ใช่ว่าจะต้องทำเอง 1.1
บทที่ 6
ใช่ว่าจะต้องทำเอง
เมื่อทุกคนได้ยินว่าที่แท้นางก็แค่ฝันร้ายเท่านั้น ก็ทั้งฉิวทั้งขัน แต่ก็อดพรู่ลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกไม่ได้
“โถ่เอ๊ย เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง มา ๆ ฝันร้ายของเจ้า พี่ชายจะขอซื้อต่อเอง” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ล้วงหยิบมุกราตรีเม็ดเท่ากำมือเด็กขึ้นมาแล้วส่งให้น้องสาว ‘แค่นี้พอจะซื้อฝันร้ายของเจ้าได้หรือไม่’
“พอเจ้าค่ะ มันเพียงพอจริงๆ”
หลินซูเม่ยยิ้มทั้งน้ำตา พี่ชายของนางก็ยังคงเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน อีกฝ่ายก็มักจะเอ็นดูและเอาใจใส่นางเสมอ หลินซูเม่ยมองใบหน้าของหลินวั่นเฉิง ก่อนจะกวาดตามองทุกคน
นางยังมีคำพูดมากมายอยากจะพูดกับพวกเขา ครานี้ตัวนางไม่อาจทำตัวเลอะเลือนเหมือนอย่างชาติที่แล้วได้อีกต่อไป
“ท่านพี่ มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากขอกับท่าน เราไปคุยกันที่ห้องสมุดของท่านพี่ได้หรือไม่” นางเอ่ยขึ้นกับพี่ชายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาๆ
หลินซูเม่ยยังไม่กล้าเอ่ยเรื่องนั้นต่อหน้าบิดามารดา จึงขอไปคุยกันกับเขาที่ห้องหนังสือของพี่ชายที่เรือนรองแทน
“ได้สิ งั้นเราไปที่เรือนของพี่กันเถอะ” หลินวั่นเฉิงพยักหน้าตอบรับ
“ท่านพ่อ ท่านแม่ เดี๋ยวลูกมานะเจ้าค่ะ” หลินซูเม่ยหันมาก้มหัวให้ท่านทั้งสอง แล้วเดินไปพร้อมพี่ชาย
ห้องสมุดตระกูลหลิน
“ไหนเจ้าว่ามา เจ้าอยากได้อะไร ข้าจะไปหามาให้” หลินวั่นเฉิงเอ่ยถามขึ้นเมื่อมาอยู่ในห้องสมุดกันเพียงสองคนพี่น้อง
“ข้าอยากได้คนของท่านไว้ใช้งานหน่อย” หลินซูเม่ยตอบกลับไปอย่างไม่มีอ้อมค้อม เพราะนางรู้ตัวดีกว่านางไม่มีเวลามากนัก
“หืม? หมายถึง?” หลินวั่นเฉิงขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย
“องครักษ์เงาของท่าน แค่คนที่ไว้ใจได้สักสองสามคนก็พอ” นางเอ่ยเฉลยความต้องการของตนเอง
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพี่มีองครักษ์เงา เรื่องนี้แม้แต่ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ยังไม่รู้”
หลินวั่นเฉิงเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ เรื่องที่เขาแอบลักลอบเลี้ยงองครักษ์เงาไว้ข้างกายนี้เป็นความลับสูงสุด เพราะขุนนาง ไม่ว่าจะเป็นบุ๋นหรือบู๊ ก็ไม่ควรมีกองกำลังเป็นของตัวเองเพราะอาจจะมีโทษตายจากข้อหาก่อกบฏได้
แต่ตัวเขาซุปเลี้ยงองครักษ์เงาเอาไว้แค่ไม่กี่คน ไม่อาจนับว่าเป็นกองกำลังได้ การที่เขาต้องมีองครักษ์ไว้ก็เพราะต่อให้ทหารในกองทัพสังกัดของเขาจะมีฝีมือเก่งกาจและจงรักภักดีแค่ไหน แต่อย่างไร เขาก็ยังอยากมีคนไว้คอยทำงานในที่ลับอยู่ดี
“ได้หรือไม่” หลินซูเม่ยถามขึ้นอีกเมื่อเห็นพี่ชายนิ่งไป
“เจ้าบอกพี่มาก่อน ว่าเจ้ารู้เรื่ององครักษ์เงาของพี่ได้อย่างไร” หลินวั่นเฉิงเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัย
หลินซูเม่ยมองพี่ชายอย่างลังเล จะให้นางบอกนางได้ผูกคอตายไปแล้วและได้ย้อนอดีตกลับมาได้จริงๆ หรือ พี่ชายจะเชื่อนางจริง ๆ หรือส่วนเรื่ององครักษ์เงาของพี่ชายนั้น ที่นางรู้เป็นเพราะหลังจากที่นางแต่งงานแล้ว
พี่ชายก็ยกมือดีในองครักษ์เงาของเขาให้มาเป็นสินเดิมของนางหลายคน เขาให้นางพาองครักษ์เงาเหล่านั้นเข้าจวนองค์ชายรองไปด้วย เผื่อไว้สำหรับให้นางได้ใช้สอย เรียกได้ว่าทุกคนล้วนคิดเผื่อนางทั้งนั้น มีแต่นางที่โง่งมหลับหูหลับตาไม่รู้เรื่องอะไร
“ข้าแค่เดาเอาน่ะ ก็ท่านพี่ของข้าเป็นถึงรองแม่ทัพ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีคนไว้ใช้สอยสิ ข้าเดาถูกต้องหรือไม่” นางแสร้งทำหน้าซื่อ ๆ มองพี่ชายด้วยดวงตากลมใส
