จุดจบ
บทที่ 2
จุดจบ
ส่วนทางด้านหลินฮองเฮาที่คัดค้าน เพราะรู้ดีว่าองค์ชายรองเป็นพวกมักใหญ่ใฝ่สูง บางทีอีกฝ่ายอาจจะกำลังคิดวางแผนแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทกับบุตรชายของนางอยู่ก็ได้
แต่ไม่คาดคิดว่าทางฝั่งขององค์ชายรองเองก็ถูกตาต้องใจนางเช่นกัน อีกฝ่ายได้ไปไหว้วานให้มารดาที่เป็นกุ้ยเฟยช่วยเหลือ หลินซูเม่ยเป็นคนสกุลหลินสกุลเดิมของฮองเฮา แน่นอนว่าย่อมไม่ถูกกับนาง แต่เพราะนางไม่อาจขัดใจบุตรชายได้ ทั้งยังถูกอีกฝ่ายเกลี้ยกล่อมจนใจอ่อนยอมส่งแม่สื่อไปทาบทาม
ทางด้านของหลินซูเม่ยที่รู้เรื่องก็ดีใจแทบคลั่ง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรบิดาก็ยังไม่ยินยอม สุดท้ายแล้วนางจึงใช้วิธีประท้วงด้วยการอดข้าวอดน้ำ ร้องขอให้บิดามารดาเห็นใจ ท่านราชครูหลินที่เห็นนางเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ไหนเลยจะยอมทนเห็นนางล้มป่วยได้
ท้ายที่สุดจึงยอมใจอ่อนให้นางได้หมั้นหมายกับองค์ชายรอง ภายหลังจากที่นางพ้นวัยปักปิ่น นางก็ได้แต่งเป็นพระชายาเอกเข้าจวนขององค์ชายรองไป
ชีวิตคู่ที่นางวาดฝันกำลังจะเริ่มต้น แต่ใครจะไปคิดว่านี่คือหนทางไปสู่นรก
หลินซูเม่ยยิ้มหยันให้กับความโง่เขลาของตัวเอง ใบหน้ายังแฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยและความรู้สึกผิดอย่างท่วมท้น กล่าวขอโทษบิดามารดา พี่ชาย และทุกคนที่ถูกนางลากไปตายวันละหลายร้อยรอบ
“ขันทีฝู ข้าอยากเจอองค์ชายรอง เจ้าช่วยไปเรียกองค์ชายรองมาพบข้าได้หรือไม่ ถือเป็นคำขอร้องครั้งสุดท้าย” หลินซูเม่ยเอ่ยขึ้นกับขันทีที่จงรักภักดีกับสกุลหลิน
“ยามนี้ท่านจะเรียกพระองค์ว่าองค์ชายรองไม่ได้แล้ว พระองค์ได้รับแต่งตั้งจากฝ่าบาทให้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทแล้ว” ขันทีฝูช่วยแก้ให้ ทว่าหลินซูเม่ยกลับแค่นหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
“หึ! ได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทแล้วเช่นนั้นหรือ ตำแหน่งที่ได้มาเพราะอุบายสกปรกเยี่ยงนี้ มันน่ายกย่องตรงไหนกัน เจ้าลองไปถามเขาดู หมั่นโถวเลือดคน อร่อยหรือไม่” หลินซูเม่ยเอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยัน นางรู้ดีว่าบัลลังก์นั้นสูงเกินเอื้อม หากว่าไม่ยอมทุ่มสุดตัว ทำทุกวิธีก็ไม่สามารถปีนขึ้นไปนั่งได้
“เหนียงเหนียง พอเถอะ” ขันทีฝู ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วเอ่ยขึ้น หากให้เขาเอาความเช่นนั้นไปถามกับองค์รัชทายาทจริง มีหวังอีกฝ่ายคงได้เอาโทสะมาลงกับเขาแทนเป็นแน่ ดีไม่ดีโทษนั้นอาจจะตาย
“ไป เจ้าจงไปตามเขามา บอกว่าข้ามีเรื่องสำคัญที่อยากจะคุยกับเขา” หลินซูเม่ยไม่สนใจท่าทางของขันทีเฒ่า นางออกคำสั่งอีกครา
ขันทีฝูถอนหายใจ จะให้เขาไปตามองค์รัชทายาทให้มาพบนางเช่นนั้นหรือ ให้ไปตามก็ไปตามได้อยู่หรอก แต่อีกฝ่ายจะยอมมาหรือไม่ก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้ เพราะขนาดแค่ชื่อของนางองค์รัชทายาทยังคร้านที่จะฟัง
“บอกไปว่าข้ารู้ที่ซ่อน ของสิ่งนั้น ที่เขากำลังตามหา” หลินซูเม่ยเอ่ยขึ้นอีก คราวนี้นางทิ้งหมากตัวสุดท้ายออกไป ‘ของสิ่งนั้น’ จะทำให้เขารีบมาพบนางถึงที่นี่แน่
“ได้ ๆ กระหม่อมจะรีบไปกราบทูล”
แม้ไม่รู้ว่าของสิ่งนั้นที่นางหมายถึงคืออะไร แต่ขันทีฝูก็ยังยอมไปอยู่ดี”
หลังจากที่ขันทีร่างท้วมรีบร้อนจากไป หลินซูเม่ยก็ค่อยคลี่ยิ้มออกมา แต่ทว่าเป็นรอยยิ้มที่ส่งไปไม่ถึงดวงตา คนที่ละโมบโลภมากอย่างฉีเยี่ยนจื่ออย่างไรก็ต้องรีบร้อนมาเพราะของสิ่งนั้นจะทำให้เขาได้มาซึ่งอำนาจที่เขาต้องการ
จากนั้นหลินซูเม่ยค่อย ๆ หันกลับไปมองยังหีบไม้ใบหนึ่ง ซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่นางเหลืออยู่ ก่อนจะเปิดออกแล้วหยิบเอามีดสั้นเล่มหนึ่งออกมา
มีดสั้นด้ามนี้สมัยก่อนพี่ชายของนางที่เป็นถึงแม่ทัพพิทักษ์แดนเหนือ ได้เคยมอบให้นางได้พกไว้ติดตัว ไว้ใช้ในคราวจำเป็น แต่คิดไม่ว่านางเพิ่งจะได้นำมันมาใช้ก็คราวนี้
หลินซูเม่ยกรีดมีดลงบนข้อมือของตัวเอง ปล่อยให้เลือดค่อย ๆ ไหลรินออกมา นางใช้ปลายนิ้วแตะไปที่หยดเลือด จากนั้นค่อยบรรจงเขียนข้อความลงบนพื้น ทุกรอยขีดที่เขียน ทุกตัวอักษรล้วนอัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้นของนาง
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น นางจึงค่อย ๆ หันไปหยิบผ้าแพรสีขาวที่อยู่ในหีบออกมา ยามนี้ใบหน้าของนางเริ่มค่อย ๆ ซีดเซียวจากการเสียเลือด แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อสิ่งที่นางคิดจะทำ
หลินซูเม่ยเงยหน้าขึ้นมองขื่อคานเบื้องหน้า ในดวงตาไร้ซึ่งความลังเล กลับมีเพียงแค่ความเศร้าเสียใจ...เสียใจที่นางไม่รีบ ๆ จากไปให้เร็วกว่านี้ กลับรั้งชีวิตอยู่ โดยที่ทุกคนกลายเป็นดินเหลือง กันไปหมดแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ อภัยให้คนโง่เขลาเช่นข้าด้วย” นางเอ่ยออกมาอย่างสุดเสียใจ และลงมือทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้
ไม่นานหลังจากนั้น ก็ได้มีเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งดังมาจากนอกเรือน พวกเขามาเยือนที่เรือนเปลี่ยวร้างแห่งนี้ เพราะรู้ที่ซ่อนของสิ่งนั้น ว่าที่หลินซูเม่ยบอกว่ามันซ่อนอยู่ที่ใด นางพูดมานั้น นางรู้จริงหรือไม่
“โอ๊ะ นั้น..”
ทว่า ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร พวกเขาก็ต้องตกใจกับภาพตรงหน้า โดยเฉพาะฉีเยี่ยนจื่อ ที่ตกใจจนฉี่แทบราด
หลินซูเม่ยใช้ผ้าขาวแขวนคอตัวเอง ดวงตาแดงก่ำของนางเบิกโพลงจ้องมายังเขาด้วยความอาฆาตแค้น ราวกับจะกลืนกินตัวเขาเข้าไปทั้งตัว และในตอนนั้นเอง ที่เขาได้สังเกตเห็นว่าตรงใต้เท้าของนาง ถูกเขียนเอาไว้ด้วยอักษรเลือด
วิญญาณคือเครื่องเซ่น ข้าขอสาบาน ว่าข้าจะกลับมาจากน้ำพุเหลือง เพื่อมาแก้แค้นเจ้าให้ทรมาน ตายอย่างไร้ที่ฝัง!
