ช่างดีเหลือเกิน
บทที่ 4
ช่างดีเหลือเกิน
“คุณหนู ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ อ๊ะ! ไม่ได้นะเจ้าคะคุณหนู จะลงจากเตียงด้วยเท้าเปล่าไม่ได้ เดี๋ยวเกิดคุณหนูต้องไอเย็นจนล้มป่วยไปอีก แล้วจะทำยังไงเจ้าคะ” สาวใช้เข้ามาในห้องนอนของคุณหนูของนางก็รีบร้องห้ามทันทีอย่างเป็นห่วง
พูดจบสาวใช้นางนั้นก็รีบกระวีกระวาดไปหารองเท้ามาสวมให้กับเท้าเรียวเล็กคู่สวยดุจหยกมันแพะของนาง และเพราะตอนนี้เพิ่งจะผ่านพ้นช่วงฤดูหนาว ทำให้อากาศยังเย็นอยู่มากทีเดียว เท้าของนางจึงดูซีดเซียวลงเล็กน้อย
หลินซูเม่ยปล่อยให้สาวใช้ปรนนิบัติอย่างว่าง่าย สาวใช้รีบเปลี่ยนชุดให้นาง ส่วนตัวนางก็นั่งจ้องเงาของตัวเองในกระจก แพรขนตายาวกะพริบไหวเมื่อเห็นภาพตัวเองสะท้อนมา นางแลดูอ่อนเยาว์ลงมากทีเดียว ถ้าเทียบกับตอนที่นางตัดสินใจทำเรื่องเลวร้ายลงไป ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่าออกมาบ่งชัดว่านางยังคงมีชีวิตอยู่
‘นี่คือบัญชาสวรรค์ให้ข้ากลับมาแก้ไขเรื่องเลวร้ายใช่หรือไม่’ หลินซูเม่ยได้แต่เฝ้าถามตัวเองในใจ
แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ แต่ทุกอย่างก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด นั่นทำให้มีรอยยิ้มเล็กที่มุมปากเรียวสวยของนาง
“จริงสิเจ้าคะ วันมะรืนนี้จะมีคณะละครเร่ของหลงเล่อมาจัดแสดงที่ตลาด เมื่อปีก่อนเห็นคุณหนูชอบมาก ปีนี้จะไปดูอีกหรือไม่เจ้าคะ” ขณะที่สาวใช้กำลังถักเปียผมให้หลินซูเม่ยอยู่นั้น จู่ ๆ นางก็เอ่ยอย่างนึกขึ้นได้ หลินซูเม่ยมุ่นคิ้วเล็กน้อยพลางนึกทบทวน
‘คณะละครเร่หลงเล่ออย่างนั้นหรือ แสดงว่าข้าย้อนเวลาห้าปีสินะ’ เป็นอีกครั้งที่นางถามตัวเองในใจ
แม้เวลาจะผ่านไปเพียงแค่ห้าปี นับจากเหตุการณ์ปัจจุบันที่นางได้ย้อนอดีตมา แต่พวกรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ก็ใช่ว่านางจะจำได้ เหมือนว่าเมื่อห้าปีก่อน นางจะไม่ได้ไปดูการแสดงที่ว่านี่นะ...
ไม่สิ นางไปนี่ เพียงแต่ว่าตอนนั้นดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ใช่! นางจำได้แล้ว เมื่อห้าปีก่อน นางได้ขอกับบิดาไปเที่ยวตลาดเพื่อไปดูการแสดงของคณะละครเร่ แต่ทว่าในตอนนั้นดันเกิดเหตุการณ์ม้าตื่นคนแล้วกำลังจะตรงเข้ามาเหยียบนาง แต่ก็ได้องค์ชายรองช่วยเอาไว้ นับว่าเป็นวันแห่งโชคชะตา ที่พาให้ต้องไปพบกับจุดจบอันแสนบัดซบในอีกห้าปีต่อมา
ตัวนางในตอนนั้นคงเสียสติไปแล้วจริง ๆ ที่เอาแต่รบเร้าอยากจะแต่งกับอีกฝ่าย ถึงขั้นว่ายอมอดข้าวอดน้ำเพื่อเรียกร้องความสนใจจนสุดท้ายบิดามารดาถึงได้ยอมในที่สุด จวบจนนางได้แต่งเข้าจวนองค์ชายรอง ช่างน่าเศร้านัก ท้ายที่สุดแล้วชีวิตที่นางใฝ่ฝันก็เป็นเพียงแค่เรื่องตลกขบขันของคนผู้หนึ่ง
จะว่าไปนี่ก็ช่างบังเอิญนัก ปกตินางไม่ค่อยออกจากจวนบ่อย หากไม่มีเทียบเชิญจากตระกูลสูงศักดิ์นางก็ออกจากจวนน้อยครั้งมาก แต่ในวันนั้นตอนที่นางไปตลาด ผู้คนมากมายเดินให้ควัก แต่ม้าตัวนั้นกลับพุ่งมาหานางราวกับมีอะไรดลใจ หนำซ้ำองค์ชายรองที่ไม่น่าจะมาอยู่แถวนั้น ก็ดันออกมาช่วยนางได้ทันเวลาพอดี โลกนี้มีเรื่องบังเอิญเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ
‘ไม่ ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญเป็นแน่ เหตุการณ์ทั้งหมดจะต้องเป็นแผนการขององค์ชายรองที่วางเอาไว้เพื่อที่จะหลอกล่อข้าให้หลงเข้าไปติดกับแน่ ชั่วช้านัก เจ้าเดรัจฉานนั่น นี่เขาคิดแผนการเอาไว้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วอย่างนั้นหรือ? โง่จริงๆ เลย หลินซูเม่ย’ นางได้แต่คิดในใจด่าว่าตัวเอง เมื่อคิดย้อนไปเรียบเรียงถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
หลังจากม่านหมอกที่เคยบดบังสายตาของหลินซูเม่ยมานานได้จางหายไป ในที่สุดนางก็ค่อย ๆ ค้นพบความจริงที่บัดซบ
“คุณหนูเจ้าคะ เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่เคร่งเครียดและความเงียบของผู้เป็นคุณหนูของจวน สาวใช้จึงเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล ไม่รู้ว่านางคิดไปเองหรือไม่ แม้ว่าคนตรงหน้ายังเป็นคุณหนูหลินซูเม่ย แต่นางกลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูแปลกไป
เหมือนว่าคุณหนูน้อยของนางจะดูสุขุมเป็นผู้ใหญ่และนิ่งขึ้นมาก ดวงตาที่ก่อนหน้านี้เคยทอประกายสว่างสดใส แต่ก็แฝงไปด้วยความดื้อรั้นนิด ๆ แต่ในยามนี้ดูเศร้าหมอง ราวกับคนที่ผ่านเรื่องราวทุกข์ใจมามากยิ่งนัก
“ไม่มีอะไร ข้าไม่ได้เป็นอันใดเสียหน่อย” หลินซูเม่ยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดูสดใสและพยายามยิ้มให้สาวใช้ของตน
“เช่นนั้นหรือเจ้าคะ ถ้าอย่างนั้นคงเป็นหรัวจิ่วที่คิดมากไป คุณหนูต้องไม่เป็นอะไรอยู่แล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้เอ่ยขึ้นอย่างสบายใจที่ได้ยินเสียงสดใสและได้เห็นรอยยิ้มของคุณหนู
‘นั่นสินะคุณหนูที่ถูกตระกูลหลินเลี้ยงดูเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด็กราวกับเป็นบรรพบุรุษน้อยเช่นนี้ จะไปเคยผ่านเรื่องทุกข์ใจอันใดกัน’ หรัวจิ่วทำได้แค่คิดในใจ
“แล้วเรื่องไปดูคณะละครเร่...” สาวใช้เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อยังไม่ได้คำตอบในเรื่องที่นางเอ่ยถามก่อนหน้า
“ไม่ล่ะ ข้าไม่อยากไปแล้ว” หลินซูเม่ยตอบกลับไปสั้น ๆ
เหตุที่ตอบออกไปแบบนั้นเพราะว่านาง ไม่อยากจะพบเจอกับแผนการอันน่าอัปยศอดสูนั่นอีกแล้ว นางไม่อยากถูกจูงจมูกหรือถูกหลอกใช้เหมือนในชีวิตที่ผ่านมา ชีวิตใหม่ของนางในครั้งนี้ นางจะขอลิขิตมันเอง!
‘ในเมื่อสวรรค์ให้โอกาสให้ข้าได้กลับมาแล้ว ข้าขอสาบานว่าจะใช้ทั้งชีวิตของข้า ข้าชดใช้ให้พวกท่าน แผนการเลวร้ายที่องค์ชายรองเคยทำไว้ ข้าจะทำให้มันปรากฏออกมาทั้งหมด! เขาจะต้องได้รับโทษอย่างสาสม’ หลินซูเม่ยคิดในใจและจ้องมองตัวเองในกระจก เหมือนกับกำลังสาบานกับตัวเองอยู่
“เสร็จแล้วค่ะคุณหนู”ในที่สุดหรัวจิ่วก็แต่งตัวให้คุณหนูของนางจนเสร็จ
“จริงสิหรัวจิ่ว แล้วท่านพ่อท่านแม่ล่ะ” หลินซูเม่ยถามขึ้นเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ พอรู้ว่าได้กลับมาเกิดใหม่แล้ว บุคคลแรกที่นางอยากจะพบมากที่สุดก็คือบิดามารดา
“ตอนนี้นายท่านใหญ่กับฮูหยินกำลังพักผ่อนอยู่ที่เรือนหลักเจ้าค่ะ” หรัวจิ่วแม้ว่าจะสงสัยว่าเหตุใดคุณหนูถึงถามถึงท่านพ่อแม่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าทั้งสองคนอยู่ที่เรือนหลัก แต่นางก็ยังตอบออกไปโดยไม่ถามอะไร
“อื้ม ข้าจะไปหาพวกท่าน” หลินซูเม่ยพยักหน้ารับรู้และเอ่ยบอกความต้องการให้สาวใช้ได้รู้
“เจ้าค่ะ” หรัวจิ่วขานรับและเตรียมตัวตามไปปรนนิบัตินาง
หลินซูเม่ยหยัดกายลุกขึ้นก้าวออกจากห้อง เดิมทีฝีเท้าของนางยังก้าวสั้น ๆ เพื่อรักษามารยาทตามแบบอย่างที่ได้เรียนรู้มา แต่เพราะหัวใจที่คิดถึงท่านทั้งสองอย่างท่วมท้นทำให้ฝีเท้าค่อย ๆ ก้าวยาวขึ้นและเร็วขึ้น จนเปลี่ยนเป็นวิ่งในที่สุด
“คุณหนู เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ เหตุใดจู่ ๆ ถึงได้วิ่งเช่นนี้ มันเป็นกิริยาไม่งามเลยนะเจ้าคะ คุณหนู! รอบ่าวด้วยเจ้าค่ะ!” หรัวจิ่วตกใจอย่างมากที่เห็นคุณหนูของนางวิ่งไปอย่างนั้น จึงได้แต่ร้องเรียก เมื่อไม่ได้ผลก็จำต้องวิ่งตามไปทันที
