากกว่า”ใช่ถ้าบุพการีทั้งสองรู้คงผิดหวังในตัวเธอมาก แต่ถึงยังไงท่านก็เชื่อใจเพราะคนอย่างเมวีญาโกหกไม่เป็นและไม่คิดว่าโกหกด้วย
“อืม! ดูก็รู้ว่าไม่เด็ก”สายตาคมปรายมองหน้าอกของเจ้าหล่อนเพียงเล็กน้อยด้วยสายตาอ่านกิน โดยที่เจ้าหล่อนไม่รู้ตัว
“กินข้าวก่อนเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ก็ได้ค่ะ!”
หลังจากสั่งอาหารและเครื่องดื่มระหว่างที่รอเมวีญาก็ก้มหน้าก้มหน้าเล่นแต่สมาร์ทโฟนของตนไม่สนใจคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เธอไม่ใช่พวกติดโซเซียลเพียงมองซีกหน้าชายหนุ่มแค่แวบเดียวหัวใจดวงน้อยก็สั่นไหวทุกที
“พะ…พี่ตี้คะ”เสียงหวานเรียกชื่อของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันก่อนจะล็อกมือถือของตนเอาวางไว้บนโต๊ะ และแขนเรียวทั้งสองข้างวางนาบลงยืดหลังตรง
“หืม!...”ปาร์ตี้ยกคิ้วขึ้นสูงด้วยความสงสัย
“คือหนูอยากรู้ว่าทำไมวันนี้พี่ถึงมารับหนูล่ะคะ” เธอเลือกที่จะถามสิ่งที่ค้างคาใจ แม้ไม่ได้รับคำตอบก็ยังดีที่ได้ถามออกไปไม่อย่างนั้นคงอกแตกตายเป็นแน่
“...”คนที่ไม่รู้จะตอบยังไงถึงกับมองหน้าหวานแน่นิ่งจนตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
“พี่ชอบหนูหรือเปล่า”พิชยุทธ์อยากจะเอาหัวฟาดโต๊ะนัก เด็กช่างพูดอะไรตรงไปตรงมาเสียเหลือเกินไม่มีเหนียมอายเลยสักนิด เป็นเขาเสียเองที่อึดอัดกับคำถามที่เขาเองไม่รู้แม้แต่คำตอบ
“จริงๆ แล้วคนที่ชอบน้องไม่ใช่พี่หรอกแต่เป็นไอ้ธีเพื่อนพี่เองแหละ”ทั้งที่ไม่อยากจะบอกให้เธอรู้ แต่เพราะกลัวว่าเธอจะชอบธีรดล เพียงคิดแค่นั้นหัวใจก็หล่นลงไปตาตุ่มแล้ว
“อ้าว! เหรอคะ”พยักหน้ารับรู้ทำตาลอกแลกเอียงหน้ามองคนตรงหน้านิ่ง อันที่จริงเธอดูออกว่าใครเป็นคนอยากได้เบอร์เธอในวันนั้นทั้งที่ไม่อยากให้แต่เพราะปาร์ตี้ที่ดึงโทรศัพท์เธอไปจนต้องจำยอมให้ไปทั้งที่กลัวว่าคนชื่อธีจะโทรมา แต่เปล่าเลยกับเป็นคนที่หญิงสาวมองและอ่อนให้กับดวงตาสีนิลพราวเสน่ห์นั้นต่างหาก
“อืม! พี่ก็แค่เป็นพ่อสื่อให้แค่นั้น”
“หนูไม่ได้ชอบพี่ธีนะคะ คนที่หนูชอบคือพี่ปาร์ตี้ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหนูไม่รู้ว่าอย่างที่เขาเรียก Love as first side หรือเปล่า”คนตรงไปตรงมาพูดอย่างไม่อายแถมพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำทุกประโยคจนสิงห์นักบิดที่ไม่เคยรู้สึกแคร์คำพูดใครหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันที
“พี่กับน้องเราห่างกันเกินไป!”เขาพูดถึงความเป็นจริงที่ว่าสักวันถ้ามีผู้ชายหล่อและเพอร์เฟกต์เข้ามาพัวพันหรือติดพันเธอความรู้สึกของเด็กกำลังโตคงจะเปลี่ยนจากเขาไปตลอดกาล เพราะเขากลัวการมีความรักที่มักทำให้เจ็บเมื่อหมดเยื้อใยให้กัน
“หนูไม่สนหรอกค่ะพี่ว่าเราจะแตกต่างกันด้วยเรื่องอะไรหนูบอกไปแล้วถือว่าโล่งอกถ้าหนูเก็บไว้ในใจอาจจะปวดหัวแล้วปวดใจก็ได้!”
