บทที่4
วาคุเอ่ยด้วยเสียงร่าเริงพร้อมกับอาหารที่ถูกนำมาส่งตรงหน้ากัน การได้มีใครสักคนอยู่ข้างๆ ในเวลาที่ฉันกำลังทุกข์มันก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกับที่วาคุว่า....บางครั้งฉันอาจจะอยู่คนเดียวนานเกินไปแล้วก็ได้
หรือบางครั้ง...ฉันอาจจะหนีมามากเกินพอแล้ว งั้นต่อไปจะไม่หนีความจริงดีไหมนะ ลองเสี่ยงเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตัวเองหนีมาตลอดสามปีจะดีรึเปล่า
มันจะดีจริงๆ อย่างงั้นเหรอ?
“ขอบคุณที่มาส่ง และก็ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อใหญ่ราคาแพงที่นายอุตส่าห์เลี้ยง ถ้ามีโอกาสฉันคงได้ตอบแทน”ฉันพูดขึ้นทันทีที่รถคันหรูเคลื่อนทะยานมาจอดอยู่หน้าบ้านเช่าที่เก่าแก่แต่ราคาถูก
“เรื่องเล็กน่า! สัญญาสิว่าฉันสามารถเจอเธอได้ทุกครั้งที่อยากเจอ”
“เอ๊ะ”
“ฝันดีครับ หวานใจ”
“.....” ฉันได้แต่ยืนโบกมือให้วาคุจนกระทั่งรถของเขาเคลื่อนทะยานหายวับไปกับตาก่อนจะเดินขึ้นหอพักด้วยความรู้สึกที่เบาหวิว ทำไมฉันถึงได้รู้สึกดีเวลาได้คุยกับเขากันนะ บางทีตอนนี้ฉันอาจจะไม่ได้เกลียดวง sweet ทั้งวงก็ได้ล่ะมั้ง เราอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันก็ได้ใครจะไปรู้
หลังจากไขกุญแจห้องฉันก็จัดการลงกลอนอย่างแน่นหนาพร้อมทั้งคล้องโซ่เอาไว้อีกทีเพื่อความปลอดภัยก่อนจะหันไปประจัญกับร่างสูงของใครบางคนที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง หัวใจที่เบิกบานกระตุกวูบล่วงหล่นลงพื้นทันทีที่มือหนากดสวิตโคมไฟที่หัวเตียง เผยให้เห็นนัยน์ตาสีดำทมิฬที่กำลังจับจ้องมาอยู่ที่ฉันอย่างไม่วางตา
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าอดีตแฟนมือกีต้าร์วง sweet ชื่อดังจะมาอยู่ในห้องโกโรโกโสที่เล็กเท่ารูหนูแบบนี้ได้”
ริมฝีปากหนากระตุกเบาๆ ในขณะที่ฉันไม่กล้าแม้กระทั่งจะเอ่ยปากพูดอะไรออกไป ในใจมีคำถามเป็นล้านๆ ข้อไม่ว่าจะเป็นเขามาทำอะไรที่นี้ เข้ามาในห้องของฉันได้ยังไง และอีกมากมายจนนับไม่ถ้วน....ทันทีที่ตั้งสติได้ฉันหมุนตัวเตรียมจะกระชากให้ประตูห้องเปิดออกเพราะวินาทีนี้ฉันยังไม่พร้อมจะเจอหน้าเขา
ปัง!
ประตูบานหนาถูกมือแกร่งดันให้ปิดลงเพียงเศษเสี้ยววินาทีก่อนร่างฉันจะถูกกระชากให้ต้องหันไปเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง มือแกร่งทั้งสองค้ำประตูเอาไว้อย่างหนาแน่นเพื่อทำให้ฉันหมดทางหนีและมันก็เป็นไปตามคาด เพราะการกระทำที่อุกอาจของเขาทำให้ฉันถึงทางตันได้จริงๆ
สายตาเกลียดชังที่เขากำลังจ้องตรงมาที่ฉันนั้น มันไม่ได้ต่างอะไรจากมีดพันเล่มที่พร้อมใจตรงดิ่งลอยมาแทบแทงใจฉันเลยสักนิด สายของเขา...มันสื่อได้ว่าเขาเกลียดฉันมากแล้วจริงๆ
“หนีพอแล้วรึไง...” คำพูดเบาๆ ถูกกระซิบอย่างเชื่องช้าทำให้ฉันสัมผัสได้ถึงกลิ่นแอลกอฮอล์บวกกับบุหรี่อ่อนๆ ที่ลอยเข้ามา
“ระ...เรน” ฉันเอ่ยเรียกชื่อของเขาเบาๆ พร้อมทั้งพยายามดันแผงอกแกร่งให้ถอยออกจากตัวแต่ก็ไร้ผลเมื่อมือหนาจัดการสะบัดมือฉันออกห่างจากตัวก่อนที่ฉันจะได้ทันสัมผัสถึงตัวเขาด้วยซ้ำ เรนในตอนนี้น่ากลัวจริงๆ
“อย่ามาเรียกชื่อฉัน! เธอคิดว่าสถานะของตัวเองมันมีมากพอที่จะเรียกชื่อฉันอย่างสนิทสนมรึไง อย่าลืมสิว่าตอนนี้ฉันเป็นใครแล้วเธอเป็นใคร”
น้ำตาฉันไหลออกมาเป็นทางทันทีที่สิ้นเสียงตวาด ดวงตาเย็นชามองฉันอยู่ครู่ก่อนจะกระชากฉันให้พ้นประตูห้องอย่างแรงจนฉันล้มพับลงไปกองอยู่ที่พื้น ความเจ็บที่ได้รับยังไม่ถึงครึ่งของความเจ็บที่ถูกจ้องมองด้วยสายตาเชือดเชือนที่เป็นอยู่
“ไหนว่าจะหายไปจากชีวิตฉันตลอดกาลยังไง แล้วเธอโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีกทำไม หรือเพราะตอนนี้ฉันรวย มีชื่อเสียง ไม่ใช่ไอ้หน้าโง่ที่มีเพียงความฝันล้มๆ แล้งๆ ผู้หญิงเลวๆ อย่างเธอไม่มีสิทธิ์มาแปะโปสเตอร์พวกนี้ด้วยซ้ำ!!” สิ้นเสียงตวาดมือหนาก็จัดการกระชากโปรเตอร์ที่ถูกแปะไปทั่วห้องออกอย่างบ้าคลั้ง เขาไม่สมควรเข้ามาในห้องนี้เลยจริงๆ ไม่สมควรจะได้เห็นโปสเตอร์พวกนั้นที่ล้วนแต่เป็นรูปถ่ายของเขาทั้งสิ้น นั่นมันหมายความว่ายังไง....เขาคงจะรู้คำตอบดีกว่าใครในโลกนี้ที่สุด
หรือถ้าไม่รู้ฉันจะสารภาพให้เขารู้ซะตอนนี้ก็ยังได้ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีเลยสักวินาทีที่ฉันจะลืมเขา ไม่มีเลยจริงๆ
“ฉัน...ขอโทษ”
