บทย่อ
“ภัคพูดว่าอะไรนะ” น่านฟ้าถามย้ำเหมือนอยากจะให้โอกาสอีกคนได้คิดทบทวนก่อนที่จะตอบคำถามของเขาใหม่ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะไม่ว่ายังไงคนดื้อเงียบก็ยังเป็นคนดื้อเงียบวันยังค่ำ “ภัคบอกว่าไม่ค่ะ” “ภัคอาจจะลืมไปว่าตอนนี้พี่อยู่ในสถานะเจ้านายของภัค และพี่ขอให้สิทธิ์ในความเป็นเจ้านายสั่งให้ภัคย้ายไปทำแผนกบัญชี คำสั่งนี้มีผลนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไป!” คนบ้าอำนาจ เขาไม่มีสิทธิ์มาเอาแต่ใจกับเธอแบบนี้ คนเพียงคนเดียวที่ออกคำสั่งเธอได้คือแม่ของเขา “งั้นภัคขอลาออกค่ะ ขอให้มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปเหมือนกัน!” คิดเช่นนั้นภัคจิราจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงโกรธจัด ในเมื่อเขาไม่มีเหตุผลกับเธอก่อนคงไม่มีความจำเป็นอะไรที่เธอจะต้องทนอยู่ที่นี่อีก “ภัคจิรา!” “เลิกยุ่งกับภัคสักที พี่น่านยังต้องการอะไรจากภัคอีกคะ ไม่ต้องสงสารเห็นใจ! ไม่ต้องมาเสแสร้งแกล้งเป็นห่วงเป็นใยกัน เพราะความห่วงใยจอมปลอมของพี่ภัคไม่ต้องการ!” ไม่ว่าจะความสงสาร เห็นใจ หรือความรู้สึกแบบไหนถ้ามันมาจากเขาเธอไม่ต้องการ ทางที่ดีเขาควรอยู่ให้ห่างจากเธอ เจอหน้าก็ไม่ต้องมาทัก ทำเหมือนไม่เคยรู้จักกันเลยยิ่งดี เพราะเธอก็คิดและจะทำกับเขาแบบนั้นเหมือนกัน! “เสแสร้งเหรอภัค อะไรทำให้ภัคคิดว่าทั้งหมดที่พี่ทำมันคือการเสแสร้ง!” ต้นแขนบอบบางถูกกระชากอย่างแรงจนร่างบอบช้ำปลิวเข้ามาอยู่ในวงแขนแกร่ง แต่กระนั้นภัคจิราก็ไม่คิดดิ้นรนต่อสู้ให้ตัวเองต้องเหนื่อยเปล่า เพราะเธอรู้ว่าตัวเองสู้เขาไม่ได้ไม่ว่าจะด้วยกำลังหรือสมอง เธอเลือกที่จะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองคนใจร้ายทั้งน้ำตานองหน้า ในเมื่อเขาอยากจะรู้นักว่าทำไม ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปิดบัง! “ใบหย่านั่นยังไงล่ะคะคือสิ่งที่ชัดเจนที่สุด!”
บทนำ
บทนำ
สวนกุหลาบสุริเยน
คุณสุวรรณและคุณประพล สองสามีภรรยาเจ้าของสวนกุหลาบขนาดใหญ่ของเชียงรายจำต้องรีบเปิดบ้านเพื่อต้อนรับ ‘เพื่อนบ้าน’ รายใหม่ ที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ก่อนจะเอ่ยเชิญคนทั้งสองที่อุตส่าห์เดินทางมาทักทายกันถึงบ้านเข้ามายังห้องรับแขกก่อนจะสั่งให้เด็กรับใช้ไปเรียกลูกชายทั้งสอง ให้เข้ามาทำความรู้จักเพื่อนบ้านคนใหม่อย่างเป็นกันเอง
“เข้ามานี่สิจ๊ะตาเมฆ ตาน่าน มารู้จักคุณป้ามาลีกับหนูภัคเร็วเข้าลูก ทั้งสองเป็นเพื่อนบ้านคนใหม่ของพวกเราจ๊ะ” สิ้นคำแนะนำของมารดา เด็กหนุ่มที่มีอายุห่างกันเพียงสามปีก็ยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าก่อนสายตาของหนึ่งในนั้นจะหันไปสบเข้ากับดวงตาใสซื่อของใครบางคนที่เอาแต่ยืนหลบอยู่ข้างหลังของผู้เป็นป้าด้วยท่าทีเขินอาย
‘น่ารักจัง’
นั่นเป็นสิ่งแรกที่ดังก้องขึ้นยามเมื่อน่านฟ้าได้เห็นเด็กผู้หญิงที่กำลังจะย้ายมาเป็นเพื่อนบ้านคนใหม่ของเขาเข้า ขาทั้งสองข้างไม่รีรอที่จะรีบเดินเข้าไปทักทาย พร้อมยื่นอมยิ้มในมือส่งให้น้องน้อย
“พี่ให้” เด็กหญิงวัยเจ็ดขวบหลบสายตาจากเด็กผู้ชายตรงหน้าไปมองผู้เป็นป้าเหมือนจะขอความช่วยเหลือ ด้วยเธอถูกมารดาสอนมาโดยตลอดว่าห้ามรับของจากคนแปลกหน้าอย่างเด็ดขาด แต่ถึงอย่างนั้นอมยิ้มตรงหน้าก็ดูน่ากินเหลือเกิน มันทำให้เด็กน้อยเกิดอาการสองจิตสองใจ ใจหนึ่งก็อยากได้แต่อีกใจก็กลัว
“รับสิจ๊ะภัค พี่เขาอุตส่าห์ให้” จนเมื่อได้รับอนุญาตจากผู้เป็นป้ารอยยิ้มเล็กๆ จึงเผยขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปรับอมยิ้มจากพี่ชายใจดี
“ขอบคุณค่ะ”
สองมือน้อยๆ พนมไหว้อย่างน่ารักก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้ตามติดเป็นการของคุณ ภาพนั้นทำให้น่านฟ้าอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ความรู้สึกถูกชะตา ที่มันไม่ได้เกิดขึ้นกับใครง่ายๆ ตอนนี้กำลังเกิดขึ้น
เกิดขึ้นกับเจ้าของ ‘รอยยิ้มของคนขี้ตกใจ’
ขณะที่เหนือเมฆกลับไม่ได้ให้ความสนใจต่อสองป้าหลานตรงหน้านี้สักเท่าไหร่ เพราะคิดเอาเองว่าอีกเดี๋ยวก็คงต้องย้ายออกไปเหมือนรายอื่นๆ เพราะบ้านข้างๆ ของเขาตั้งแต่จำความได้ยังไม่มีใครทนอยู่ได้นานเกินสองปีเลยสักราย สาเหตุคงมาจากผืนดินบริเวณนั้นปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น จึงเป็นเรื่องยากที่ครอบครัวไหนจะทนอยู่ได้นาน สุดท้ายก็ต้องประกาศขายเฝ้ารอของเจ้าของใหม่ตามเคย

