Beginning
โปรดักส์ชั่นเฮ้าส์ที่ฉันทำงานอยู่ในอาคารใหม่ทันสมัยใจกลางเมืองแถมอยู่ในแนวรถไฟฟ้า เจ้าของบริษัทเงินหนาขนาดเพิ่งเช่าออฟฟิศเพิ่มอีก 1 ชั้น เพื่อแยกส่วนของห้องอัดเสียง ห้องตัดต่อ ออกมาจากชั้นที่ทำเป็นสำนักงานและห้องประชุมเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังใจกล้าลงทุนสร้างสตูดิโอครบวงจรเปิดบริการให้เช่าอีกด้วย งานของฉันมันก็เลยแตกยิบย่อยออกไปหลายกลุ่มลูกค้าแล้วตอนนี้ จากที่แต่ก่อนออดิโอเอ็นจิเนียอย่างฉันรับโปรเจคมิกซ์เสียงประกอบพวกงานแสดงคอนเสิร์ต งานดนตรี อีเว้นท์และภาพยนต์ ตอนนี้จะมีพวกงานตัดต่อเสียงในห้องบันทึกเทปโทรทัศน์เข้ามาเพิ่ม แต่ฉันจะไม่บ่นอะไรมากนักหรอกเพราะบริษัทจ่ายค่าเหนื่อยให้คุ้มอยู่ แค่นานๆทีอาจไม่ค่อยคุ้มกับค่ายารักษาโรคเครียด
พอลงจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเลือกทางออกที่ 2 แล้วก็เดินเท้าต่ออีกประมาณ 300 เมตร ก็ถึงหน้าตึกแล้ว ฉันยืนรอลิฟท์ด้านฝั่งซ้ายของอาคารพอประตูลิฟท์เปิดออกก็เห็นเดลิเวอรี่แมนจากร้านแมคโดนัลด์เดินสวนออกมา อาหารเที่ยงคงรอฉันอยู่ข้างบน แสงแดดร้อนแรงของกรุงเทพมหานครยามเที่ยงทำเอาหน้ามืดได้เหมือนกัน ฉันเดินเข้าไปยืนในลิฟท์ที่มีผู้ร่วมโดยสารอีก 4 คน แม้จะไม่ได้แออัดอะไรสำหรับการใช้พื้นที่ร่วมกันแต่เพราะอากาศและกลิ่นที่ผสมปนกันมั่วไปหมดทำให้รู้สึกเวียนหัวจนต้องยกมือขึ้นมาคลึงขมับเบาๆ ลักษณะอาการของฉันมองผิวเผินแล้วคงคล้ายกับคุณป้าวัยทองป่วยเป็นโรคความดันที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำแทรกซ้อน ฉันอาจจะคิดดูใหม่เรื่องออกกำลังกายให้มากขึ้นและลดการบริโภคอาหารขยะหรือพวกของทอดลงเหมือนอย่างที่เธอเคยบอก
“ไลอ้อนคิงส์มาแล้ว” ก้อนทองร้องทักฉันเป็นคนแรก เขาแหกปากตะโกนข้ามฟากมาจากส่วนสำนักงานด้านในขณะที่ฉันเพิ่งจะผลักประตูเดินถึงส่วนโถงรับรอง หมอนี่จมูกไวจริงๆ
“พี่เพลิน หวัดดีค่ะ” น้องที่นั่งเป็นด่านหน้าตรงเคาน์เตอร์ต้อนรับร้องทักฉัน คิดดูสิว่าน้องหน้าแบ๊วคนนี้นั่งจ้องลิฟท์อยู่ตลอดยังตาไม่ไวเท่ากับก้อนทองซึ่งยืนหลีเด็กฝึกงานอยู่ข้างในนั่นเลย น้องยี่โถยื่นแก้วน้ำและถุงอาหารส่งให้พร้อมกับใบเสร็จรับเงิน ฉันมองผ่านๆแล้วล้วงหยิบแบงค์ร้อยส่งให้น้องไปสามใบ
“ขอบใจจ้ะยี่ ไม่ต้องทอนพี่นะ”น้องยี่โถไหว้ขอบคุณก่อนจะบอกฉันว่าจองห้องออดิ 2 ไว้ให้แล้ว ฉันมองสบตากับก้อนทองส่งสัญญาณว่าให้ไปที่ห้องออดิ 2 เขาทำท่าพยักหน้าเข้าอกเข้าใจแต่ก็ยังยืนยิ้มกอดอกรอให้ฉันเดินเข้าไป
“วันนี้มีลูกค้ามั้ยยี่”
“มีที่สตูค่ะพี่เพลิน ถึง 5 ทุ่ม” ฉันพยักหน้าพอใจกับคำตอบที่ได้รับอย่างน้อยคืนนี้ก็ไม่ได้มีแค่ทีมงานของฉันที่ต้องอยู่โยงดึกดื่นอย่างเดียวดายห้องบันทึกเสียงหรือห้องอัดอย่างที่เรียกกันแบบสั้นๆเปิดไฟเขียวอยู่เพียงห้องเดียวจากจำนวนทั้งหมด 4 ห้อง ฉันเดินลิ่วไม่สนใจก้อนทองที่วิ่งเหยาะๆตามหลังมา ปลายผมสไลด์ที่ยาวเคลียบ่าของฉันเริ่มทิ่มแทงสร้างความรำคาญให้กับต้นคอ ที่คาดผมแบบวงยางรัดจึงเป็นอุปกรณ์ช่วยบรรเทาความรำคาญที่จำเป็นต้องพกไปไหนมาไหนด้วยตลอด
“สั่งเผื่อผมด้วยป่ะเนี่ย” ฉันไม่ตอบก้อนทอง เพียงแต่โยนถุงใบใหญ่นั่นลงที่โซฟาหนังที่อยู่ในห้องอัด น้ำอัดลมพร่องไปเกือบหมดแก้วแล้วฉันถึงเพิ่งได้หยิบชีสเบอร์เกอร์ออกมาเคี้ยว สวมยางคาดผมเปิดหน้าผากชุ่มเหงื่อของตัวเองและอันเดอร์คัทเหนือใบหูทั้งสองข้างให้สัมผัสกับไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศ เดินไปนั่งที่หน้าแผงอีควอไลเซอร์ หยิบเฮดโฟนมาครอบหู เปิดสวิตช์ออน
“แทร็ค 4” ก้อนทองร้องบอก พร้อมชู 4 นิ้ว ฉันหันไปมองแล้วยกนิ้วส่งสัญญาณโอเคให้เพื่อให้เขาปล่อยฉันไว้กับงานที่ต้องเรียบเรียงสักพัก เสียงดนตรีที่คุ้นเคยค่อยๆดังเข้ามาในโสตสัมผัส ฉันฟังเสียงพวกนี้ติดต่อกันมาเป็นอาทิตย์แล้วและกำลังจับมันเข้ามาผสมกับทำนองของเสียงอื่นให้มันออกมากลมกล่อมพอดิบพอดีตามโจทย์ของนายจ้าง มันเป็นความกลมกล่อมที่ฉันต้องทำขายภายใต้ความรู้สึกอันแสนขมขื่นหลังจากที่หญิงคนรักเพิ่งหอบกระเป๋าออกไปจากบ้านรั้วไม้เทียมสีมะฮอกกานี แม้แต่หมวกคลุมอาบน้ำเธอก็เอาไปด้วย ภาพแปรงสีฟันอันโดดเดี่ยวที่อยู่ในแก้วเซรามิคสีเปลือกไข่กำลังทำร้ายความรู้สึกฉันอย่างร้ายแรงที่สุด
