บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 จุมพิตกะทันหัน

ชายหนุ่มจับมือหญิงสาวเดินผ่านซอยมืด ผ่านซุ้มประตูหลายครั้ง จนกระทั่งทั้งสองคนออกมาข้างนอกเมือง แสงสว่างและเสียงผู้คนจากงานเทศกาลเริ่มจางลง จางลง จนในที่สุดก็มืดสนิท

แต่ชิงถิงกลับยังคงลากให้เสี่ยวเหอเดินต่อไป ผ่านไปนานเสี่ยวเหอจึงเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ พยายามเรียกให้ชิงถิงหยุดเดิน แต่ชิงถิงไม่สนใจ เอาแต่ลากนางอยู่นั่น จนนางต้องสะบัดมือแรงๆ เขาจึงจำเป็นต้องหยุด

“ข้าต้องกลับไปแล้ว” เสี่ยวเหอพูด

เป็นเพราะมืดมาก เสี่ยวเหอจึงไม่เห็นว่าชิงถิงทำหน้าโกรธทันที ก่อนจะตะคอกด่านาง

“เจ้าโง่หรือไร!”

เสี่ยวเหอตกใจกับน้ำเสียงที่โกรธจัดของชิงถิง เพราะไม่เคยเห็นเขาโกรธมากเช่นนี้เลยสักครั้ง แม้ปกติเขาจะไม่ค่อยยิ้มแย้ม แต่ก็ไม่เคยตะคอกใส่นาง ปกติเขาเป็นคนใจดี มักจะเอาตุ๊กตาดินปั้นมาฝากนางบ่อยๆ ด้วย

เวลานั้นมีหลายสิ่งอย่างวิ่งจู่โจมเข้าไปในใจของเสี่ยวเหอ ทั้งน้อยใจเรื่องพี่สาว ทั้งความว้าวุ่นใจทั้งหมดที่พบเจอในช่วงนี้ เขายังจะดุใส่นางอีก ทำให้เสี่ยวเหอเริ่มน้ำตาไหล ก่อนจะส่งเสียงร้องไห้ดังๆ ออกมา

“ฮือ ๆ ๆ ๆ ๆ”

เสี่ยวเหอร้องไห้อยู่นาน ไม่มีแม้เสียงปลอบใจจากชิงถิง นางไม่เห็นสีหน้าเขาเพราะเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ท่ามกลางความมืด แต่ยังคงรู้สึกถึงมือของเขาที่จับมือนางไว้อย่างอ่อนโยนอยู่ตลอดไม่ปล่อย

หญิงสาวร้องไห้จนพอใจ ในที่สุดก็หยุดร้อง ถึงแม้จะยังมีเสียงสะอื้นอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีน้ำตาแล้ว ชายหนุ่มจึงยื่นแขนเสื้อมาให้นางเช็ดน้ำตา

“หนีไปด้วยกันเถิด ข้าจะดูแลเจ้าตลอดชีวิตเอง” เสียงของชิงถิงดังผ่านความมืดและความเงียบของยามค่ำคืน

“..!!”เสี่ยวเหอตกใจ หัวใจเต้นแรง

แม้จะเป็นการขอแต่งงานที่กะทันหันมาก หญิงสาวทั้งสับสนทั้งวุ่นวายใจ แต่ก็เพียงครู่เดียว เพราะความจริงทุกอย่างทำให้นางไม่กล้าแม้แต่จะคิด นางกลัวท่านพ่อท่านแม่จะเสียใจ ยิ่งนึกถึงคืนที่พี่สาวหนีออกจากบ้าน นึกถึงหน้าตาของท่านพ่อที่ร่ำๆ จะร้องไห้เพราะพี่สาวหายไป นางไหนเลยจะกล้าคิดทิ้งงานแต่ง หนีไปกับชายอื่น

“ข้าไปไม่ได้” สุดท้ายเสี่ยวเหอจึงปฏิเสธ

“ชิ” ชิงถิงอารมณ์เสียชัดเจนแต่ไม่ได้ตะคอกใส่นางอีก

มือที่จับกันไว้เขายังคงไม่ยอมปล่อย ทั้งสองคนได้แต่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืด ไม่ขยับไปไหน ยืนเช่นนั้นเงียบๆ อยู่นาน สุดท้ายชิงถิงก็ยอมพาหญิงสาวกลับมาที่โรงเตี๊ยม และเหมือนไม่มีผู้ใดสนใจที่นางหายตัวไป

“ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ข้าจะพาเจ้าหนี คิดอีกที คิดให้ดีๆ แล้วตอบตกลงหนีไปกับข้าเถิด” ชิงถิงพูดก่อนจะกลับ เขาไม่ได้ถามและไม่ได้ให้ทางเลือกกับนางสักนิด

เสี่ยวเหอไม่แน่ใจว่าชิงถิงต้องการอะไรกันแน่ บอกให้นางคิด แต่ก็คล้ายๆ จะบังคับให้นางตอบตกลง ในน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยอารมณ์อ้อนวอนขอร้อง แต่นางก็ยังคงส่ายหน้า ไม่ยอมพูดอะไร

ชิงถิงคล้ายจะโกรธขึ้นมาอีกครั้ง

“เจ้าอยากแต่งงานกับเจ้าหมูตอนนั่นหรือ!?” เขาถามเสียงดุ

เสี่ยวเหอส่ายหน้า นางไม่ได้อยากแต่งให้พ่อค้าวาณิช แต่ไม่อาจไม่เชื่อฟังบุพการี

ชิงถิงโมโหจนไม่รู้จะทำเช่นไรกับเด็กดื้อตรงหน้าดี สุดท้ายเขาเหมือนตัดสินใจบางอย่างได้ จึงดึงเสี่ยวเหอมาจูบปากแรงๆ ทั้งดูดดุนขบกัดไปทั่วริมฝีปาก กวาดลิ้นควานหาปลายลิ้นของหญิงสาวและดูดดื่มอย่างหิวโหย

เสี่ยวเหอที่คิดว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่งมาโดยตลอดถูกเขากระทำอุกอาจรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว ได้แต่ยืนตกใจตาโต จับสาบเสื้อเขาแน่น ปล่อยให้เขาจูบจนเจ็บไปทั้งปลายลิ้นแทบจะละลายยืนไม่อยู่

ผ่านไปครู่หนึ่งกว่าเขาจะยอมปล่อยหญิงสาวและหอบหายใจแหบพร่า

“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะคิดเช่นไร แต่ข้ายอมให้เจ้าแต่งกับเจ้าหมูตอนนั่นไม่ได้” เขาเพียงบอกความต้องการของเขา พูดเสร็จก็หันหลังเดินจากไปทันที ทิ้งให้เสี่ยวเหอสับสนกับชีวิตและความรู้สึก ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น

ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาเร็วมากจนนางตั้งตัวไม่ทัน ทั้งเรื่องแต่งงาน เรื่องพี่สาว เรื่องหนีตามเขา และเรื่องจูบ!

คืนนั้นเสี่ยวเหอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเข้าไปนอนในโรงเตี๊ยมได้อย่างไร เข้าไปเวลาใด หรือนอนหลับไปเมื่อใด รู้เพียงว่าไม่อาจลืมริมฝีปากเอาแต่ใจของชิงถิง นางวุ่นวายนอนไม่หลับ นางคิดว่ารู้จักชิงถิงดี แต่วันนี้เหมือนบุรุษเงียบขรึมผู้นั้นไม่ใช่คนที่นางรู้จักอีกแล้ว

รุ่งขึ้น สาวใช้จื่อรั่วเห็นเสี่ยวเหอออกมาจากห้องพักก็ตกใจมาก นางทั้งเหงื่อตกและลุกลี้ลุกลน แต่ก็พยายามทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น และใช้ข้ออ้างที่เสี่ยวเหอหายตัวไปมาตำหนิ

“คุณหนูรองหายไปไหนมาเจ้าคะ ข้าตามหาอยู่ทั้งคืน ทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ไม่ได้ ต่อไปอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ”

“ข้าขอโทษ” เสี่ยวเหอได้แต่ขอโทษและรู้สึกผิดอย่างมากโดยไม่ทันสังเกตสีหน้าที่ผิดปกติของจื่อรั่ว เพราะตัวนางเองก็มีเรื่องให้ขบคิดมากมาย

คุณหนูบ้านนอกผู้ไม่รู้ประสาถูกสาวใช้จื่อรั่วบ่นอยู่นาน นางต้องเขียนหนังสือขอโทษคู่หมั้น เพราะฝ่ายชายต้องรีบไปทำการค้าในเมืองข้างๆ ต่อ นางยังถูกแม่สื่อกล่าวสั่งสอนอีกหลายชั่วยาม

ในที่สุดเสี่ยวเหอ จื่อรั่วและแม่สื่อก็เตรียมกลับบ้าน ระหว่างทางเสี่ยวเหอก็ยังคงถูกจื่อรั่วบ่นตลอดทาง

วันต่อมา เสี่ยวเหอเห็นว่าจื่อรั่วมีรอยฟกช้ำตามตัวเต็มไปหมด จึงพยายามเค้นถาม

“เจ้าเป็นอะไร”

“ไม่ได้เป็นเจ้าค่ะ” สาวใช้ตอบ

“อย่าโกหกข้า เจ้าไม่บอกข้าจะช่วยอย่างไร” เสี่ยวเหอเป็นห่วง

“เป็นเพียง..เอ่อ..อุบัติเหตุ อุบัติเหตุเล็กน้อยเจ้าค่ะ ข้า..ข้าล้มระหว่างไปหาฟืน เพราะต้องแบกฟืนหนักมาก..ข้าจึงตกเนินเขาเล็กๆ ไม่เป็นไรมากเจ้าค่ะ” จื่อรั่วพูด ก่อนจะทำเป็นยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตา

เสี่ยวเหอสงสารมาก รีบกลับห้องของตัวเองเพื่อเอายาไปให้จื่อรั่ว ระหว่างนั้นก็พบกับพี่หลันเหมยที่กำลังจะออกนอกบ้านพอดี ตั้งแต่ที่พี่สาวหนีออกจากบ้านครั้งนั้น เสี่ยวเหอก็แทบไม่ได้คุยกับพี่หลันเหมยเลย คล้ายว่าพี่สาวจะพยายามหลบหน้านางด้วย

“พี่หลันเหมย” เสี่ยวเหอเรียก

หลันเหมยเห็นว่าน้องสาวหอบยามาหลายขวด จึงเป็นห่วงว่าน้องสาวอาจได้รับอันตรายบางอย่าง

“เจ้า..จะเอายามากมายไปทำอันใด บาดเจ็บหรือ” นางถามโดยพยายามไม่มองหน้าน้องสาว

เสี่ยวเหอคิดว่าพี่สาวคงรู้สึกผิดที่ทำเรื่องเช่นนั้นไป และดีใจมากที่พี่สาวยอมพูดคุยด้วยแล้ว

“จื่อรั่วล้มตอนไปเก็บฟืนบนเขาเจ้าค่ะ ตัวฟกช้ำเต็มไปหมด ข้าเลยจะเอายาไปให้นาง” เสี่ยวเหอตอบพร้อมรอยยิ้ม

ทันใดนั้นหลันเหมยก็เงยหน้าสบตาน้องสาว และขมวดคิ้วมุ่น ในแววตาเต็มไปด้วยความโกรธเคืองอีกแล้ว

“เหตุใดเจ้าโง่เช่นนี้!” หลันเหมยตะคอกใส่หน้าน้องสาว นางแย่งขวดยาไปทุบทิ้งโยนทิ้งทั้งหมด พร้อมหันมามองเสี่ยวเหอที่กำลังตกใจกับการกระทำของพี่สาว

“เจ้ามันโง่ โง่ที่สุด ข้าไม่อยากสนใจเจ้าอีกแล้ว” หลันเหมยด่าน้องสาวด้วยคำร้ายกาจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel