บทที่ 3 ปกป้อง
“มาแล้วเหรอครับ กินข้าวก่อนสิ” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายคนตัวเล็กที่เดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารด้วยท่าทางเงอะงะ
“เอ่อ...”
“นั่งสิ” นิโคลัสประคองหญิงสาวให้นั่งลงพร้อมกับสั่งแม่บ้านให้นำอาหารมาเสิร์ฟให้แก่เธอ
“ขอบคุณค่ะ” เอ่ยบอกแม่บ้านที่นำอาหารมาวางตรงหน้า จากนั้นรับประทานอย่างเงียบ ๆ เพราะหิวมากจนทำให้กินข้าวต้มหมดเกลี้ยง
“เอาอีกไหมครับ”
“ไม่แล้ว” ส่ายหัวไปมา
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งนะครับ” ว่าแล้ว รีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“เดี๋ยวก่อน” มือเรียวคว้าท่อนแขนแกร่งไว้พร้อมลุกขึ้นตามอีกคน
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ปรายตามองมือบางแล้วมองกรอบหน้างดงาม ที่ไร้เครื่องสำอางแต่งแต้ม แตกต่างจากเมื่อคืนอย่างสิ้นเชิง
“ทำไมถึงช่วยฉันมากขนาดนี้คะ เราไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย”
“อ๋อ ผมลืมแนะนำตัวไปสินะครับ ผมชื่อนิโคลัสหรือจะเรียกนิคก็ได้” จบประโยค ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างแสดงความเป็นมิตร
“ฉันแพตตี้หรือเรียกแพตก็ได้ค่ะ คือฉันไม่เข้าใจทำไมนายถึงช่วยฉันล่ะ” เธอมองคนตรงหน้าซึ่งคาดว่าน่าจะอายุน้อยกว่าตนเอง
“ผมตกหลุมรักคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ”
คำพูดของคนตัวสูงทำเอาใจสาวเต้นตึกตักอย่างประหลาดเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด
“คุณครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” เพราะเธอยืนเหม่อหลายนาที
“คะ” ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อย
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ” เผยยิ้มอ่อน
“ผมไปเอากุญแจรถก่อนนะครับ เดี๋ยวไปส่งคุณ”
“ค่ะ” พยักหน้ารับพลางมองตามหลังอีกคนซึ่งเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองจนลับหาย
“เมื่อกี้คืออะไรกัน นี่เราใจเต้นกับคำพูดของเขาเหรอ” มือเรียวยกขึ้นมากุมหน้าอกข้างซ้ายอย่างฉงน ทั้งที่เพิ่งอกหักมาแต่ไม่รู้ทำไมกลับไม่ได้เจ็บปวดอีกต่อไป
ตลอดทางนั่งรถกลับร้านดอกไม้ทั้งคู่ไม่ได้สนทนากัน กระทั่งรถแล่นจอดที่หมาย แพตตี้เอ่ยบอกคำลาแก่คนข้างกาย ขณะเอื้อมมือจะเปิดประตูจู่ ๆ ชายหนุ่มคว้าข้อมือเล็กไว้
“เดี๋ยวก่อนสิครับ”
“คะ”
“ผมบอกแล้วนะครับ ว่าตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกเห็น ถ้าคุณไม่ว่าอะไรหลังจากนี้ผมมาหาได้ไหม”
“ไม่ได้ค่ะ” ปฏิเสธทันควัน เธอยังไม่รู้จักเขาดีด้วยซ้ำอยู่ ๆ มาบอกชอบแบบนี้ รู้สึกค่อนข้างแปลกไปหน่อย
“ทำไมล่ะครับ หรือว่าผมไม่ใช่สเปกคุณ”
“เอ่อ...” หน้าตาของเขานี่ใช่สเปกเธอเลย แต่จะให้บอกอย่างนั้นก็คงไม่ได้
“ผมอยากทำความรู้จักคุณมากกว่านี้ ให้โอกาสผมหน่อยนะครับ” ว่าแล้ว นิโคลัสประทับจูบลงบนหลังมือเรียวอย่างอ่อนโยน
“ขอตัวก่อนนะคะ” ชักมือกลับมาพร้อมเปิดประตูรถลงทันใด
ทันทีที่พ้นร่างอรชรของแพตตี้ไม่กี่นาที นิโคลัสเปลี่ยนสีหน้ากับแววตาอย่างรวดเร็ว ก่อนเผยยิ้มร้ายเมื่อคิดว่าอีกไม่นานคงสำเร็จตามแผน
“เหมือนจะง่ายกว่าที่คิด”
บรรยากาศในร้านดอกไม้เริ่มมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น นับตั้งแต่ชายหนุ่มมาหาแพตตี้และอยู่ช่วยงานหญิงสาวเป็นประจำ ทำให้เหล่าลูกค้าผู้หญิงแวะเวียนมาซื้อดอกไม้มากขึ้น เพราะอยากชื่นชมใบหน้าหล่อเหล่าของหนุ่มลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศสของนิโคลัส
“เดี๋ยวผมเอาไปให้ลูกค้าเอง” เขาแย่งดอกไม้ในมือเล็กและนำไปยื่นให้แก่ลูกค้าสาว ไม่วายส่งยิ้มอ่อน
“นี่ครับ”
“พี่เป็นแฟนเจ้าของร้านเหรอ”
“กำลังจีบอยู่แต่ยังไม่ติดเลย” พูดพลางหันหลังไปมองแพตตี้ที่ยืนตรงเคาน์เตอร์แล้วกลับมามองลูกค้าคนดังกล่าวใหม่อีกครั้ง
“จีบให้ติดนะคะ หนูจะได้มาซื้อดอกไม้ทุกวัน” พูดเสร็จ รีบวิ่งออกจากร้านด้วยความเขินอาย
“พูดอะไรของนาย”
“ผมพูดจริงนะครับ ก็ผมตามจีบคุณอยู่จริง ๆ”
“เราไม่ได้รู้จักกันขนาดนั้น” เสียงหวานพูดเบา ๆ แทบไม่ได้ยิน แต่มาเฟียหนุ่มได้ยินชัดเจนจึงโต้กลับ
“คุณยังไม่รู้จักผมตรงไหนอีกล่ะ ผมก็บอกแล้วนี่ครับไนต์คลับที่คุณไปครั้งก่อนมีผมเป็นเจ้าของ ที่เพนท์เฮ้าส์ของผมคุณก็ไปมาแล้ว ไหนจะเคยนอนบนเตียงผมอีกล่ะ”
วาจาจากริมฝีปากหยักได้รูปทำลูกจ้างในร้านยิ้มกรุ้มกริ่ม แพตตี้รีบยกเท้ามาหาคนตัวโต
“นี่พูดอะไรของนาย คนอื่นเขาเข้าใจผิดหมด”
“ผมพูดผิดตรงไหนล่ะ” โน้มหน้าเข้าใกล้หญิงสาว
“นิคจะทำอะไร” มือบางยกขึ้นดันอกกว้างอย่างเว้นระยะห่าง ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาเป่ารดคอระหง ส่งผลให้ใจดวงน้อยเต้นระรัว
“อ๋อ...กูว่าล่ะทำไมมึงไม่ติดต่อมาเลย ที่แท้ก็มีผู้ชายคนใหม่นี่เอง” เสียงของบุคคลมาใหม่ทำให้เธอกับเขาผละออกจากกัน
“พี่ชน” คาดไม่ถึงอดีตคนรักจะมาหากัน หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นเขาไม่เคยมาก่อกวนเลยสักครั้งทำอดสงสัยไม่ได้
“มานี่เลยแพตตี้ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ชนาธิปพุ่งตรงมาหาหญิงสาวพร้อมจับข้อมือเล็กและกระชากอย่างแรง ทำเอาคนตัวเล็กเซแทบล้มคะมำ
“ปล่อยนะพี่ชน แพตเจ็บ” พยายามสลัดมือเขาให้หลุดพ้น
“มานี่เลยแพตตี้ มึงคิดว่ายกเลิกงานแต่งแล้วจะพอเหรอ กูอุตส่าห์รอมึงติดต่อมาแล้วจะยอมยกโทษให้”
“พูดบ้าอะไรของพี่ชน คนที่นอกใจแพตคือพี่ชนนะคะ”
“ก็บอกแล้วไงหลังแต่งงานจะไม่มีเรื่องแบบนั้นอีก” แผดเสียงใส่แพตตี้ด้วยอารมณ์โกรธ
“ทุเรศที่สุด” นึกไม่ถึงเลยคำพูดนั้นจะออกมาจากปากชายที่เคยรัก ช่างเป็นถ้อยคำเห็นแก่ตัวที่สุด “ไปให้พ้นร้านแพตเลย”
“นี่มึงไล่กูเหรอ”
“อย่าแตะต้องแพต” นิโคลัสคว้าข้อมือของชนาธิปที่ยกขึ้นสูงหมายจะฟาดใบหน้าสวย
“มึงเป็นใครอีกล่ะ อ๋อ...ผัวใหม่นังแพตสินะ”
เพียะ! แพตตี้ทนฟังคำพูดหยาบคายของชนาธิปอีกต่อไปไม่ไหว ยกมือเรียวตบแก้มสากของอีกคนอย่างจัง
“มึงกล้าตบกูเหรอ นังแพตตี้” ชนาธิปสะบัดมือเล็กออกห่าง จากนั้นคว้าแจกันดอกไม้บริเวณใกล้ ๆ หมายจะปาใส่หญิงสาว ทว่านิโคลัสเดินมารับแทนทำให้โดนเข้ากับหางคิ้วเข้ม
“ว้าย!! นิค” แพตตี้รีบมาดูนิโคลัสด้วยความเป็นห่วง ก่อนเห็นเลือดสีแดงสดไหลเยิ้ม
“โง่เอง กูไม่เกี่ยวนะเว้ย” ชนาธิปเห็นท่าไม่ดีรีบชิงหนี นิโคลัสส่งซิกให้บอดี้การ์ดหนุ่มที่เดินเปิดประตูเข้ามาพอดีให้ตามไปจัดการ
“นั่งก่อนนะนิค”
“อืม” ชายหนุ่มยอมให้เธอช่วยประคองพาไปนั่ง
“นิวช่วยไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้พี่หน่อย” เอ่ยบอกลูกจ้างในร้านเสร็จ หันมาสนใจคนเจ็บต่อ
“อย่าทำหน้าเครียดสิ แผลแค่นี้ใกล้หัวใจตั้งเยอะ ไม่ตายหรอก” สีหน้าเป็นกังวลของอีกคน นิโคลัสอดไม่ได้พูดแซว
“เดี๋ยวเถอะ” จ้องคนตัวโตอย่างคาดโทษ
“นี่คะ กล่องปฐมพยาบาล”
“ขอบใจนะ” เอื้อมมือไปรับกล่องดังกล่าวจากนิว ก่อนจะทำการปฐมพยาบาลคนตัวโตอย่างเบามือที่สุด
“ผู้ชายคนนั้นเป็นคนรักเก่าของคุณเหรอ” นิโคลัสพูดขึ้นทำลายบรรยากาศความเงียบ
“อืม” ตอบรับในลำคอ ขณะเช็ดคราบเลือดให้แก่ชายหนุ่ม
“เพราะแบบนี้หรือเปล่า คุณถึงไม่ยอมเปิดใจให้ผมสักที”
“ก็ส่วนหนึ่งค่ะ แต่...”
“แต่อะไรครับ” มองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตอย่างเค้นคำตอบ
“เราเพิ่งรู้จักกันเองนะนิค อีกอย่างนายก็อายุน้อยกว่าฉันสามปี”
“ปัญหาอยู่ตรงไหนล่ะครับ ผมอายุน้อยกว่าคุณหรือว่าเราเพิ่งรู้จักกัน”
“ทั้งสองอย่าง”
“แพต ผมไม่สามารถเลือกเกิดก่อนคุณได้หรอก ส่วนเรื่องที่เราเพิ่งรู้จักกันก็ไม่ใช่ปัญหาเลย คนที่คุณรู้จักกันมานานเหมือนผู้ชายเมื่อกี้ยังทรยศต่อคุณได้เลย” เพราะได้ยินบทสนทนาระหว่างแพตตี้กับชนาธิปจึงพอคาดเดาเรื่องราวได้
แพตตี้เงียบไม่ตอบ คำพูดของเขาใช่ว่าจะไม่จริงสักหน่อย เรื่องเวลาไม่ใช่ปัญหาในการคบกันเลย ขนาดเธอรู้จักกับชนาธิปตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยยังถูกนอกใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“พรุ่งนี้ผมต้องเดินทางกลับฝรั่งเศสแล้วนะครับ”
“นิค” เงยหน้ามองเขาอย่างคาดไม่ถึง รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกหลังได้ยินประโยคนั้นจากปากหยัก
“ผมจะรอคำตอบจากคุณที่สนามบินก่อนขึ้นเครื่องสองทุ่ม” เขาพูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก้าวเดินออกไป
“จะกลับฝรั่งเศสแล้วเหรอ” มือเล็กเอื้อมขึ้นบีบอกข้างซ้ายด้วยความรู้สึกปวดหนึบ รู้สึกโหวงเหวงแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
