บท
ตั้งค่า

9. สมุนไพรพอกหน้า

พญานาคาตนใหญ่เลื้อยเข้ามาในโถงเรือนเหมือนเคย เหล่านาคีสาวต่างก็กรูเข้ามาปรนนิบัติพัดวีตามกิจวัตร ทว่าวันนี้นาคาหนุ่มกลับรู้สึกว่ามีบางสิ่งขาดหายไป

ลำตัวมีเกล็ด แปรเปลี่ยนมาอยู่ในร่างมนุษย์ พลางหันมองซ้ายทีขวาที

“กษมาอยู่ที่ใด ตั้งแต่ข้าเข้ามายังไม่เห็นหน้า”

“ถามหาเขาด้วยเหตุใดเจ้าคะ ให้บัวงามปรนนิบัติท่านดีกว่าเจ้าค่ะ” นาคีสาวบดเบียดหน้าอกอันใหญ่โต ลงกับแขนกำยำหวังยั่วยวนบุรุษตรงหน้า แต่กลับโดนตาคมตวัดมองเชิงตำหนิ

“วารี ว่าอย่างไร”

“กษมาขอลาพักเจ้าค่ะ มิได้บอกเหตุผลไว้” วารีพูดไปตามที่รู้มา

“อืม พวกเจ้าออกไปได้แล้ว ข้าจะพักผ่อนเสียหน่อย” เมื่อได้รับคำสั่ง เหล่านาคีก็มิได้รั้งรอ รีบเดินออกจากห้องโถงไป ทิ้งให้อคินธิษณ์อยู่กับตะขบเพียงลำพัง

“ตะขบ เจ้าว่าเหตุใดกษมาจึงขอลาพัก”

“คงจะเหนื่อยจากงานขอรับ พี่กษมาชอบมาบ่นกับข้าว่าเหนื่อย อยากร้องไห้ขอรับ”

“งั้นหรือ” อคินธิษณ์ยกมือขึ้นลูบคาง พลางนึกว่าตนเองได้กระทำสิ่งใดให้กษมามิพอใจหรือไม่

ตั้งแต่วันที่เขารับรู้ว่ากษมามีใจให้เขา ก็ผ่านมาสามวันแล้ว ตลอดสามวันที่ผ่านมา เขาก็มิได้กระทำการหยามน้ำใจอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังเห็นอกเห็นใจด้วยซ้ำ

ขนาดตอนที่กษมา เข้ามาเห็นเขากำลังอยู่กับบัวงาม เขาถึงกับหยุดการกระทำ แล้วไล่บัวงามออกไป เพื่อมิให้กระทบกระเทือนจิตใจของอีกฝ่าย

“ข้าก็มิได้ทำท่ารังเกียจรังงอน แถมยังให้โอกาสใกล้ชิดข้ามากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ เด็กนั่นน่าจะชอบมิใช่หรือ” ตลอดสามวันที่ผ่านมา เขาพยายามเรียกใช้กษมาให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะอยากอยู่ใกล้เขา

‘ข้าจะให้กษมาอาบน้ำ ขัดตัวให้ เพียงผู้เดียว’

‘กษมา เจ้ามาบีบนวดให้ข้า’

‘เจ้าช่วยจัดเรือนนอนให้ข้าใหม่ที กษมา’ ไม่ว่าจะทำอันใด เขาก็เรียกใช้อีกฝ่าย ยอมให้ตัวติดกันถึงเพียงนี้แล้ว ยังจะทำพ่อแง่แม่งอนอยู่อีกหรือ

“เฮ้อ! เด็กน้อยเอาใจยากเสียจริง…ตะขบ”

“ขอรับ”

“เตรียมตัวออกไปลาดตระเวน ขากลับข้าจะแวะเรือนปัญฐกะเสียหน่อย”

“แต่นายท่านสั่งให้ท่านปัญฐกะไปสืบหาตัว คนที่ก่อเรื่องในงานประลองนะขอรับ ถึงไปที่เรือน เราก็ไม่เจอท่านปัญฐกะอยู่ดี” ตะขบเอ่ยเตือน เพราะไม่อยากให้นายไปเสียเที่ยว

“มิได้ไปหาปัญฐกะ ข้าจะแวะไปดูเด็กขี้น้อยใจเสียหน่อย หวังว่าคงไม่นอนร้องไห้งอแงนะ” เฮ้อ! หากกษมามิได้เป็นน้องชายปัญฐกะ เขาคงใจอ่อน ยอมให้เด็กหนุ่มมาปรนนิบัติบนเตียงเสียแล้ว

ด้านกษมาที่วันนี้ขอพี่วารีลาพัก ก็นอนขดอยู่บนที่นอนจนสาย จึงจะลุกออกมาทำกับข้าวกับปลากิน ยังดีที่ช่วงนี้ท่านปู่กับพี่ปัญฐกะ ลดการให้ทานคนอื่นลง ในเรือนจึงมีวัตถุดิบเพียงพอ โดยที่กษมาไม่ต้องออกไปซื้อทุกเช้า

“เหตุใดวันนี้หลานปู่มิไปทำงานเล่า”

“ข้าเหนื่อยขอรับท่านปู่ ท่านอคินธิษณ์ใช้งานข้าไม่หยุดหย่อนเลยขอรับ พอได้เงินมาจึงขอลาหยุดเสียเลย จะได้มีเวลาคิดสร้างกิจการของตัวเองด้วย”

เมื่อวานเป็นวันที่เขาทำงานครบห้าวัน จึงได้ไปทวงเงินจากเจ้านาย พอได้รับเงินมาก็ขอหยุดพักทันที

ความเหนื่อยอ่อนจากการคอยดูแล เอาอกเอาใจ และทำตามคำสั่งท่านอคินธิษณ์ ทำให้เด็กหนุ่มคิดได้ว่า เขาควรจะลองสร้างกิจการเป็นของตนเองดู

“กิจการหรือ”

“ขอรับท่านปู่ ข้าคิดว่าการเป็นนายตัวเอง น่าจะเหมาะกับข้ามากกว่า”

“แล้วเจ้าอยากทำสิ่งใดเล่า จะไม่ไปทำงานกับท่านอคินธิษณ์แล้วหรือ”

“ยังทำเหมือนเดิมขอรับท่านปู่ ข้าคิดว่าจะเอาเงินทองที่ได้จากการทำงานกับท่านอคินธิษณ์มาเป็นทุน สร้างกิจการ เมื่อใดที่กิจการของข้ารุ่งเรือง จึงจะลาออกขอรับ” กษมาพูดไปก็ตักอาหารเข้าปากไป

“เช่นนั้นเจ้าคิดจะตั้งกิจการใด”

“สมุนไพรพอกหน้า และขัดตัวขอรับ” เดิมทีกษมาคิดจะขายอาหาร แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว มีเพียงสรรพสัตว์ที่มีอิทธิฤทธิ์น้อยเท่านั้น ที่จะซื้ออาหารไปทาน

แต่หากทำเครื่องประทินผิว ของบำรุงผิวพรรณ ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องรักษาความสะอาดกันทั้งนั้น โดยเฉพาะเหล่าสตรีที่รักสวยรักงาม

“หากคิดไว้แล้ว ก็ลองทำดูเถิด มีสิ่งใดให้ช่วยก็บอกปู่กับพี่ของเจ้าได้”

“ขอบพระคุณขอรับท่านปู่”

“แต่วันนี้ปู่คงอยู่ช่วยมิได้ เพราะมีนัดหมายกับผู้อาวุโสท่านอื่น เจ้าอยู่เรือนผู้เดียวก็ระวังตัวด้วยเล่า”

“ท่านปู่มิต้องเป็นห่วงขอรับ ท่านรีบไปเถิด” กษมาตบอกตนเองเพื่อยืนยันว่าเขาสามารถดูแลตัวเองได้

หลังจากที่ท่านปู่ออกไป กษมาก็ลองนำพืชสมุนไพรที่พี่ชายเก็บมาให้เมื่อวาน มาล้างทำความสะอาด มีทั้งขมิ้น มะขาม แก่นมะหาด และสมุนไพรชนิดอื่นอีกหลายชนิด

แต่วันนี้เขาจะลองใช้ขมิ้นดูก่อน เพราะเคยเห็นสายธารเพื่อนยากของเขา นำมาพอกหน้าอยู่บ่อยครั้ง

หนุ่มน้อยเตรียมอุปกรณ์ ของใช้ต่างๆ ที่จำเป็น ออกมานั่งที่สวนหลังเรือน แม้ว่าสวนของเขาจะไม่ใหญ่โตเท่าเรือนท่านอคินธิษณ์ แต่ที่ตรงนี้ก็ร่มรื่น มีสระขนาดกลางไว้ชำระกาย

“อืม เริ่มจากล้างขมิ้นก่อนก็แล้วกัน” ขมิ้นถูกนำมาขัดถู ล้างคราบดินโคลนออก ก่อนที่กษมาจะทำการปอกเปลือกและซอยเป็นแผ่นบางๆ เมื่อทำเช่นนั้นแล้ว ก็นำไปตากไว้ให้แห้ง รออยู่นานกว่าจะสามารถนำมาตำให้เป็นผงได้

“เรียบร้อย แต่คราวหลังคงต้องตากให้แห้งกว่านี้…ต่อไปก็เอาน้ำผึ้งกับน้ำมะนาวมาผสม” ยังไม่ทันที่กษมาจะนำส่วนผสมทั้งหมดมาคนรวมกัน ก็ได้ยินเสียงเรียกจากหน้าประตูเรือน

เท้าเล็กจึงรีบวิ่งออกไปดู กลัวว่าคนที่มาเรียกจะมีกิจธุระจำเป็นต้องพูดคุยกับท่านปู่และพี่ชายของเขา

“มาแล้วขอรับๆ อ่าว ท่านอคินธิษณ์ พี่ปัญฐกะไม่อยู่เรือนขอรับ”

“ข้ารู้ แล้วข้าก็มิได้มาหาปัญฐกะ”

“อ่อ หากท่านมาหาท่านปู่ ก็ไม่อยู่เช่นกันขอรับ” กษมาตอบออกไปชัดถ้อยชัดคำ ไม่ว่าจะท่านพี่ปัญฐกะหรือท่านปู่ ก็ไม่มีใครอยู่เรือนทั้งนั้น

“จิ๊ ข้ามาหาเจ้า มาดูว่าเจ้าแอบน้อยใจข้าจนร้องไห้โยเยหรือไม่”

“หา! ข้าจะร้องไห้โยเยด้วยเหตุใด ที่ข้าขอหยุด เพราะอยากพักมาทำกิจการของตนเองต่างหาก มิได้น้อยใจ” แขนเล็กยกขึ้นกอดอก พลางเชิดหน้าบอกให้ผู้เป็นนายรู้ ว่าเขาเองก็มิได้สิ้นไร้ไม้ตอก

หากกิจการรุ่งเรืองเมื่อใด เขาจะลาออกจากการเป็นบริวารของอีกฝ่ายทันที

“เจ้าน่ะหรือ จะสร้างกิจการ ฮ่าๆ”

“ใช่สิขอรับ ข้าจะทำสมุนไพรพอกหน้า ผู้ใดได้ใช้ ก็จะมีใบหน้ากระจ่างใส เป็นธรรมชาติ นี่ๆ รอยด่างดำพวกนี้ก็จะหายไปด้วย” นิ้วชี้จิ้มไปที่รอยกระเล็กๆ บนใบหน้าของอคินธิษณ์อย่างไม่นึกกลัว

“ข้ามิเชื่อ”

“หากมิเชื่อก็เข้ามาลองสิขอรับ ข้ากำลังจะทำอยู่เลย ตะขบอยากลองด้วยหรือไม่” กษมายื่นหน้าออกไปถามเจ้าตะขบตัวน้อย ที่ยืนอยู่หลังอคินธิษณ์

“ข้าอยากลองขอรับพี่กษมา”

“มาๆ ถ้าอยากลองก็เข้ามาเลย ใครไม่อยากลอง ก็ปล่อยให้อยู่นอกเรือนรอ” ว่าแล้วกษมาก็เอี้ยวตัวไปจูงแขนตะขบเข้ามาในเรือน

อคินธิษณ์ที่ถูกทิ้งจึงเสียหน้าเป็นอย่างมาก ขาแกร่งเร่งเดินฝ่ากลางระหว่างตะขบและกษมา ตรงเข้าไปในเรือนทันที

“ตะขบ เจ้ามิต้องลอง ข้าจะลองคนแรก”

“แต่พี่กษมาบอกว่าจะให้ตะขบลองก่อนนะขอรับ”

“จิ๊ เจ้าเด็กนี่ กล้าขัดคำสั่งหรือ” อคินธิษณ์หันไปเอ็ดตะขบ นาคน้อยจึงรีบวิ่งเข้าไปซ่อนหลังกษมา

“เอาเถิดๆ ข้าจะทำให้ท่านอคินธิษณ์ก่อน ตะขบไปเอาผลไม้ดองที่ข้าทำไว้มาทานระหว่างรอเถิด”

“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ” เมื่อตะขบเดินจากไป กษมาก็พาอคินธิษณ์มาดูสมุนไพรพอกหน้าที่เขาทำขึ้นมาเอง คนตัวเล็กกว่าจัดแจงที่ทางให้ร่างสูงนั่งลง ก่อนจะเอาส่วนผสมต่างๆ มาคนเข้าด้วยกัน

สูตรนี้สายธารเคยทำให้เขาใช้มาก่อน ได้ผลดีมากทีเดียว เขาจึงจดจำมาทำดูบ้าง ว่าแล้วก็อดนึกถึงเพื่อนขึ้นมาจับใจ

“แน่ใจหรือว่าใช้ได้ผล หากนำไปขายแล้วผู้อื่นเสียโฉมขึ้นมา จะว่าอย่างไร”

“มันใช้ได้ผลขอรับ ท่านนี่ใจเสาะเสียจริง เพียงแค่ลองใช้สมุนไพรพอกหน้าก็ยังกลัว” กษมาถอนหายใจยาวเหยียด พลางส่ายหน้า

“ข้ามิได้กลัว! เอาสิ จะทำสิ่งใดก็รีบทำ”

“เช่นนั้นก็นอนลงขอรับ” อคินธิษณ์มองไปตามทิศทางที่มือเรียวชี้ไป ก็เข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการให้เขาหนุนหินก้อนโตแทนหมอน

“มันแข็ง ข้าไม่นอน”

“เรื่องมากเสียจริง เช่นนั้นก็มานอนบนตักข้าขอรับ” กษมานั่งขัดสมาธิ ก่อนจะดึงตัวอีกฝ่ายให้นอนลง มือขาวปาดเอาสมุนไพรพอกหน้าที่ทำขึ้น มาทาทั่วใบหน้าหล่อเหลา

ปากเล็กยกยิ้มเปล่งประกาย เขาได้พญานาคาที่หล่อเหลาอย่างท่านอคินธิษณ์มาเป็นตัวทดลองเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดียิ่ง เขาจะได้นำไปอวดอ้าง ว่าสมุนไพรพอกหน้าของเขาใช้ได้ผลจริง ถึงครานั้นทั่วป่าหิมพานต์จะต้องรู้จัก สมุนไพรพอกหน้าตรากษมา

“ผลไม้มาแล้วขอรับ”

“ป้อนข้าทีตะขบ” อคินธิษณ์อ้าปากรอรับผลไม้ กษมามองตะขบเข้ามานั่งขัดสมาธิ ป้อนผลไม้ดองให้ท่านอคินธิษณ์ ก็นึกตลก หากไม่รู้มาก่อน เขาคงคิดว่าทั้งสองเป็นพ่อลูกกัน ดูที หยอกล้อกันอย่างกับครอบครัวสุขสันต์

แต่เอ๊ะ! สถานการณ์เช่นนี้ ผู้ใดมีบทบาทเป็นแม่เล่า

เมื่อลองพินิจอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าขาวก็แดงก่ำขึ้นมาทันใด ท่านอคินธิษณ์นอนตักเขา เจ้าตะขบตัวน้อยป้อนผลไม้ให้ทั้งเขาและคนที่นอนอยู่ หากคิดว่าตะขบกับท่านอคินธิษณ์เป็นพ่อลูก คนเป็นแม่คงหนีไม่พ้น…

“กษมา เสร็จแล้วหรือ ข้าเห็นเจ้าหยุดนิ่งไป”

“เอ่อ สะ เสร็จแล้วขอรับ ทะ ท่านลุกออกไปเถิด” กษมารีบดันให้นาคาหนุ่มลุกขึ้นนั่ง ก่อนที่ตนเองจะหันมาเก็บข้าวของไว้เป็นที่เป็นทาง ในใจก็นึกอยากเอาหัวจุ่มน้ำ ลงโทษตัวเองที่คิดเรื่องไม่เข้าท่า

“แล้วต้องล้างออกเมื่อใด”

“สักพักขอรับ ระหว่างนี้ข้าจะเล่นน้ำรอ ตะขบ มาเล่นน้ำในสระกับข้าหรือไม่”

“เล่นขอรับ” ว่าแล้วเจ้าเด็กน้อยก็แปลงกายกลับไปเป็นนาคทันที ร่างของตะขบเป็นนาคาสีเขียว ลำตัวเล็ก หากจะให้เทียบก็ประมาณขาของกษมาเท่านั้น

เด็กหนุ่มกระโดดลงสระ พลางใช้มือวักน้ำใส่ตะขบ เล่นกันสนุกสนาน จนอคินธิษณ์ยังอดใจไม่ไหว ลงมาเล่นน้ำด้วย ทั้งที่กำลังพอกหน้าด้วยสมุนไพรอยู่ ยิ่งเล่น ก็เหมือนว่าทุกคนจะยิ่งสนุกสนาน จนลืมไปว่าจะต้องล้างสมุนไพรออก

กว่าจะนึกได้ เวลาก็ผ่านมานานหลายชั่วยามแล้ว

“ข้าลืมไปเสียสนิท ท่านอคินธิษณ์มาล้างสมุนไพรออกเถิดขอรับ”

“พอกไว้นานเช่นนี้จะเป็นอันใดหรือไม่”

“ไม่เป็นไรขอรับ ยิ่งจะทำให้หน้าขาวผ่องกว่าเดิม” …คิดว่านะ

นั่นเป็นคำที่กษมาพูดในใจ ก่อนจะเริ่มใช้ผ้าชุบน้ำ เช็ดสมุนไพรออกจากหน้าคมเข้ม แล้วใช้น้ำเปล่าล้างอีกสามสี่รอบ

“อึก!”

“เป็นอย่างไร ผิวของข้ากระจ่างใสขึ้นหรือไม่ แต่อันที่จริงหน้าข้าก็เปล่งประกายอยู่แล้ว” คำถามของอคินธิษณ์ ทำเอากษมาและตะขบหันมองหน้ากัน เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ใบหน้าขาวอมชมพู เริ่มซีดเผือดลงเรื่อยๆ

“ทะ ท่านดูเองเถิดขอรับ แหะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel