
บทย่อ
รถชน เรือล่ม ไฟไหม้ ไม่ตาย แต่กลับมาตายเพราะตกท่อ!!? หลังจากตายก็คิดว่าจะไปสบายอย่างคนเขาว่า ที่ไหนได้ กษมากลับถูกกุมารทองลักพาตัวมาเสียอย่างนั้น ว่าแต่…กุมารทองมีหงอนด้วยหรือ
1. ดวงจิตลอยละล่อง
บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ก่อสร้าง มักเป็นที่เปลี่ยวร้างในตอนกลางคืน แต่บัดนี้กลับส่องสว่าง เพราะมีแสงไฟและเสียงไซเรนดังไปทั่วทั้งบริเวณ ภาพพยาบาลชุดขาวและเจ้าหน้าที่กู้ภัย ผลัดกันเข้ามาปั๊มหัวใจให้เด็กหนุ่มที่นอนแน่นิ่ง ตกอยู่ในสายตาของกษมาทั้งหมด
ดวงจิตเร่ร่อนได้แต่ทอดมองไปตรงหน้าอย่างสิ้นหวัง หยดน้ำสีใสไหลรินจากหน่วยตาด้วยความเสียใจ จากเด็กหนุ่มที่มุทะลุ ชอบสรวลเสเฮฮา บัดนี้กลับยืนนิ่งไม่ไหวติง น้ำเสียงเวทนาของผู้คนที่เข้ามามุงดู มิได้ปลอบประโลมให้กษมาหายโศกเศร้าได้เลยสักนิด
ใช่...เด็กหนุ่มที่ทุกคนกำลังช่วย คือเขาเอง
ตั้งแต่จำความได้ กษมาผ่านเรื่องเฉียดตายมาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งรถชน เรือล่ม ไฟไหม้ หรือกระทั่งโดนยิง แต่ทุกครั้งเขาก็รอดพ้นมาได้อย่างหวุดหวิด ทว่าคนที่ต้องมารับเคราะห์แทน กลับเป็นคนที่อยู่ข้างกายเขา
และครั้งนี้ก็เช่นกัน…
คืนวันนี้กษมาออกมาเดินเล่น ตามคำชวนของเพื่อน ระหว่างทางที่พวกเขาเดินไป พูดคุยกันไป เท้าของเขาก็สะดุดเข้ากับฝาท่อระบายน้ำ เพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงคว้าแขนเขาเอาไว้
ทำให้พวกเขาทั้งสองพากันตกลงไปในท่อระบายน้ำ ที่ปิดไม่สนิท ตอนนั้นกษมารู้สึกเพียงว่าเจ็บจี๊ดที่ศีรษะ ก่อนทุกอย่างจะมืดดับไป
พอได้สติขึ้นมา ก็พบว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัย กำลังช่วยชีวิตของเขาและเพื่อนอยู่ แต่ก็ไม่เป็นผล
สายธาร เพื่อนรักของเขาเสียชีวิตไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงไม่เห็นดวงวิญญาณของเพื่อน หลุดลอยออกมาจากร่าง เหมือนที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้
‘ขอโทษนะไอ้ธาร เพราะมึงยอมเป็นเพื่อนกู มึงถึงต้องมาตายแบบนี้’ ในตาสีน้ำตาลจ้องมองไปยังร่าง ที่ถูกผ้าขาวปกคลุมไว้ นึกโทษตัวเอง ว่าเขาคงเป็นตัวซวยอย่างที่ใครเขาบอกกัน
‘ขอให้มึงไปสู่ภพภูมิที่ดีนะไอ้ธาร ถ้าตกนรก อึก ก็ขอให้มึงอยู่กระทะที่ไม่ร้อนมาก ขอให้ต้นงิ้วที่มึงปีนหนามมันทู่ มึงจะได้ไม่เจ็บ ฮึก! กูดีใจที่ได้เป็นเพื่อนมึงนะเว้ย ฮื่ออออ’ พูดไป ก็เบะปากร้องไห้เสียงดังอย่างไม่นึกอายใคร เพราะอย่างไรผู้คนที่อยู่บริเวณนี้ก็ไม่ได้ยินเขาอยู่แล้ว
‘ถะ ถ้ามึงได้ไปเกิดก่อนกู มึงอย่าลืมทำบุญให้กูด้วยนะ…แต่ถ้ากูไปเกิดก่อนมึง กูสัญญาว่าจะเผาเครื่องสำอาง เสื้อผ้า ครีมบำรุงผิวไปให้ ฮื่อ~ มึงชอบใช่ไหมล่ะ กูจะเผาสแตนดี้ผู้ชายหล่อๆ ไปให้มึงด้วย’ สายธารเป็นเพื่อนคนเดียวที่เขามี มันเป็นตุ๊ดน้อยที่ทั้งน่ารักและนิสัยดี สายธารชอบเรียกเขาว่าเพื่อนสาว ทั้งที่เขาก็ไม่ได้ออกสาวขนาดนั้น แม้ว่ามันจะขี้บ่นและปากมากไปบ้าง แต่เขาก็รักมันเหมือนพี่น้องที่คลานตามกันมา
จากนี้คงไม่ได้พบกันอีกแล้วสินะ
‘ลาก่อนนะเพื่อนยาก…’ มือเล็กถูกยกขึ้นปาดน้ำตา เฝ้ามองเจ้าหน้าที่นำร่างของพวกเขาขึ้นรถไป ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นยังคงพูดคุยเรื่องอุบัติเหตุ ส่วนเจ้าหน้าที่ก็กำลังยุ่งอยู่กับการตรวจสอบสถานที่
ทั้งที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่ แต่กษมากลับขอความช่วยเหลือจากผู้ใดมิได้เลย เขาไม่รู้ว่าจากนี้จะต้องทำอย่างไรต่อ เขาควรอยู่ตรงนี้ หรือควรไปที่ใด
‘กะ เกิดอันใดขึ้น เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!’
ทว่าระหว่างที่กำลังยืนเหม่ออยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงทุ้มดังมาจากด้านหลัง พอหันกลับไปดู ก็เห็นเป็นชายหนุ่มกล้ามแน่น นุ่งเพียงโจงกระเบนสีเหลืองทอง
เดิมทีกษมาไม่คิดว่าอีกฝ่ายพูดคุยกับเขา แต่ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นไม่ได้ตอบกลับชายหนุ่ม และยังคงนิ่งเฉย ราวกับไม่ได้ยินคำถามเมื่อครู่
‘ข้าถามว่าเกิดสิ่งใดขึ้น หะ เหตุใดดวงจิตของเจ้าออกมาจากร่างเช่นนี้!!!’ สีหน้าตกใจ ปนตื่นตระหนกของชายตรงหน้า ยิ่งทำให้กษมามึนงงเข้าไปใหญ่
‘เอ่อ ตกท่อ ผมตกท่อครับ’
‘หา! เติบใหญ่ถึงเพียงนี้แล้ว เจ้ายังเดินตกท่ออีกหรือ โง่เง่าเต่าตุ่นเสียจริง!ปัญฐกะต้องฆ่าข้าเป็นแน่’
‘กะ ก็มันมืด แล้วคุณเป็นใคร เป็นท่านยมบาลเหรอ’ กษมามองสำรวจชายหนุ่มที่ก่นด่าเขา ตั้งแต่หัวจรดเท้า
ผมขลับดำยาวลงมาถึงกลางหลัง องค์ประกอบบนใบหน้าดูสมส่วนและคมเข้มอย่างกับดาราฮอลลีวูด เลื่อนสายตาลงมาที่คอ ก็พบสร้อยทองลวดลายไทยขนาดใหญ่ ไม่เพียงแต่บนคอ ขนาดตรงแขนก็ยังใส่ ข้อมือทั้งสองข้างก็ยังมี ยังไม่รวมที่นิ้วและข้อเท้าอีก
โอ้โห! อย่างกับร้านทองเคลื่อนที่
‘ยมบาล! เจ้ามองดูให้ถี่ถ้วน ดวงหน้าตาหล่อเหลา ผิวกายขาวเนียนราวกับเด็กแรกเกิดเช่นนี้ ข้าสมควรเป็นบริวารของพญายมหรือ’
‘อ่า ขอโทษท่านด้วย ฮ่าๆ ผมเป็นพวกตาไม่มีแวว มองไม่ออกได้ยังไงว่าท่านเป็นกุมารทอง’ กษมายกมือไหว้ ขอโทษขอโพยเสียยกใหญ่ ก็เห็นๆ กันอยู่ ว่าอีกฝ่ายใส่สีทองตั้งแต่หัวจรดเท้า ยังคิดว่าเป็นยมบาลเสียได้
ดูสิ ชายหนุ่มโกรธจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว
‘…’
‘แล้วนี่ท่านก็เป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่แถวนี้เหรอ คงตายมานานแล้วสินะ เลยโตขนาดนี้’ ตั้งแต่เล็กจนโต เขาเข้าใจว่ากุมารทองจะต้องเป็นวิญญาณเด็ก แต่ท่านผู้นี้สูงใหญ่ ทั้งยังกล้ามเป็นมัดๆ ตีความได้อย่างเดียวว่าต้องตายมานานมากแล้ว ถึงได้โตขึ้นขนาดนี้
‘…’
‘เป็นผีนี่ก็ดีนะ มีเวลาออกกำลังกายด้วย กล้ามแน่นเชียว แหะๆ โอ๊ย! ท่านตีผมทำไม’
‘เจ้านี่มีตาไว้เพียงประดับหน้าหรือ ข้ามิใช่ยมบาล และมิได้เป็นกุมารทองด้วย’
‘อ่าว แล้วท่านเป็นอะไร’
‘ให้ข้าสาธยายตอนนี้ เรื่องราวมันจะยืดยาว เจ้าตามข้ามาก่อน’ ชายหนุ่มว่าออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดที่ถูกทักผิด มือใหญ่จึงฉุดกระชากร่างเล็กกว่าให้เดินตาม ทั้งที่ยังมีอารมณ์คุกรุ่นอยู่ในใจ
อย่างไรเรื่องนี้ก็ถือเป็นความรับผิดชอบของเขา พากลับไปด้วยกันเสียก่อน ค่อยมาคิดหาวิธีแก้ไข
‘ท่านจะพาผมไปไหน ว๊ากกกก!’ กษมาที่ถูกฉุดกระชากมาตามแรง หวีดร้องออกมาอย่างขวัญเสีย เพราะตัวเขาถูกพาทะยานขึ้นฟ้าด้วยความเร็วยิ่งกว่าจรวด
‘ปล่อยผมลง ย๊าก! ไม่ๆ อย่าปล่อยผม ฮื่อ’ เนื้อตัวของเด็กหนุ่มสั่นเทาราวกับถูกไข้ป่าเล่นงาน ขาทั้งคู่ยกขึ้นเกี่ยวเอวสอบไว้ ส่วนแขนเล็กก็เกาะบ่าแกร่งแน่น ซุกหน้าลงกับกล้ามอกกำยำ ไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมาดูทิวทัศน์แวดล้อมที่เปลี่ยนไป
ฮื่อ ทั้งที่ไม่มีปีกแท้ๆ แต่กลับพุ่งขึ้นฟ้าได้ หรือว่าชายคนนี้จะเป็นผีพุ่งใต้…?
คร่ำครวญอยู่ไม่นาน กษมาก็รู้สึกได้ว่าพวกเขาร่วงหล่นลงมาอย่างกับนกปีกหัก นาทีนั้นกษมาคิดไว้แล้ว ว่าเขาต้องตายอีกรอบเป็นแน่ ทว่าขาของเขากลับลงมายืนอยู่บนพื้นดินด้วยความนุ่มนวลเสียอย่างนั้น
“แม้กลิ่นกายข้าจะหอม แต่มันก็มิได้มีไว้ให้เจ้าซุกซบ ออกไปได้แล้ว” กษมาเบ้ปากเล็กน้อย ก่อนจะถอยห่างออกมา ท่านผู้นี้นอกจากจะปากมาก ด่าเจ็บแล้ว ยังเป็นพวกหลงตัวเองขั้นสุด ขนาดว่ากษมาพบเจอเพียงไม่นาน ก็สามารถรับรู้ได้ในทันที
เด็กหนุ่มบ่นอุบในใจ แต่เมื่อได้สังเกตรอบข้าง ปากเล็กถึงกับอ้าค้าง จนยุงแทบจะเข้าไปวางไข่ได้
สถานที่ที่กษมากำลังยืนอยู่ตอนนี้ ต้องเป็นป่าอย่างแน่นอน เพราะมองไปทางใดก็แต่ต้นไม้ใบหญ้า ทว่าสิ่งที่น่าแปลก คือพันธุ์ไม้นานาชนิด ไม่เหมือนกับที่เขาพบเห็น มีรูปร่างยึกยือแปลกประหลาด กระนั้นก็ดูงดงาม ล่อตาล่อใจ ชวนให้เข้าไปสัมผัส
ต้นไม้ใหญ่เท่าสิบคนโอบ สูงลิบจนมองแทบไม่เห็นยอด มีเถาวัลย์คดงอโยงใยกันหนาตา แต่แทนที่บริเวณนี้จะมืดมิดเพราะถูกต้นไม้ปกคลุม กลับมีแสงเรืองรองส่องสว่าง มาจากดอกไม้ที่ขึ้นบริเวณนั้น จนมองเห็นรอบข้างอย่างชัดเจน
“สวยจัง” ปากเล็กคลี่ยิ้มออกมาด้วยความหลงใหล
“หึ ยินดีต้องรับสู่หิมวันต์ หรือป่าหิมพานต์ที่เจ้าเคยได้ยิน”
“!!!?”