“น้องยังเด็ก!”
“คำก็เด็กสองคำก็เด็กจะดูไหมล่ะคะ!”เมวีญาเดือดถึงกับผุดลุกขึ้นยืนตรงหน้า หนุ่มนักบิดเข้าใจยากอะไรนักหนาชอบคือชอบไม่ชอบก็บอกไม่ชอบสิจะยกเหตุผลร้อยแปดมาอ้างทำไม!
เมวีญาลุกขึ้นยืนก่อนทำท่าปลดเข็มขัดชุดนักเรียนออกโดยไม่แคร์สายตาผู้คนที่มองมายังเขาและเธอ
“เด็กบ้าจะทำอะไร ห๊ะ!”ชายหนุ่มรีบคว้าเข้าที่ข้อมือเล็กอย่างรวดเร็วที่จู่ๆ หญิงสาวทำทีจะปลดเข็มขัดออกจากเอวบาง
“ก็พี่บอกว่าหนูเด็กนิ!”ไม่ชอบให้ใครมาพูดแบบนี้เด็กที่ไหนทำไมแม่บอกว่าโตเป็นสาวแล้ว
“หนูก็จะ…”
“เงียบ! แล้วมานี่เลย”พิชยุทธ์ใช้มือปิดปากคนตัวเล็กเอาไว้ก่อน และยังเบี่ยงตัวออกจากเก้าอี้คว้าเอวคอด พลางกวาดสายตาคมมองคนที่เห็นเหตุการณ์โดยอ่านขาดยิ่งผู้ชายหน้าเถื่อนๆ ยิ่งแล้วใหญ่ เขาอยากจะไปควักลูกตามันออกนักกล้าดียังไงถึงมองผู้หญิงที่เขาพามาด้วย
“ทำบ้าอะไร!”เมื่อลากเมวีญาออกจากร้านเขาก็ถามเธออย่างหัวเสียคงไม่ใช่เพราะคำพูดเขาหรอกนะ
“ไม่อายคนมองบ้างหรือไง”เมื่อเห็นคนตัวเล็กก้มหน้า เขาถึงลดเสียงลงเป็นปกติแม้จะมีคุกรุ่นอยู่ในอกบ้างก็ตาม
“หนูขอโทษค่ะเมื่อกี้หนูโมโห ไม่ได้อยากทำจริง ๆ สักหน่อย”ร่างเล็กปล่อยน้ำตาที่คลอหน่วยออกมาอย่างเสียใจ ก่อนจะขยับร่างเข้าใกล้ชายหนุ่มแล้วกอดเอวสอบคนตัวใหญ่หลวมซบหน้าลงบนแผ่นอกกว้าง
พิชยุทธ์ถึงกับตัวแข็งทื่ออยากจะผลักเด็กสาวให้ออกห่างแต่ก็ทำไม่ได้เมื่อใจมันสั่งให้อยู่นิ่ง ฝ่ามือหนาค่อยๆ เตรียมจะลูบแผ่นหลังบางเพื่อปลอบประโลม แต่ยั้งมือไว้ทันไม่หลงใหลกับอาการออดอ้อนออเซาะของเธอ ทำให้หนุ่มนักรักถึงกับแน่นิ่งแต่หารู้ไม่ว่านั้นเป็นเพียงดอกไม้ที่แสนหวานแต่อาบไปด้วยยาพิษ
“หนูชอบพี่จริงๆ นะคะ”
