บท
ตั้งค่า

7. วันเดียวก็เกินพอ

‘ทำงานกับท่านอคินธิษณ์’

‘ทำงานกับท่านอคินธิษณ์’

‘ทำงานกับท่านอคินธิษณ์’

คำพูดของปัญฐกะยังคงวนเวียนอยู่ในศีรษะเล็กครั้งแล้วครั้งเล่า ขนาดว่ากษมาเข้ามานั่งพับผ้ากับบริวารนาคีทั้งหลาย ที่เรือนของท่านอคินธิษณ์แล้ว ประโยคนั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่

“พับเช่นนี้ หากทำเช่นนั้นจะทำให้ผ้าเป็นรอยหลายทับ”

“ขอรับ” กษมาเอ่ยตอบเสียงยาน หากให้นึกย้อนกลับไปเมื่อวาน เขาค้านหัวชนฝา ว่าไม่อยากมาทำงานที่เรือนของท่านอคินธิษณ์ แต่พี่ชายก็ยื่นคำขาดว่าหากไม่ทำ ก็อยู่ที่เรือน นั่งคุยเล่นเป็นเพื่อนปู่อย่างเคย

แต่กษมาเคยทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่เคยต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่ในเรือนอย่างเดียว จึงจำใจต้องตอบตกลง ยังดีที่ท่านอคินธิษณ์ออกไปประชุมกับพญานาคราช เขาจึงโล่งใจไปได้บ้าง

“รีบทำเข้าเถิด อีกประเดี๋ยวท่านอคินธิษณ์มา เราต้องไปขัดตัวให้ท่าน”

“เราต้องทำด้วยหรือขอรับ มิใช่ว่าพวกนาคาชั้นสูงมีร่างทิพย์หรือ เหตุใดยังต้องอาบน้ำ ขัดตัวอีก”

“เด็กน้อย ไม่ว่าร่างทิพย์ที่เป็นร่างมนุษย์ หรือร่างจริงที่เป็นนาคา ก็ต้องรู้จักอาบน้ำอาบท่า ชำระกายอยู่เสมอ” นาคีสาวยิ้มเอ็นดูเด็กหนุ่ม ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ประสีประสาเรื่องการปฏิบัติตนเลยสักนิด คงเพราะถูกทิ้งไว้ตนเดียวตั้งแต่เล็กกระมัง

“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ พี่วารี”

กษมาช่วยเหล่านาคหนุ่ม ยกน้ำอุ่นมาผสมน้ำในสระหลังเรือน หากจะให้เทียบกัน เรือนหลังนี้ใหญ่กว่าเรือนที่เขาอยู่ถึงห้าเท่าเลยกระมัง

ปากทางเข้าใหญ่โตโอ่อ่า พอเข้ามาก็เป็นโถงนั่ง มีห้องหับใช้หลับนอน และห้องอื่นๆ อีกสามสี่ห้อง เดินลัดเลาะมาด้านหลังเป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับ และมีสระน้ำขนาดใหญ่ เห็นว่าท่านอคินธิษณ์มักจะมาแช่น้ำชมสวนทุกวัน

“เท่านี้ก็พอแล้ว ขอบใจเจ้ามากกษมา เจ้าไปรอรับท่านอคินธิษณ์เถิด”

“แล้วพวกพี่ๆ ไม่ไปหรือ”

“เรื่องนั้นให้พวกนาคีสาวไปรอรับเถิด พวกข้ามีหน้าที่เพียงเท่านี้” นาคาร่างกำยำว่า พลางพยักหน้าให้กันอย่างเข้าอกเข้าใจ

“เช่นนั้นข้าก็ต้องอยู่กับพวกพี่ จึงจะถูก”

“แต่เจ้าเองก็เป็นบริวารคอยปรนนิบัติมิใช่หรือ เรื่องบนเตียงตั่งน่ะ” กษมาได้ยินดังนั้นก็เบิกตาโพลง พลันโบกไม้โบกมือปฏิเสธ

“มิใช่นะขอรับ มิใช่ๆ ข้าเพียงมาทำงานเท่านั้น ก็เหมือนกับพวกพี่ๆ อย่างไรเล่า”

“จะเหมือนได้อย่างไร เนื้อตัวเจ้ามีแต่กลิ่นของท่านอคินธิษณ์คละคลุ้งไปหมด เจ้ามิต้องเอียงอายไปดอก นาคีสาวในเรือนนี้ส่วนใหญ่ก็เคยปรนนิบัติท่านบนเตียงกันทั้งนั้น…”

เรื่องเล่าต่างๆ ถูกเอื้อนเอ่ยออกมา ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่อง การเสพติดกามกิจของท่านอคินธิษณ์ ไม่ว่านาคีสาวตนใดที่ยั่วยวน ท่านก็สนองให้จนเต็มอิ่ม แต่ก็เพียงคราเดียวเท่านั้น คงจะมีเพียงแม่บัวงามที่ถูกเรียกใช้อยู่บ่อยครั้ง

“ถึงว่าล่ะ…” วันนั้นจึงสั่งให้เขาครางให้ฟัง ที่แท้ก็เป็นพวกบ้าตัณหา

“อย่าบอกท่านปัญฐกะเล่า ว่าพวกข้าพูดเรื่องนี้ให้ฟัง”

“ไม่บอกขอรับ ไม่บอก แต่ข้ามิได้เป็นบริวารรับใช้บนเตียงจริงๆ นะขอรับ ท่านอคินธิษณ์เขามิชอบข้าดอก พบหน้าเมื่อใดก็บ่นว่ารำคาญ ทั้งยังกลั่นแกล้งข้าอีก”

“งั้นหรือ”

“ขอรับ แล้วที่ตัวข้ามิกลิ่นของท่านอคินธิษณ์ เพราะผ้าเหล่านี้เป็นของเขา เขาให้ยืมมาใส่น่ะขอรับ” กษมาเอ่ยอธิบายหวังให้ทุกคนเข้าใจ แต่ดูเหมือนยิ่งอธิบาย นาคาเหล่านั้นยิ่งเข้าใจชัดเจนมากขึ้น

นายของพวกเขามิเคยให้ผู้อื่นแตะต้องสมบัติส่วนตัว หากเป็นอย่างที่กษมาว่า พวกเขาคงต้องระวังตัว รักษาระยะห่างจากกษมาเสียแล้ว

หลังจากอคินธิษณ์ประชุมเสร็จ ก็ตรงกลับเรือนทันที เหล่านาคีสาวก็พากันกรูเข้ามาปรนนิบัติ บางคนซับเหงื่อไคล บางคนล้างเท้า ทว่านัยน์ตาคมเข้มกลับมองหาเจ้าเด็กมนุษย์ ที่สหายเอ่ยว่าพาเข้ามาทำงานที่นี่ตั้งแต่เช้า

“กษมาอยู่ที่ใด”

“เอ่อ นาคหนุ่มผู้นั้นหรือเจ้าคะ เมื่อครู่ข้าเห็นนั่งพูดคุยอยู่กับนาคาหนุ่มหลังสวน” บัวงามเอ่ยไปตามที่นางเห็น ก่อนจะนั่งลงเช็ดเท้าทั้งสองข้างให้ผู้สูงศักดิ์จนแห้ง

“วันนี้เขาทำอันใดบ้าง”

“เข้ามาก็มิทำอันใดเจ้าค่ะ เดินตามวารีต้อยๆ ข้าจึงสั่งให้ไปช่วยพวกนาคาหนุ่มหาบน้ำร้อนใส่สระให้ท่าน” นาคีสาวตนอื่นสงบปากสงบคำ เพราะบัวงามเป็นคนโปรด หากว่าพวกนางพูดแทรกคงต้องถูกลงโทษเป็นแน่

“เหตุใดจึงให้ทำงานหนัก เจ้าไปเรียกนาคทุกตนในเรือนมาพบข้า” อคินธิษณ์หัวเสียไม่น้อย กษมาถือเป็นน้องชายของสหาย แม้จะมาอยู่ที่นี่ในฐานะบริวาร แต่ก็ใช่ว่าผู้ใดจะเรียกใช้ก็ได้

“ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาพบวันนี้ เพราะอยากจะแนะนำให้รู้จัก นี่กษมา เขาจะมาดูแลข้า” กษมาลุกขึ้นค้อมตัวให้ทุกคนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง บริวารนาคในเรือนเองก็ค้อมหัวตอบกลับ ก่อนจะพากันหันมาฟัง สิ่งที่ผู้เป็นนายจะพูดต่อ

“ข้าจะขอย้ำเตือนอีกครั้ง ว่ากษมาจะดูแลข้าเพียงผู้เดียว ข้าเท่านั้นที่สั่งเขาได้ ห้ามผู้ใดออกคำสั่งกับเขา ไม่เว้นแม้แต่เจ้า บัวงาม” ตาคมกริบตวัดไปมอง นาคีสาว เป็นอันรู้กันอย่างถ้วนทั่ว ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถใช้งานกษมาได้

“ท่านอคินธิษณ์ ขะ ข้ามาทำงาน ก็ต้องช่วยคนอื่นๆ บ้าง”

“หึ ทำงานมิสนสังขารตนเอง ตัวเท่านี้จะทำอันใดได้”

“ข้าหาบน้ำได้ หาบสองรอบด้วย!” กษมาเถียงคอเป็นเอ็น เห็นว่าตัวเล็ก แต่เขาก็ถึก ทน ทำได้ทุกอย่าง

“หาบสองรอบ บ่าเจ้าก็ช้ำถึงเพียงนี้ แล้วข้าจะบอกปัญฐกะอย่างไร” เหล่าบริวารหันไปหันมา มองเจ้าของเรือนที มองบริวารตนใหม่ที

“ไม่สน ข้าจะช่วยงานคนอื่น ทำงานต้องคุ้มเงิน” นั่นเป็นคติประจำใจของกษมา

“ได้ เช่นนั้นวันนี้ให้กษมาขัดตัวให้ข้า เพียงผู้เดียว! พวกเจ้าห้ามเข้าไปช่วย” ว่าแล้วร่างสูงใหญ่ก็ฉุดแขนเล็กให้เดินตาม กษมาที่รู้ชะตากรรมว่าต้องถูกกลั่นแกล้ง ก็ส่งสายตาอ้อนวอนไปให้พี่สาวพี่ชายทั้งหลาย

แต่พวกเขาก็ได้แต่ส่งยิ้มมาให้เท่านั้น คงจะมีเพียงแม่บัวงาม ที่บัดนี้จ้องกษมาอย่างกับจะฆ่าแกงกัน

“เอ้า ขัดเร็วเข้า อยากทำงานมิใช่หรือ” นาคสีทองตัวใหญ่กำลังเหยียดกายนอนอยู่ในสระ รอให้มนุษย์ตัวน้อยอาบน้ำ ขัดตัวให้

“ขะ ขัดหมดนี่เลยหรือขอรับ”

“ใช่ เกล็ดของข้าทุกอันต้องสะอาดเอี่ยม อย่าให้มีคราบไคลติดแม้แต่น้อย” อคินธิษณ์นึกขันกับสีหน้าเจื่อนของอีกฝ่าย

“ตัวก็ใหญ่ เกล็ดก็เยอะ ขนบริวารทั้งเรือนมาก็ทำไม่เสร็จ” กษมาบ่นไป ขาเล็กก็โดดขึ้นคร่อมลำตัวของพญานาคาเอาไว้ ก่อนจะเริ่มขัดจากส่วนหาง

ท่าทางของกษมาตอนนี้ราวกับคนนั่งบนหลังช้างไม่มีผิด ขาทั้งสองข้าที่นั่งควบลำตัวพญานาคามิได้แตะถึงพื้น คิดเอาเองเถิด ว่าร่างนาคของท่านอคินธิษณ์ใหญ่โตเพียงใด

เดิมที คิดว่างานนี้จะยาก แต่ด้วยเนื้อตัวของท่านอคินธิษณ์มิได้สกปรก จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับกษมา ที่จะแอบเว้นบริเวณที่สะอาด

ด้วยเหตุนี้ เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน กษมาก็ถอยกายขยับมาบริเวณกลางลำตัวแล้ว แต่ส่วนนี้คงจะใช้เวลานาน เพราะรอบตัวของท่านอคินธิษณ์ใหญ่กว่าสองคนโอบ

“ไม่มีบริวารตนใด ขึ้นมานั่งบนตัวข้าเช่นนี้มาก่อน” นาคหนุ่มส่ายศีรษะไปมา ส่วนมากพวกบริวารจะยืนขัดถูในบริเวณที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น ฉะนั้นนาคีที่เข้ามาปรนนิบัติตอนอาบน้ำ จึงมีไม่ต่ำกว่าสิบตน

“วันนั้นยังให้แม่กินรีคนงามนั่งทับอยู่เลย” กษมาพึมพำ พร้อมกับเบะปากอย่างไม่นึกกลัว เพราะบัดนี้เขานั่งหันหลังให้อีกฝ่ายอยู่

“ข้าได้ยิน และข้าก็รู้ด้วยว่าเจ้าทำหน้าอย่างไร”

“ทำอย่างไรขอรับ ข้ามิได้ทำเสียหน่อย”

“หึ รู้หรือไม่ ว่าบริวารที่คิดต่อต้านนาย จะโดนสิ่งใด”

“ข้าไม่-”

ซ่า!!! ยังไม่ทันที่กษมาจะแก้ตัว หางอันมหึมาก็ฟาดลงบนผิวน้ำเบาๆ ทว่าอานุภาพกลับมีล้นเหลือ น้ำในสระสาดกระจายเข้าหากษมาเต็มๆ

ผมเผ้าที่จัดทรงมาอย่างดี ลู่ลงตามทิศทางการร่วงหล่นของน้ำ เนื้อตัวของกษมาเปียกชุ่มทุกตารางนิ้ว ไม่มีที่ใดเว้นว่าง

“ท่านอคิน!!!” กษมาหันกลับไปมองนาคาตนใหญ่ ด้วยใบหน้าเกรี้ยวโกรธ ทั้งยังถือวิสาสะลดทอนชื่ออันไพเราะนั่น

“ฮ่าๆ หน้าเจ้า ผมเจ้า” หงอนใหญ่ส่ายไปมา หัวเราะขำเจ้าเด็กตัวเปียก

“แน่จริง ท่านแปลงกายเป็นมนุษย์ แล้วมาสู้กับข้า ตัวต่อตัว!”

“ได้ ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะทำอันใดข้าได้” นาคาสีทองแปลงกายเป็นหนุ่มรูปงามที่กษมาคุ้นหน้าคุ้นตา ใบหน้าคมเข้มกระตุกยิ้มขำขัน ซ้ำยังเยาะเย้ยเด็กหนุ่มไปในตัว

กษมาเห็นดังนั้นจึงใช้ขันทองตักน้ำสาดใส่อีกฝ่ายไม่ยัง เขาเล่นสงกรานต์มาเป็นสิบสิบปี ทักษะการสาดน้ำไม่มีทางเป็นรองใคร

“ฮ่าๆ หน้าท่าน ผมท่าน” มือเล็กยกขึ้นปิดปากหัวเราะ พูดเย้าด้วยถ้อยคำเดิม ที่อีกฝ่ายเคยใช้ล้อเลียนเขา แต่เพียงไม่นาน คนตัวเล็กกลับต้องชะงักค้าง เมื่อมือหนายกขึ้นเสยผม อานุภาพความหล่อเหลาจึงสาดเข้าตาของกษมา จนพร่ามัว

“เชี่ย หล่อจังวะ”

หมับ! ชั่วขณะที่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง กษมากาหลงรังผู้นี้ก็จับเสียแล้ว

“ย๊าก ปล่อยข้านะ” ลำตัวผอมบางถูกแขนแกร่งกอดไว้เพียงข้างเดียว ส่วนอีกมือก็ใช้ขันตักน้ำรดหัวกษมาครั้งแล้วครั้งเล่า

“เป็นอย่างไร หืม ฮ่าๆ”

“ช่วยข้าด้วย ฮื่อ~ ใครอยู่ด้านนอกช่วยข้าที” กษมาร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ เพราะบัดนี้ตนเองจนมุม คิดไปแล้วก็ไม่น่าท้าทายอีกฝ่ายเลย

บริวารด้านนอกได้ยินเสียงหัวเราะที ร้องโวยวายที ก็หันหน้ามองกันเป็นแถบ ต่างคนก็ต่างตกใจที่ได้ยินท่านอคินธิษณ์หัวเราะออกมาเต็มเสียง ทั้งที่ระหว่างขัดตัว ท่านชอบนอนพักเงียบๆ เสียมากกว่า

“ค่าจ้างของข้า” เสียงยานคาง ด้วยความเหนื่อยล้าของกษมาดังขึ้น พร้อมกับมือน้อยๆ ที่ยื่นไปขอค่าแรง กะว่าถ้าได้ค่าแรงแล้ว ก็จะไม่มาทำงานอีก

วันเดียว พอ!!!

“ยังมิมีผู้ใดบอกเจ้าหรือ”

“บอกเรื่องใดขอรับ” อคินธิษณ์หัวเราะในลำคอ เมื่อเห็นสีหน้าเหนื่อยอ่อน เปลี่ยนเป็นอยากรู้อยากเห็น

“ก็…ข้าจะจ่ายค่าแรงก็ต่อเมื่อมาทำงานครบห้าวัน หากเจ้าไม่มาพรุ่งนี้ ก็ถือเสียว่า วันนี้เจ้าทำงานโดยไม่เอาค่าแรง”

“หา!!”

นี่แสดงว่าเขาต้องมาให้ครบห้าวันหรือ จึงจะได้ค่าจ้าง ฮื่ออออ~

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel