บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

แต่อาการของอาภาวันนี้กลับไม่มีอะไรคืบหน้า นอกจากทรงก็ยังทรุดซึ่งเป็นอาการทรุดที่เกือบพรากชีวิตหลายต่อหลายครั้ง อย่างครั้งนี้ก็เกิดขึ้นขณะที่รวีอยู่โรงพยาบาล เธอลนทำตัวไม่ถูกเอาแต่นั่งร้องไห้พร้อมกับพูดซ้ำๆ ว่าแม่ต้องหายอยู่แบบนั้น แถมพอสถานการณ์ดีขึ้นกลับยังไม่ยอมลุกไปไหนอีก

ช่วงบ่ายของวันเดียวกันอุษาจึงปรากฎตัวขึ้นที่โรงพยาบาล เธอมาพร้อมอาหารคาวหวานโดยหนึ่งชุดสำหรับหลานสาวตัวดีส่วนอีกสามชุดที่เหลือเธอตั้งใจเอามาฝากพยาบาลที่ตึกผู้ป่วยวิกฤต โดยในนั้นมีทั้งอาหารคาวขนมและผลไม้

“น้าอุษา” รวีทักขึ้นทันทีที่เห็นน้าสาว

“กินข้าวเที่ยงหรือยัง”

“ยังค่ะ”

“งั้นดีเลย น้าซื้อนี่มาฝากพอดี” เอ่ยจบอุษาก็ยื่นของในมือให้รวีซึ่งเธอก็รับไปถือไว้ แต่กลับไม่คิดอยากจะกินเพราะกินไม่ค่อยลงนั่นเอง

“ขอบคุณค่ะ”

“ขอโทษทีนะที่วันนี้น้าไปรับไม่ได้”

“ไม่เป็นไรค่ะ” รวีส่งยิ้มให้น้าสาวเพราะเธอไม่ได้โกรธหรืออะไรเลยจริงๆ

“ว่าแต่มาโรงพยาบาลยังไง”

“ขับรถมาค่ะ”

“ขับรถมา คันไหน” อุษาถามขึ้นอย่างงุนงงเพราะรถที่มีอาภาก็ขับจนเกิดอุบัติเหตุชนิดพังไม่เหลือชิ้นดีแล้วไม่ใช่เหรอ

“แม่ซื้อรถไว้ให้ รวีเลยขับคันนั้นมานะคะ”

“อ้อ โล่งอกไปที น้าก็เป็นห่วง” แม้ปากจะบอกโล่งอกแต่ลึกๆ อุษากลับนึกโกรธพี่สาวที่ซื้อรถไว้ให้รวีตั้งแต่ยังอยู่เมืองนอกแบบนี้ แต่กับเธอเลือกที่จะอิดออดเพราะก่อนหน้านี้ก็เคยขอให้อาภาซื้อรถให้เช่นกัน อุษาสลัดเรื่องรถออกไปก่อนแล้วถามถึงอาการของอาภา

“แล้วนี่แม่เป็นไงบ้าง”

“เมื่อกี้แม่ทรุดแต่หมอพาแม่กลับมาได้ค่ะ” น้ำเสียงของรวีนั้นสั่นเครือเพราะยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านพ้นไป

“อย่างนั้นเหรอ นี่รวีน้าขอพูดอะไรตรงๆ หน่อยได้ไหม”

“อะไรคะ”

“ถ้าแม่เขาไม่ไหวจริงๆ น้าว่ารวีก็ควรปล่อยแม่เขาไปนะ อยู่แบบนั้นน้าเห็นแล้วสงสาร คงทรมานน่าดู”

“ไม่ค่ะ ยังไงรวีก็ไม่มีวันปล่อยแม่ไป” น้ำเสียงของรวีห้วนขึ้น เธอมองตรงมาที่อุษาด้วยความผิดหวังเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคแบบนี้

“น้าแค่ไม่อยากให้แม่ทรมาน”

“แต่นั่นแม่ของรวีนะคะ”

“แม่รวีก็พี่สาวของน้าไหม คิดจริงๆ เหรอว่าน้าอยากพูดแบบนั้น แต่ยิ่งเรายื้อไว้คนที่ทรมานคือใครคิดดูดีๆ” อุษาเริ่มอารมณ์เสียเหมือนกันที่รวีตีความหวังดีของเธอผิดเพี้ยนไปขนาดนี้ เธอแค่หวังดีไม่อยากให้พี่สาวทรมานมันผิดตรงไหน

“รวีเชื่อว่าแม่จะต้องกลับมาค่ะ”

“อยากเชื่อแบบนั้นก็ตามใจ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็รับผิดชอบเองแล้วกัน อ้อ…ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป น้าจะเข้าไปดูแลงานที่บริษัทให้ รวีคงไม่ค้านอะไรใช่ไหม”

“ไม่ค่ะ” ต่อให้อยากค้านแต่รวีก็ไม่มีพลังพอจะค้าน เพราะตอนนี้เธอไม่มีความรู้พอจะเข้าไปดูแลงานแทนแม่ที่ยังรักษาตัวอยู่ด้วยซ้ำ หน้าที่ตรงนั้นคงยกให้น้าสาวอย่างอุษาดูแลไปก่อนชั่วคราว

ไหนๆ ก็มาถึงโรงพยาบาลแล้ว อุษาจึงขอเข้าไปเยี่ยมพี่สาวอย่างเลี่ยงไม่ได้และเท่าที่เห็นในตอนนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากวันก่อนๆ ที่ผ่านมา อุปกรณ์ทางการแพทย์ห้อยระโยงระยางเต็มเตียงไปหมด ถ้ารู้สึกตัวขึ้นมาจริงๆ การจะกลับไปเป็นปกติคงยากหรือแทบไม่มีด้วยซ้ำ

“ถ้ามันทรมานนักก็ตายเถอะพี่อาภา หลังจากนี้ฉันจะจัดการทุกอย่างแทนที่พี่เอง” อุษากระซิบบอกพี่สาวที่ข้างหู ก่อนจะยิ้มเหยียดออกมา ยืนกอดอกมองภาพที่น่าอนาถใจครู่หนึ่งแล้วจึงเดินกลับออกไปโดยไม่ทันสังเกตเห็นบางอย่างกำลังตอบสนองต่อคำพูดนั้นของเธอ

“น้ามีนัด ขอตัวก่อนแล้วกัน” เมื่อเห็นรวีอุษาก็เอ่ยขึ้น ตั้งแต่หลานสาวบินกลับมาถึงเมืองไทยเธอก็พอจะมีเวลาส่วนตัวให้ตัวเองบ้าง ความเครียดที่สะสมมาตั้งแต่อาภาประสบอุบัติเหตุก็ค่อยๆ ลดลง อย่างตอนนี้ก็ไม่ต้องมานั่งหน้าห้องไอซียูอีกเพราะรวีรับภาระหน้าที่นั้นไปแล้ว

“ค่ะ” รวีเอ่ยรับเพียงแค่นั้น

แต่ทันทีที่คล้อยหลังใบหน้าที่ควรเศร้าสร้อยหรือเป็นกังวลเพราะอาการบาดเจ็บของอาภายังไม่ดีขึ้นกลับไม่ปรากฎบนใบหน้าของอุษาแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเธอกลับมีรอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปาก

เพียงวันแรกที่เข้ามานั่งแท่นผู้บริหารแทนพี่สาวที่เวลานี้ยังนอนรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูเต็มตัว ไม่ใช่เข้ามาเพียงแค่เซ็นเอกสารเหมือนที่ผ่านๆ มา อุษาก็ได้เห็นและได้รู้อะไรหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะเรื่องผลกำไรของบริษัทที่ทำให้เธอนั้นตาลุกวาวเพราะไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน แม้จะได้ชื่อว่าน้องสาวแต่ที่ผ่านๆ มาเธอก็เลือกไปทำงานกับบริษัทอื่นแล้วกินเงินปันผลจากหุ้นในมือที่ถืออยู่น้อยนิดแทน

ไหนจะโฉนดที่ดินที่กระบี่และปากช่องอีกหลายแปลง ตีเป็นเงินก็ไม่ใช่น้อยๆ รวมถึงแผนธุรกิจที่พี่สาวเธอจะขยับขยายฐานการส่งออกไปที่ตะวันออกกลางอีก ทั้งๆ ที่แค่จีนประเทศเดียวก็ฟันกำไรมหาศาลแล้ว เม็ดเงินที่เห็นมันยิ่งล่อตาล่อใจเสียเหลือเกิน

“ธุรกิจส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งมีรายได้มหาศาลขนาดนี้เชียวเหรอ” อุษาพึมพำตาลุกวาวเพราะถ้าเธอเป็นเจ้าของทั้งหมดคงสบายไปทั้งชาติแน่ ดีไม่ดีภีมก็จะหันมาสนใจมากกว่านี้

แม้การเข้ามาของอุษาจะทำให้ทีมผู้บริหารรวมไปถึงพนักงานหลายคนรู้สึกไม่สบายใจที่จู่ๆ หญิงสาวก็เข้ามาทำหน้าที่แทนอาภาพี่สาว แต่สถานการณ์ในตอนนี้กลับไม่มีใครกล้าแย้งได้แต่คิดและพูดคุยกันอยู่เงียบๆ เพราะข้อดีที่อุษามาก็มีไม่ใช่ไม่มี

อุษาเอาเรื่องนี้ไปคุยกับรจนาและคำแนะนำของเพื่อนก็ทำเอาเธออึ้งเนื่องจากคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินแบบนี้

“เธอจะให้ฉันโยกทุกอย่างเป็นของตัวเองอย่างนั้นเหรอ”

“ใช่”

“แล้วถ้าพี่สาวฉันรู้” น้ำเสียงของอุษาบ่งบอกว่ากำลังลังเล นั่นเพราะต่อให้เธอจะไม่สนิทกับพี่สาวแต่ก็ไม่เคยคิดจะทำเรื่องพวกนี้

“ก็อย่าให้รู้สิคะคุณเพื่อน อีกอย่างฉันว่าเธอมีเวลาคิดไม่มากแล้วนะ”

“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”

“ตั้งใจฟังดีๆ วันนี้ฉันพึ่งได้ข่าวจากวงในมาว่าคุณภีมกำลังจะลงทุนทำธุรกิจใหม่และถ้าเธออยากอยู่ในสายตา

เขาจริงๆ ก็ต้องเข้าไปเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทุนรายใหญ่” ประโยคที่ได้ยินจากรจนาทำให้ความกังวลใจที่อุษามีหายไปทันที เพราะชื่อของภีมดึงความสนใจไปจากเธอจนหมดสิ้นแล้วนั่นเอง

“เขาจะทำธุรกิจอะไร”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel