บทที่ 4 ยาพิษในราตรี
บทที่ 4 ยาพิษในราตรี
คืนแรกของการมาเยือนจวนสกุลจ้าว ค่ำคืนนี้เงียบสงัดกว่าทุกคือ แสงจันทร์ฉาบลงบนหลังคาจวนเสนบดีจ้าว ราวกับแสงสุดท้ายก่อนพายุร้ายจะกระหน่ำลงมา
ดวงจันทร์ลอยลับหลังม่านเมฆ ทิ้งให้เงาค่ำครองทั่วเรือนจวนเสนาบดี
ลมเย็นเฉียบแทรกเข้าระหว่างซี่หน้าต่างราวกับเสียงกระซิบจากโลกวิญญาณ
และนั่นคือคืนแรกที่หลานฮวาเดินทางกลับมา…
ลมเย็นหอบกลิ่นสมุนไพรประหลาดบางอย่างลอยผ่านหน้าต่างบานเล็กของห้องครัวใหญ่ ไม่มีใครรู้ว่า กลิ่นหอมนั้นไม่ใช่กลิ่นของเครื่องปรุง แต่คือ พิษ จากยอดเขาอันไร้ผู้คน
พิษนิมิตเงา
เป็นยาที่ท่านทวดเคยเตือนนางมิให้ใช้ หากไร้เหตุจำเป็น มันไม่ฆ่า ไม่เจ็บ ไม่ปรากฏร่องรอย แต่จะชักนำผู้ถูกพิษเข้าสู่ห้วงฝันอันสั่นคลอนความจริง
บิดเบือนเวลา ความทรงจำ และดึงเอาความกลัวที่ซ่อนลึกที่สุดมาเปิดโปง และหลานฮวา…เลือกใช้มันลงมือในคืนนี้
เมื่อเรือนของหลานเมยกลายเป็นของนาง
เมื่อนางก้าวเข้ามาแทนที่พี่สาว
เมื่อต้องเริ่ม ล้างบัญชี และตามหาความจริง
ในฝัน
ฮูหยินจ้าว กรีดร้องสุดเสียงเมื่อร่างของนางตกลงจากหน้าผาสูงชัน ผ้าคลุมศีรษะสีแดงของเจ้าสาวพันรัดรอำคอนาง ดึงรั้งให้นางดิ่งลึกลงไปในหุบเหวที่ไม่มีที่สิ้นสุด เสียงหัวเราะของเด็กหญิงคนหนึ่งดังแทรก พร้อมกับเสียงกระซิบ
“ท่านแม่ใหญ่…อย่าแสร้งลืม ว่าเคยขังใครไว้ใต้เรือนเมฆขาว อย่าลืมว่าเฆี่ยนตีเด็กหญิงคนหนึ่งอย่างโหดร้าย คนที่ท่านบอกว่ารักดั่งบุตรในครรภ์”
จ้าวหยงชิง สะดุ้งตื่นกลางดึกหลังจากถูกลากเข้าสู่นิมิตที่น่าสะพรึง เขามองเห็น อนุจ้าว ที่ตายจากไปนานหลายปี สวมชุดเจ้าสาวเก่าเก็บที่หลานเมยเคยใส่ลองครั้งหนึ่ง ใบหน้าถูกไฟเผาจนบิดเบี้ยว แต่ดวงตากลับแน่วนิ่ง
“ท่านรับปากจะเลี้ยงดูบุตรสาวของข้าอย่างดี…แล้วเหตุใด หลานฮวา จึงตายโหงเยี่ยงนั้น”
เขาตัวสั่น เหงื่อแตกซึม
ก่อนร่างนั้นจะค่อย ๆ ยื่นมือที่เปื้อนเลือดฉ่ำมาทางเขา
“อีกคนก็ถูกพรากไป…อีกคนท่านก็ผลักไสจนตายจ้าวหยงชิง…ท่านก่อกรรมสิ่งใดไว้กับลูกของข้า”
เสียงสะดุ้งตื่นดังขึ้นพร้อมกันหลายเรือน
ฮูหยินจ้าว ร้องเรียกสาวใช้ด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว เสนาบดีจ้าวหอบหายใจรุนแรง ใจเต้นโครมครามราวกับกำลังหนีตาย
แม้แต่บ่าวไพร่ในเรือนเล็ก ๆ ยังฝันเห็นเงาดำที่เดินไปมาในจวนทั้งคืน
คืนแรกของการกลับมา หลานฮวาไม่ได้เพียงแค่ เข้ามาอยู่ในเรือนหลานเมยและแทนที่ตัวเจ้าสาวที่ตายไปนางเริ่ม สร้างรอยร้าวในใจของทุกคนที่เคยพรากบางสิ่งจากพี่สาวของนาง
รุ่งเช้าหลังคืนอันประหลาด…
แสงแดดยามสายเริ่มสาดเข้ามาในเรือน บ่าวไพร่ทยอยตื่นขึ้นมาทำหน้าที่ของตนตามปกติ เว้นก็เพียงแต่…บรรยากาศในจวนวันนี้ ช่างเงียบงันผิดปกติอย่างประหลาด
เสียงฝีเท้าเบา ๆ ของสาวใช้คนหนึ่งดังขึ้นในห้องน้ำชา นางชื่อ ซูซู เป็นบ่าวเก่าแก่ที่คอยดูแลเรือนหลานเมยมาตั้งแต่ยังเล็ก หลังจากคุณหนูหลานฮวาย้ายเข้ามาแทนที่ นางก็ยังรับหน้าที่เดิมต่อโดยไม่มีปากเสียงตามที่นายท่านสั่ง
ซูซูเก็บถาดน้ำชาที่เหลือจากเมื่อคืนไว้ในมุมเรือน นางกำลังจะล้างขันชาที่คุณหนูหลานฮวาใช้เมื่อคืน ทว่าทันทีที่เปิดฝากาน้ำออก…
“อึ่ก…!”
มือของนางชะงักทันทีที่กลิ่นแปลกประหลาดลอยขึ้นกระทบจมูก กลิ่นหอมขื่นเจือด้วยกลิ่นยาสมุนไพรบางชนิด ผสมกับกลิ่นโลหะอ่อน ๆ ที่นางจำได้ดีว่าเคยเจอตอนสมัยช่วยท่านหมอปรุงยาให้เจ้านาย น้ำในกามีสีขุ่นข้นคล้ายยาต้มที่ทิ้งไว้นาน ไม่ใช่น้ำชาใสที่นางรินให้เมื่อคืน
ซูซูเบิกตากว้าง มือสั่นเล็กน้อย ยกขันขึ้นดูอีกใบ ยังมีกลิ่นจาง ๆ แบบเดียวกัน
“ไม่ใช่ชาแน่นอน…ใคร…ใครเป็นคนเปลี่ยน…”
นางหันไปมองประตูด้วยหัวใจที่เริ่มเต้นถี่ราวกับรู้สึกได้ถึงสายตาใครบางคน…ที่กำลังจับจ้องจากที่ไหนสักแห่ง
ทันใดนั้น
“มีอะไรหรือซูซู” เสียงหวาน ๆ ดังขึ้นเบื้องหลัง
หลานฮวาในชุดสีดำขลับ ยืนอยู่ตรงกรอบประตูด้านนอก ดวงตาเรียบนิ่งแตะเข้ากับสายตาของซูซู นางสะดุ้ง รีบวางขันน้ำในมือแล้วก้มหน้าลง
“ม…ไม่มีเจ้าค่ะ บ่าวแค่จะล้างถ้วยชา”
หลานฮวายิ้มเพียงมุมปาก เดินเข้ามาช้า ๆ แล้วแตะปลายนิ้วลงบนฝากาน้ำชาที่เปิดอยู่ กลิ่นนั้นยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ
“อย่าทิ้งมัน” นางเอ่ยเบา ๆ ข้าอุตส่าห์ปรุงเองกับมือ”
ซูซูชะงัก หัวใจแทบร่วงถึงตาตุ่ม“ปรุง…ปรุงคุณหนูหมายถึง…”
“หมายถึงชานั่นแหละ” หลานฮวาพูดเสียงเรียบ นางยิ้มดวงตาทอประกายเยียบเย็น “เมื่อคืนทุกคนคงฝันหวานกันใช่ไหม”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ของหลานฮวาลอยคลอในอากาศ ก่อนที่นางจะเดินจากไปเหลือเพียงซูซูที่ทรุดนั่งลงกลางห้องน้ำชา…มือเย็นเฉียบและเหงื่อผุดเต็มหลัง แม้ใบหน้าคุณหนูหลานเมยกับคุณหนูหลายฮวาจะเหมือนกันจนแยกไม่ออก แต่แววตาเสียงหัวเราะ ช่างต่างกันราว…ฟ้ากับเหว
เสียงหัวเราะของหลานเมย มักเจือด้วยความอบอุ่น อ่อนโยน แม้จะเกิดมาในฐานะดาวนำโชค ถูกคนทั้งจวนเอาอกเอาใจ ทว่าหลานเมยกลับไม่เคยถือเนื้อถือตัว นางยังลงมาเล่นกับบ่าวไพร่อย่างไม่มีถือตัว ยามที่นางหัวเราะ เสียงนั้นคล้ายสายลมในฤดูใบไม้ผลินุ่มนวลและเบาสบาย
แต่เสียงหัวเราะของหลานฮวา…
มันเย็นยะเยือก แม้จะเบาแต่กลับคล้ายคมมีดบาดผ่านหลังคอ เหมือนลมหายใจของบางสิ่งที่ไม่อาจมองเห็นกำลังไล่หลังอยู่เงียบ ๆ
นางคือเงา เงาของดาวหายนะที่ถูกผลักไสจากแสงสว่าง
ซูซูลูบหน้าอกตนเองเบา ๆ รู้สึกว่าหัวใจยังเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
“เหมือนกัน…แต่ก็ไม่เหมือน…”
เสียงพึมพำของนางแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินหากหลานฮวากลับมาเพื่อแก้แค้น…หากน้ำชานั่นคือเพียงจุดเริ่มต้น…หากฝันร้ายของทุกคนเมื่อคืนไม่ใช่แค่บังเอิญ…
จ้าวหยงชิงยืนเงียบอยู่กลางลานกว้าง มือที่กำดาบแน่นจนเส้นเลือดปูด ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุประหลาดเช่นนี้ แม้จะคิดว่านั่นคืออุปทานหมู่ เพราะมีคนหน้าเหมือนกันมาแทนที่คนที่เพิ่งตายจากไป แต่เขารู้ในใจว่า นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เขาทำได้เพียงเก็บความสงสัยไว้ภายในใจ เพราะนางคือเบี้ยตัวเดียวที่เขาเหลืออยู่
