บทที่ 4 รักครั้งใหม่
ตลอดทั้งวันแพตตี้พลิกตัวไปมาบนเตียงอย่างกระสับกระส่าย คำพูดของนิโคลัสเมื่อวานยังคงรบกวนจิตใจของหญิงสาวตลอดเวลา ทำให้เมื่อคืนนอนแทบไม่หลับ พอเช้ามาไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งนั้น โชคดีวันนี้เป็นวันหยุดจึงไม่ต้องดูแลร้าน
“นายชอบฉันจริง ๆ เหรอ นิค” ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ เพิ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำแต่ไม่รู้ทำไม ใจเรียกร้องหาแต่เขาคนเดียวเท่านั้น
เธอพยายามบอกตัวเองไม่ให้หลงระเริงไปกับความอ่อนโยนของเขา สุดท้ายไม่อาจสลัดความรู้สึกเหล่านั้นไปพ้นจากใจ
“ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้” แพตตี้ลุกขึ้นนั่งพลางยกมือขึ้นกุมบริเวณอกข้างซ้ายที่ใจเต้นระรัวแทบปะทุออกนอกอก
แค่ลองจินตนาการถึงการไม่ได้เจอหน้าเขาอีกต่อไป ใจดวงน้อยรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาดื้อ ๆ
“นี่เราก็ชอบนิคเหมือนกันเหรอ” ในระยะเวลาสั้น ๆ คิดไม่ถึงคนอย่างเธอจะเป็นแบบนี้กับคนที่เพิ่งเจอกันได้ไม่นาน
ขนาดกับชนาธิปกว่าจะคบกัน อีกฝ่ายตามจีบเธอเกือบปี มิหนำซ้ำความรู้สึกที่เธอมีต่อนิโคลัสกับชนาธิปแตกต่างกันสิ้นเชิง โดยไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดีถึงจะเข้าใจ
“จะหกโมงเย็นแล้วเหรอ” เหลือบมองนาฬิกาตั้งโต๊ะ
ตอนนี้เธอมั่นใจความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อนิโคลัสแล้ว ไม่รอช้ากระโดดลงจากเตียงเพื่อเข้าห้องน้ำ
แพตตี้ใช้เวลาจัดการธุระส่วนตัวเกือบหนึ่งชั่วโมง และรีบขับรถไปยังสนามบินกว่าจะถึงก็กินเวลานานพอสมควร ก่อนจะวิ่งหาเขาทั่ว
“นายอยู่ไหนกันนะนิค” กวาดสายตามองรอบกาย ทันใดนั้นสายตาคู่งามบังเอิญปะทะกับแผ่นหลังกว้างแสนคุ้นเคย
“นิค” แพตตี้วิ่งไปสวมกอดเขาจากด้านหลัง ซบหน้าบนแผ่นหลังแกร่ง ไออุ่นของเขาทำเอารู้สึกดีมากราวกับความเหนื่อยจากการวิ่งเมื่อสักครู่ได้มลายหายไป
“แพตตี้” คนโดนกอดแบบไม่ทันตั้งตัวสะดุ้งเล็กน้อย เขาแกะแขนขาวเนียนออกจากเอวสอบ หันหน้าประชันกับหญิงสาว ในขณะมือหนาจับท่อนแขนเล็กทั้งสองข้าง
“หมายความว่าไงครับ” ถามเสียงสุภาพอย่างตื่นเต้น
“ฉันชอบนายนะนิค ชอบมาก ๆ เลย” เธอรู้แล้วตัวเองรู้สึกยังไงกับคนตรงหน้ากันแน่ ทุกครั้งอยู่ใกล้หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะทุกที แค่คิดว่าหลังจากนี้จะไม่ได้เจอกันก็เศร้าขึ้นมา
“จริงเหรอ” เบิกตากว้างอย่างตะลึง
“อืม” พยักหน้ารับ “ฉันชอบนายนะนิค ชอบมากจริง ๆ ช่วยรับความรู้สึกของฉันได้ไหม”
“งั้นถือว่าเราคบกันแล้วนะครับ” เขาฉีกยิ้มกว้าง
“อืม แต่นายกำลังจะไปแล้ว” ใบหน้าหวานสลดลง
“ผมแค่ไปสองสัปดาห์เอง แล้วจะรีบกลับมา” กระซิบบอกข้างใบหูขาวสะอาดให้ได้ยินแค่สองคน
“นิค”
“ครับ”
“นี่นายหลอกฉันเหรอ” ทำตาขวางใส่อีกคน ถึงกระนั้นก็รู้สึกโล่งอกที่ได้ยินคำพูดนั้น
“ผมไม่ได้หลอกครับ เดิมทีผมก็อาศัยอยู่ฝรั่งเศสแต่ผมมาไทยเพราะเรื่องงานเท่านั้น” อธิบายให้คนตัวเล็กฟัง
“แล้ว นาย”
“ไม่ต้องห่วงครับ ช่วงนี้ผมจะบินไปมาระหว่างฝรั่งเศสกับไทยบ่อย ๆ ผมไม่ทิ้งคุณหรอก”
“อืม” พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ผมต้องไปแล้วนะครับ ถ้าช้ากว่านี้ได้ตกเครื่องแน่”
“เดินทางปลอดภัยนะ” มือเรียวยกขึ้นโบกลาเขาซึ่งกำลังก้าวไปเรื่อย ๆ
“แพตครับ ผมชอบคุณมากที่สุด” นิโคลัสวิ่งกลับมาหาแพตตี้ เขาประทับจูบบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาและวิ่งไปเบื้องหน้าต่อ
การกระทำของคนตัวโตทำเอาหญิงสาวช็อก เพราะไม่เคยมีใครปฏิบัติเช่นนี้กับเธอมาก่อน
“เมื่อกี้เขาจูบเราเหรอ” มือบางแตะหน้าผากมนแผ่วเบา เธอถูกเขาจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ใช่ว่าจะไม่ชอบสักหน่อย
แม้ว่านิโคลัสจะเดินทางกลับต่างประเทศ แต่ชายหนุ่มมักจะติดต่อหาหญิงสาวเป็นประจำ ไม่ได้ทิ้งให้โดดเดี่ยวตามลำพัง
“ฉันคิดถึงนายนะนิค รีบมาหานะคะ” แพตตี้พูดทิ้งท้ายไว้เท่านั้น แล้วกดวางสายก่อนเอนกายนอนลงบนที่นอน
ความรู้สึกที่มีต่อนิโคลัสช่างมากมายเหลือเกิน ถึงแม้ตอนคบกับชนาธิปจะรู้สึกดีเช่นกันก็ตาม แต่กลับกันก็เหนื่อยเหมือนกันเพราะเธอมักจะเป็นฝ่ายทำทุกอย่างให้เขา แต่กับนิโคลัสแทบไม่ต้องทำอะไรเลย อีกคนมักจะเข้าหาเธอเอง
“คิดถึงจัง” ดวงตาคู่สวยหลับลงไม่กี่นาทีก็เบิกขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว
เธอรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับชนาธิป เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องในวันนั้น อีกฝ่ายไม่เคยเข้ามาก่อกวนอีกเลยทำเอาอดแปลกใจยิ่งนัก
“จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่ชนหรือเปล่า ช่างเถอะอย่าสนใจคนแบบนั้นเลย” สลัดความคิดในหัวทิ้ง ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะครบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่นิโคลัสไปฝรั่งเศส แต่สำหรับคนรออย่างแพตตี้ค่อนข้างนานเป็นพิเศษ
“เฮ้อ” คนตัวเล็กถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ขณะเตรียมตัวจะล็อกประตูร้าน ทันใดนั้นเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น
“คุณบรูซ” เธอจำได้ดีว่าอีกคนคือลูกน้องของนิโคลัส
“เชิญขึ้นรถครับ นายท่านให้ผมมารับคุณแพต” ฝ่ามือใหญ่เชื้อเชิญหญิงสาว
“แป๊บหนึ่งนะคะ” แพตตี้วิ่งไปชั้นบนเพื่อหยิบกระเป๋าสะพายพร้อมโทรศัพท์และกลับมาหาบรูซภายในไม่กี่นาที จากนั้นเดินไปนั่งเบาะหลังที่บรูซเป็นคนเปิดประตูรถให้
ขณะรถกำลังเคลื่อนตัวสู่ท้องถนน แพตตี้ลอบมองบรูซหลายนาที กระทั่งเสียงบอดี้การ์ดหนุ่มดังขึ้น เธอสะดุ้งนิดหน่อย
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“นิคกลับมาแล้วเหรอ” เพราะเขาไม่ได้บอกไว้ล่วงหน้า
“ครับ นายท่านรีบกลับมาหาคุณแพต”
จบบทสนทนาภายในรถตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง แพตตี้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเนื่องจากท่าทางของบรูซค่อนข้างเคร่งขรึม แถมเขาไม่ค่อยพูด
“คุณบรูซคะ ทำงานกับนิคมานานยัง” เธอพยายามหาเรื่องชวนคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศในรถอึมครึม
“นานแล้ว”
“อ๋อค่ะ” ไม่ได้ถามต่อ เพราะเหมือนอีกคนไม่ค่อยอยากคุยด้วย
“ถึงแล้วครับ”
“ขอบคุณนะคะ อุตส่าห์มาส่ง” แพตตี้เตรียมจะเปิดประตูลงจากรถ แต่หยุดชะงักเพราะอยู่ ๆ บรูซพูดประโยคหนึ่งขึ้นมา
“อย่าให้ใจกับใครมากนัก ผมขอเตือน”
“คะ” หันมองเขาเพื่อถามซ้ำอีกครั้งเนื่องจากได้ยินไม่ถนัด
“รีบลงเถอะ นายท่านกำลังรออยู่”
“อืม” ตอบรับสั้น ๆ แล้วเปิดประตูลงไปอย่างงุนงง
เท้าเรียวย่างกรายเข้าด้านในอย่างเหม่อลอยกับคำพูดที่ได้ยินเมื่อสักครู่ เธอพยายามคิดถึงสิ่งที่ได้ยินก่อนหน้านี้ คืออะไรกันแน่ ทำไมบรูซถึงได้เอ่ยเช่นนั้น
“แพต”
“อ้าวนิค” คนตัวเล็กหลุดจากภวังค์ เงยหน้ามองเขา
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“เปล่าค่ะ”
“เข้าด้านในกันเถอะ” ไม่พูดเปล่า นิโคลัสจูงข้อมือเล็กให้เดินตามเข้าไปด้านในเพนท์เฮ้าส์ ก่อนพาเธอไปนั่งลงบริเวณโซฟาตัวหรู
“เดี๋ยวผมมานะครับ” ว่าจบก็เดินจากไป ทิ้งแพตตี้นั่งคนเดียวตามลำพัง
หญิงสาวกวาดสายตามองรอบกายตัวเองซึ่งหรูหรามากทีเดียว ก่อนหน้าที่เคยมาตอนเธอเมาคราวนั้น ไม่ได้สังเกตละเอียดนักพอได้เห็นเต็มสองตาจึงรู้ได้ทันทีอีกฝ่ายต้องรวยมาก ๆ และรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเขาเลย ฐานะต่างกันมากเกินไป
“น้ำครับ” วางแก้วน้ำตรงโต๊ะกระจกตัวเตี้ย แล้วหย่อนก้นนั่งลงตรงข้ามหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ” รับน้ำขึ้นมาดื่มด้วยอาการลังเลเล็กน้อย
“เป็นอะไรหรือเปล่า คุณดูเหมือนกำลังประหม่า”
“นิค นายแน่ใจแล้วเหรอ ถึงอยากคบกับฉัน”
“ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า” รีบลุกขึ้นไปนั่งข้างกายแพตตี้ และคว้ามือเรียวขึ้นมากุม
“เอ่อ ก็นายรวยมาก ซึ่งฉันไม่มีอะไรเทียบเลย”
“กังวลเรื่องนี้สินะ” พูดพลางเผยยิ้มอ่อน “ผมไม่สนใจเรื่องฐานะของคุณหรอก”
“แต่...”
“ถ้าแพตยังพูดอีก หลังจากนี้เราจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วนะครับ” นิ้วยาวแตะลงบนกลีบปากอวบอิ่ม
“ไม่ ๆ ฉันจะไม่พูดแล้ว” รีบปฏิเสธทันควัน
“หิวไหมครับ เดี๋ยวผมสั่งอาหารมาให้ทาน”
“ฉันขอทำเองได้ไหม” เพราะชื่นชอบการทำอาหาร เลยติดนิสัยทำกินเองมากกว่าซื้อกิน
“คุณทำอาหารเป็นเหรอ”
“อืม รอทานได้เลย” ส่งยิ้มหวานให้แก่คนตัวโต นิโคลัสถึงกับใจเต้นไม่เป็นจังหวะที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้นอย่างไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน
