บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

“เธอไม่มีที่ไป ผมก็เลยจะให้เธอมาอยู่ที่นี่นะครับแม่”

“ได้สิ แม่ไม่ว่าอะไร”

“ขอบคุณครับ” พ่อเลี้ยงเกื้อกูลยิ้มให้

“เธอจำชื่อตัวเองไม่ได้แบบนี้ แล้วจะให้แม่เรียกเธอว่าอะไรดี”

“ใหม่ครับฟ้าใหม่”

“ใครเป็นคนตั้งชื่อให้เนี่ย เพราะเชียว”

“ผมเองครับ จู่ๆ ชื่อมันก็ผุดเข้ามาในสมอง เลยตั้งให้เธอ” พ่อเลี้ยงเกื้อกูลรีบบอก

“ชื่อเหมาะกับเธอดีนะ ไปๆ รีบพาใหม่เข้าบ้าน ลูกเองก็จะได้พักผ่อนด้วย เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่นา” ช่อทิพย์ลูบต้นแขนของลูกชายเบาๆ ขับรถกลับมาจากกรุงเทพฯ ก็ว่าเหนื่อยแล้ว พอมาถึงแทนที่จะได้พักกลับมีเรื่องวุ่นให้จัดการอีก

“เหนื่อยจนร่างจะสลายแล้วครับแม่” แม้จะโตจนอายุอานามเกือบจะสี่สิบเข้าไปทุกที แต่เวลาเหนื่อยพ่อเลี้ยงเกื้อกูลก็อ้อนแม่ให้หายเหนื่อย ส่วนแม่เขานั้นถ้าคนนอกไม่รู้ก็มักจะคิดเสมอว่าเป็นพี่สาว เพราะแม่เขาชอบออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักผลไม้ที่ปลูกเองเป็นส่วนใหญ่ จะว่าไปข้าวที่บ้านเขาก็ปลูกเองด้วย เป็นข้าวดอยที่ทานอร่อยไม่แพ้ที่อื่น

พ่อเลี้ยงเกื้อกูลเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่ฟ้าใหม่นั่งอยู่ ก่อนจะบอกให้เธอลงมาจากรถ แต่คนแปลกที่ก็ยังเก้ๆ กังๆ มองซ้ายมองขวาด้วยท่าทางระแวดระวัง พอได้เห็นหน้าเห็นตาความสงสารที่ช่อทิพย์มีให้ฟ้าใหม่นั่นก็ยิ่งมีมากขึ้น รูปร่างผิวพรรณของฟ้าใหม่นั้นผุดผาด บ่งบอกว่าเธออาจมาจากครอบครัวที่มีฐานะพอสมควร ขืนให้ไปอยู่บ้านพักคนงานคงไม่เหมาะแน่ จึงเปลี่ยนแผนนิดหน่อย

“สายใจ”

“ค่ะคุณช่อ” สายใจรีบขานรับพร้อมกับเดินตรงมาหาช่อทิพย์

“ขึ้นไปเตรียมห้องรับแขกให้หน่อย เอาห้องที่อยู่ใกล้กับห้องนอนฉันแล้วกัน”

“ได้ค่ะ”

“แม่จะให้เธออยู่บ้านใหญ่เหรอครับ” พ่อเลี้ยงเกื้อกูลเอ่ยถามทันทีที่ได้ฟังจบ

“ใช่...ท่าทางแบบนี้ปล่อยให้อยู่รวมกับคนงาน แม่ว่าคงไม่เหมาะ” อันที่จริงพ่อเลี้ยงเกื้อกูลเองก็ห่วงสวัสดิภาพของฟ้าใหม่อยู่เหมือนกัน ดีที่แม่เขาพอจะมองอะไรออก

“ครับ”

“ไปใหม่เข้าบ้านกัน” เอ่ยจบช่อทิพย์ก็คว้าข้อมือฟ้าใหม่ไว้เพื่อจะได้พาเข้าบ้าน

“เข้าบ้านเหรอคะ” คนถูกคว้ามือยืนงงอยู่ที่เดิม ขาแข็งจนไม่ก้าวตามช่อทิพย์ไปแม้แต่น้อย

“ใช่...เข้าบ้านเรา”

“บ้านเรา” ฟ้าใหม่เอ่ยทวนคำพูดที่ได้ยิน จู่ๆ ก็รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยขึ้นมาในใจ รับรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าและผู้ชายคนข้างๆ คือคนดีคนหนึ่ง

“ต่อจากนี้ไปก็คิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้าน เรียกป้าว่าป้าช่อ ส่วนนี่ก็พี่เกื้อ” ช่อทิพย์ยิ้มให้ พร้อมจัดแจงสถานะตัวเองกับพ่อเลี้ยงเกื้อกูลเสร็จสรรพ อันที่จริงเธอก็หวังอยากได้ลูกสาวมาตลอด ท้องและคลอดมาสี่ครั้งล้วนแต่ได้ลูกชายทั้งสี่คน จนหมดหวังที่จะได้อุ้มลูกสาวและยิ่งสามีมาชิงเสียชีวิตไปก่อนก็ยิ่งไม่ต้องหวังเข้าไปใหญ่

รอจนลูกชายนั้นพากันโตพอจะมีครอบครัวได้ ก็หวังมาตลอดว่าจะได้อุ้มหลานสาว แต่บรรดาลูกๆ ทั้งสี่คนก็ยังไม่มีใครคิดจะออกเรือนอีก โดยเฉพาะลูกชายคนโตอย่างพ่อเลี้ยงเกื้อกูลที่อายุอานามนั้นก็ใกล้เลขสี่เข้าไปทุกวัน ลูกชายคนที่สองกับสี่ตอนนี้อยู่ต่างประเทศ ส่วนลูกชายคนที่สามเหมือนจะไม่สมชายเพราะชอบวงการแฟชั่นอะไรพวกนั้น ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้ขวางทางชีวิตลูก แล้วแต่พวกเขาจะเดิน การที่มีฟ้าใหม่เข้ามาอาจช่วยเติมเต็มส่วนที่เธอโหยหาก็เป็นได้

ช่อทิพย์กุมมือฟ้าใหม่ไว้แล้วพากันเข้าบ้านไป เรื่องที่เจอฟ้าใหม่ในรถพ่อเลี้ยงเกื้อกูลช่อทิพย์กำชับครามไว้ว่าห้ามปริปากบอกใครทั้งนั้น ซึ่งครามหรือจะกล้าขัดคำสั่ง

ห้องหับที่ช่อทิพย์เตรียมไว้ให้ฟ้าใหม่นั้นใหญ่พอสมควร ข้าวของเครื่องใช้ก็ครบถ้วน แต่ถึงอย่างนั้นฟ้าใหม่ก็ยังคงเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด

“พักผ่อนซะ พรุ่งนี้เช้าค่อยมาว่ากันใหม่”

“ค่ะ” ฟ้าใหม่เอ่ยรับ แต่เมื่ออยู่คนเดียวเธอก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เธอในชื่อใหม่ชีวิตใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น แต่มันกลับไม่ง่ายเลย นั่นเพราะเธออยากจำเรื่องราวในอดีตให้ได้มากกว่า ว่าเธอนั้นเป็นใคร ไม่ใช่ต้องมาอยู่ที่นี่ ที่ที่มีแต่คนแปลกหน้า ที่นี่ทุกคนเรียกชื่อเธอด้วยชื่อใหม่ แม้จะไม่ต้องการแต่นี่คือความจริงที่เธอต้องยอมรับและเป็นไป

เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน ทำให้คืนนั้นพ่อเลี้ยงเกื้อกูลหลับเป็นตายก็ว่าได้ แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังคงตื่นเช้า แต่ดูเหมือนจะไม่ได้มีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ตื่นเช้า

“นอนไม่หลับเหรอ”

“ค่ะ” ฟ้าใหม่เอ่ยรับ เธอนอนไม่หลับจริงๆ ทั้งที่พยายามข่มตาให้หลับแล้วแท้ๆ พอจะหลับๆ ก็มีอันให้สะดุ้งตื่น เพราะจำอะไรไม่ได้ นั่นทำให้เธอทั้งกลัวทั้งอึดอัดจนต้องระบายมันออกมาด้วยการร้องไห้ เช้านี้จึงตาปูดตาบวมอย่างที่เห็น

“อีกหน่อยคงชินเอง”

“ค่ะ”

“จำอะไรได้บ้างหรือยัง” เสียงทุ้มเอ่ยถาม แม้จะไม่ได้คาดหวังว่าฟ้าใหม่จะจำอะไรได้ในเช้านี้ แต่เขาไม่รู้จะเริ่มบทสนทนาอะไรกับเธอจริงๆ

“ยังไม่ได้ค่ะ” ฟ้าใหม่เอ่ยตอบเสียงเศร้า พลอยทำให้คนถามรู้สึกผิดตามไปด้วยที่ถามอะไรออกไปแบบนี้

“อืม...ค่อยๆ นึกไปแล้วกัน” เอ่ยจบพ่อเลี้ยงเกื้อกูลก็เดินจากไป เพราะอยากรู้ทำให้ฟ้าใหม่เอ่ยถามเขาขึ้นมา

“คุณเกื้อจะไปไหนคะ”

“เข้าไร่” พ่อเลี้ยงเกื้อกูลหันมาตอบ ก่อนจะชักสีหน้าใส่ฟ้าใหม่จนเธอคิ้วขมวดว่าทำอะไรผิดไป เขาจึงเฉลยให้

“แม่ฉันบอกเธอไปแล้วนี่ว่าให้เรียกฉันว่าอะไร”

“เอ่อ....” ฟ้าใหม่อ้ำๆ อึ้งๆ รู้สึกไม่ชินปากยังไงไม่รู้ที่ต้องเรียกเขาว่าพี่ พ่อเลี้ยงเกื้อกูลจึงเอ็ดเธอที่ขัดคำสั่งของผู้ใหญ่ นี่ขนาดยังจำอะไรไม่ได้ก็ชักจะดื้อเสียแล้ว

“ว่ายังไง ที่ถาม”

“ป้าช่อให้เรียกว่าพี่ว่าพี่เกื้อ”

“แล้วทำไมไม่เรียก”

“มะ...ไม่ทราบค่ะ” ฟ้าใหม่แทบไม่กล้าสบตาพ่อเลี้ยงเกื้อกูลด้วยซ้ำ จะบอกไปว่าเธอไม่กล้าเรียกเขาว่าพี่ก็คงฟังไม่ขึ้น

“เรียกให้ถูก เพราะขืนเธอยังเรียกฉันว่าคุณเกื้อๆ อยู่อีก คนที่นี่เขาจะเชื่อได้ยังไงว่าเธอเป็นญาติฉันจริงๆ” จะว่าไปพ่อเลี้ยงเกื้อกูลเองก็เรียกฟ้าใหม่ว่าน้องใหม่หรือใหม่ได้ไม่ค่อยเต็มปากเหมือนกัน ชินกับการเรียกว่า ‘เธอ’ เสียแล้ว คงต้องค่อยๆ ปรับตัวกันไป

“ค่ะ”

“ค่ะพี่เกื้อ ไม่ใช่ค่ะเฉยๆ” พ่อเลี้ยงเกื้อกูลจัดแจงให้เอง ฟ้าใหม่ไม่มีทางเลือกอื่น จึงจำต้องยอมทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ค่ะพี่เกื้อ”

“อืม” เอ่ยรับในคอเสร็จ พ่อเลี้ยงเกื้อกูลก็คว้าหมวกปีกกว้างใบโปรดขึ้นมาสวม จากนั้นก็ตรงเข้าไร่เหมือนทุกเช้า ชายหนุ่มดูทะมัดทะแมงในชุดทำงาน เวลาเขาสวมรองเท้าบูทแบบนี้แล้วมองผิวเผินเหมือนคาวบอยไม่มีผิด

พ่อเลี้ยงเกื้อกูลเข้าไร่ไปแล้ว แต่ฟ้าใหม่ก็ยังคงนั่งทอดอารมณ์อยู่ที่เดิม เช้านี้อากาศค่อนข้างเย็นสบาย แต่ทำไมในใจของเธอถึงยังคงร้อนรุ่ม นั่นเพราะเวลานี้อยากรู้ว่าตัวเองเป็นใครกันแน่ แต่พยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ยิ่งใช้สมองมากก็ยิ่งรู้สึกปวดหัวจนน้ำตาไหล

“พ่อขาแม่ขา ถ้าพ่อกับแม่ยังมีชีวิตอยู่ ช่วยให้หนูจำทุกอย่างได้ทีนะคะ” ฟ้าใหม่เงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วเอ่ยขึ้น ก่อนจะยกมือปาดน้ำตาที่กำลังไหลให้ออกไปจากแก้ม

“อ้าว! มานั่งอยู่ตรงนี้เองเหรอหนูใหม่” ช่อทิพย์ที่เดินตามหาฟ้าใหม่เอ่ยทักขึ้น

“ค่ะป้าช่อ มีอะไรให้ใหม่ช่วยหรือเปล่าคะ” ประโยคคำถามที่แสดงความมีน้ำใจของฟ้าใหม่ทำให้คนฟังยิ้ม เพราะท่าทางกิริยาของเธอบ่งบอกว่าผ่านการอบรมมาเป็นอย่างดี แม้ความจำจะเสื่อมแต่จิตใต้สำนึกก็ไม่ได้สูญหายไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel