บท
ตั้งค่า

5. ครวญครางเสียงหวาน

“ทะ ท่านพี่ ท่านปู่ อยู่หลังข้าไว้ขอรับ เรือนโล่งโจ้งเช่นนี้ คงมีโจรเข้ามาขโมยของเป็นแน่ มันอาจจะยังอยู่ในนี้” กษมาเอาตัวบังทั้งสองไว้ อย่างที่รู้ๆ กัน ว่าเขาเคยถูกยิงมาก่อน สาเหตุก็มาจากเจ้าโจรชั่ว มันเข้ามาขโมยของในห้องของเขา

“เอ่อ คือ-”

“แจ้งตำรวจ ไม่สิๆ แจ้งพวกทหาร กองกำลัง หรือพรรคพวกเร็วเข้าขอรับ” กษมาพูดผิดๆ ถูกๆ ไม่รู้ว่าต้องใช้คำใด

“เจ้าใจเย็นลงก่อนเถิดน้องพี่ ปกติเรือนเราโล่งเช่นนี้อยู่แล้ว”

“ปะ เป็นเช่นนี้อยู่แล้วหรือขอรับ” เด็กหนุ่มหันไปมองพี่ชายอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ขึ้นชื่อว่าเรือน อย่างไรก็ต้องมีข้าวของเครื่องใช้มิใช่หรือ แต่เรือนหลังนี้ไม่มีเครื่องใช้เลยสักชิ้น กระทั่งห้องโถงยังไม่มีแม้แต่โต๊ะรับรอง

“อืม พี่กับท่านปู่เห็นว่า ของใช้กับเครื่องเรือนมิได้จำเป็นเท่าใดนัก จึงยกให้คนที่เขาลำบากไปแล้ว”

“ใช่แล้ว การให้ทานถือเป็นกุศล แต่เจ้ามิต้องกังวลไป ปู่จะให้พี่ของเจ้าจัดเตรียมห้องหับให้เป็นอย่างดี รับรองว่านอนสบายไม่ต่างจากโลกมนุษย์”

“ขะ ขอบพระคุณขอรับ” ว่าเพียงเท่านั้นทุกคนก็แยกย้ายกัน กษมากับปัญฐกะ ช่วยกันทำความสะอาดเรือนนอน ที่นอนนุ่มฟูถูกนำมาวางไว้บนแท่นหิน ดูแล้วที่นอนนั้น คงจะทำมาจากพืชชนิดหนึ่งในป่าหิมพานต์แห่งนี้

“พอจะนอนได้หรือไม่”

“นอนได้ขอรับ”

“เช่นนั้นวันนี้ก็นอนเอาแรงเสียก่อนเถิด วุ่นวายมาทั้งวันแล้ว” ปัญฐกะลูบหัวน้องชายที่เขาเฝ้าดูมาตั้งแต่แบเบาะ ก่อนจะออกไปพักผ่อนบ้าง

กษมาบิดตัวไปมาอยู่บนที่นอนนุ่มฟูของตนเอง ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตา แล้วสวมใส่เครื่องแต่งกายที่จำเป็น หากว่าเขาเป็นนาคาคงมิจำเป็นต้องสวมใส่เสื้อผ้าเองทั้งหมดเช่นนี้ เพราะเหล่านาคาที่มีฤทธิ์ เพียงแค่แปลงกาย ก็ได้ร่างทิพย์มาพร้อมกับเสื้อผ้าหน้าผมที่งดงามอยู่แล้ว

“เฮ้อ กว่าจะเสร็จ ออกไปทำกับข้าวดีกว่า” เด็กหนุ่มที่ตื่นขึ้นมาด้วยความสดใส เดินออกไปทักทายท่านปู่และพี่ชายที่กำลังนั่งสนทนากันอยู่

“ตื่นแล้วหรือ”

“ตื่นแล้วขอรับท่านปู่ แล้วก็หิวมากด้วย ที่นี่มีครัวหรือไม่ขอรับ” เมื่อถูกถามเช่นนั้น ทั้งอนรรฆชัยและปัญฐกะก็ทำหน้าเหลอหลา จนกษมาจับสังเกตได้

“…”

“มีอันใดหรือขอรับ”

“แหะๆ เมื่อวาน พี่ซื้อข้าวปลาอาหารมาให้เจ้าแล้ว แต่ว่า…เมื่อครู่มีนาคีสาวหอบลูกมาขอข้าว พี่จึงให้ไปจนหมด ลืมไปเสียสนิทว่าเจ้าต้องทานอาหาร จึงจะอิ่มท้อง” กษมาได้ยินดังนั้นถึงกับยิ้มค้าง จะโมโหก็ทำไม่ได้ เพราะท่านปู่กับท่านพี่ก็ทำบุญทำกุศลกับผู้ยากไร้

“ละ แล้วพวกท่านมิต้องกินต้องดื่มหรือขอรับ”

“ปู่กับพี่เจ้าถือเป็นนาคาที่มีอิทธิฤทธิ์ พวกเราจึงมิจำเป็นต้องดื่มกินก็รู้สึกอิ่มตลอดเวลา”

อ่อ อิ่มทิพย์สินะ แต่ท่านปู่ลืมไปหรือไม่ ว่ากษมา ลูกกาหลงรังผู้นี้เป็นมนุษย์ ฮื้อ~ แล้วเขาจะเอาอะไรกิน!

และแล้วกษมาก็ต้องขอให้ท่านปู่พาออกมาทานข้าวนอกเรือน วิถีชีวิตของสรรพสัตว์ในป่าหิมพานต์คล้ายคลึงกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสมัยก่อนมากทีเดียว

มีผู้คนเก็บของป่ามาขาย ทั้งพืชผัก ผลไม้ เครื่องประดับ เพชรนิลจินดาเองก็มีอยู่เกลื่อน บริเวณสระน้ำต่างๆ มีผู้คนมาชำระกาย ทำความสะอาดเสื้อผ้ากันอยู่ประปราย บางที่เหล่าบุรุษ สตรี ก็มาแหวกว่ายเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน

“ท่านปู่ขอรับ ข้าขอไปเดินเล่น ย่อยอาหารเสียหน่อยนะขอรับ”

“ไปเถิด ปู่จะอยู่พูดคุยกับผู้อาวุโสจากเผ่าพันธุ์ต่างๆ ที่อยู่ตรงนั้น” อนรรฆชัยพาหลานชายคนเล็กมาเที่ยวเล่นที่สระอโนดาต เพื่อดูเหล่ากินรีและกินนรตามคำขอ

“ขอรับ หากเที่ยวจนเบื่อหน่ายแล้ว ข้าจะมาหาท่านปู่ที่นี่ขอรับ”

“อืม ระวังตัวด้วยเล่า”

กษมาพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเล่นไปทั่ว สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ช่างเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก ใครจะคิดว่าเขาได้เห็นกิเลนตัวเป็นๆ กำลังนอนแช่อยู่ในสระใหญ่ ไหนจะนกการเวก ไกรสรคาวี และคชปักษาอีก

“กินนรกับกินรีอยู่ทางไหนนะ หรือจะชอบหลบมุม ไปดูทางนั้นดีกว่า” เสียงใสว่าออกมาอย่างอารมณ์ดี แล้วจึงเดินเลาะตามธารน้ำ เข้าไปในทางแยกอีกฟากที่ลับตาคน เพราะคิดว่าเหล่ากินรี กินนรคงจะเป็นพวกขี้อาย

เรื่องที่เขาปักใจอยากเห็นกินกับกินรี เพราะเคยได้ยินว่ามีลำตัวคล้ายมนุษย์ ใบหน้างดงามราวเทพยดา จึงอยากเห็นเป็นบุญตาสักคราว่าจะงามและหล่อเหลาเพียงใด

ขาเรียวย่างก้าวเข้าไปเรื่อยๆ จนมาโผล่อยู่ที่แอ่งน้ำแห่งหนึ่ง กษมาคิดว่าคงจะเป็นส่วนหนึ่งของสระอโนดาต แต่เมื่อก้าวเดินต่อไป เขากลับพบเข้ากับสิ่งที่ไม่ควรเห็นเสียได้ ร่างเล็กหันรีหันขวางหาที่หลบ

แต่ดูท่าจะไม่ทันเสียแล้ว…

“ว๊าย นั่นผู้ใดกัน” กินรีโฉมงาม รีบลุกออกจากตักแกร่งของนาคหนุ่มที่กษมาคุ้นหน้าคุ้นตา

ดูจากเครื่องประดับที่ตกหล่นของกินรีสาว และท่าทางการนั่งคร่อมของอีกฝ่ายแล้ว คงมิใช่การนั่งสนทนาเรื่องสารทุกข์สุกดิบแน่

“ขะ ข้าไม่เห็นอันใดทั้งสิ้น ต่อเลยๆ ข้าขอตัวก่อน” มือขาวรีบยกขึ้นมาปิดตา ก่อนจะค่อยๆ ถอยหลังออกไปอย่างร้อนรน แต่ก้อนหินขรุขระกลับไม่เป็นใจ เกะกะขวางทาง จนคนตัวเล็กสะดุด ตกลงไปในน้ำเย็นเฉียบ

ตุ้ม!!!

กษมาตะเกียกตะกายขึ้นมาจากใต้น้ำ ไอโขลกๆ จนตัวโยน ไม่น่าอยากรู้อยากเห็นเลย แล้วทีนี้จะทำอย่างไร สายตาของท่านอคินธิษณ์เมื่อครู่ คล้ายกำลังจะฉกเขาให้ตาย

“ขึ้นมา! เจ้าทำข้าไว้เจ็บแสบนักนะ” อคินธิษณ์เท้าสะเอวรอให้อีกฝ่ายขึ้นมาจากน้ำ กว่าเขาจะพูดหว่านล้อมแม่กินรีสาวตนนั้นได้ ก็ทำเอาเหนื่อย แต่เจ้าเด็กนี่กลับทำให้กินรีนางนั้นบินหนีไปเสียแล้ว

“ขึ้นแล้วขอรับๆ แหะ ท่านอคินธิษณ์ ขะ ข้ามิได้ตั้งใจนะขอรับ”

“ตั้งใจหรือไม่ ข้ามิรู้ แต่ที่ตั้งอยู่คือนาคน้อยของข้า” กษมาก้มมองตามที่มือใหญ่ชี้ ก็พบว่ามีบางสิ่งกำลังดุนดันโจงกระเบน จนนูนเด่น เห็นดังนั้นใบหน้าเล็กก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ เขาเองก็เป็นชายเหตุใดจะไม่รู้ว่าคือสิ่งใด

“เอ่อ ข้าขออภัยขอรับ”

“ในเมื่อเจ้าทำให้แม่กินรีคนงามบินหนีไป เจ้าก็ต้องรับผิดชอบ มาช่วยข้าจัดการให้เสร็จสิ้น”

“ฮะ ท่านจะบ้าหรือไร แม้ว่าข้าจะชอบพอบุรุษด้วยกันก็เถิด แต่ก็ใช่ว่าข้าจะทำเช่นนั้นกับบุรุษทุกคนได้” ปากเล็กละล่ำละลักพูดออกไปโดยไม่ทันได้คิด และนั่นยิ่งทำให้อคินธิษณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์

“ในเมื่อเจ้าชอบพอบุรุษอยู่แล้ว ก็ยิ่งเป็นเรื่องง่าย” แววตาติดสนุกของชายหนุ่ม ทำเอากษมากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

“อ๊ะ อ๊า อื้อ อู้ว~ ท่านเสร็จหรือยัง”

“เจ้าช่วยส่งเสียงให้มันได้อารมณ์มากกว่านี้ จะได้หรือไม่”

“กะ ก็คนมันไม่เคยนี่” กษมาหลับตาแน่น นั่งกอดเข่า หันหลังให้กับนาคหนุ่มที่กำลังสำเร็จความใคร่ให้ตนเองอยู่ ถึงกษมาจะเคยมีคนรักมาก่อน แต่ตอนนั้นยังเด็กนัก เขากับคนรักเก่าจึงไม่เคยทำเรื่องอย่างว่า

ส่งเสียงให้ได้อารมณ์ที่ว่า มันต้องอารมณ์ไหนเล่า!

ที่กษมาต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็เพราะท่านอคินธิษณ์เอ่ยว่า ท่านไม่สามารถสำเร็จความใคร่ได้ หากว่าไม่มีเสียงช่วยปลุกเร้า เขาจึงถูกอีกฝ่ายพามานั่งหลังหินก้อนใหญ่ ก่อนจะแหกปากครางให้ชายหนุ่มฟัง

“ข้าไม่สน หากว่าเจ้าทำให้ข้าเสร็จสมไม่ได้ ก็อยู่ด้วยกันที่นี่จนมืดค่ำนี่ล่ะ หันหน้ามา แล้วส่งเสียงดังๆ” เมื่ออคินธิษณ์ยื่นคำขาด กษมาจึงต้องหันหน้ากลับไป แต่ตาทั้งสองข้าก็ยังหลับอยู่เช่นเคย ในหัวเฝ้านึกถึงสื่อลามกที่ตนเองเคยดู ก่อนจะเริ่มครวญคราง อย่างที่เคยได้ยินมา

“อื้อ ทะ ท่าน-” ปากเล็กเผยอออก พลางเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ดวงตาคมกริบจ้องมองไปยังหน้าหวาน ที่พยายามส่งเสียงร้องออกมา ริมฝีปากล่างถูกเจ้าตัวขบกัดจนห้อเลือด ทำให้อคินธิษณ์กลั้นขำแทบไม่ไหว

เดิมทีห้วงอารมณ์กระหายอยากของนาคาหนุ่ม ได้มอดดับลงไปแล้ว แต่เขาคิดจะกลั่นแกล้งเด็กมนุษย์ตรงหน้า จึงได้เอ่ยเช่นนั้นไป ไม่คิดว่าอีกคนจะยอมทำตาม

“ขะ ข้าไม่ไหวแล้ว อ๊า อื้อ ข้าเจ็บคอ ท่านใกล้หรือยัง ท่าน ท่านอคินธิษณ์ อื้อ อ๊า!”

แต่ยิ่งได้ยินเสียงหวานเรียกชื่อของตนเอง เปลวไฟที่ดับลงไปก่อนหน้าก็เริ่มจะลุกโชนขึ้นมา ร่างกายร้อนวูบวาบ จนชายหนุ่มทำอันใดไม่ถูก สิ่งที่พอจะช่วยดับไฟราคะที่กำลังจะก่อตัวขึ้นได้คงจะมีเพียง…

ตุ้ม! เสียงน้ำแตกกระจายและหยดน้ำที่กระเด็นมาโดนกษมา ทำให้เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ

“ท่านไปทำอันใดในน้ำหรือขอรับ” ยามที่กษมาลืมตาขึ้นมา ก็พบว่าชายหนุ่มลงไปอยู่ในสระน้ำเสียแล้ว

“กะ กะ ก็เพราะเสียงเจ้ามันไร้อารมณ์ ข้าจึงต้องหาวิธีอื่นช่วยอย่างไรเล่า”

“แล้วเหตุใดท่านไม่ทำเช่นนี้ตั้งแต่แรกขอรับ ปล่อยให้ข้าร้องจนเจ็บคอ!”

“นี่เจ้า-” ไม่ทันที่อคินธิษณ์จะสวนกลับ ทั้งสองก็ได้ยินเสียงของผู้อาวุโสดังแว่วมาแต่ไกล

“กษมา หลานอยู่ที่นี่หรือไม่”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel