4 กระท่อมร้อนรัก(ต่อ)
“เฮอะ...ข้าไม่กัดนิ้วท่านให้ขาด นับว่าประเสริฐอย่างที่สุดแล้ว” หญิงสาวตอบอย่างเล่นลิ้น ไม่น่าเชื่อว่านางผู้มาจากโลกแห่งความจริง กำลังใช้ความสามารถของตนล่อลวงตัวร้าย และหวังว่าเขาจะตกหลุมพราง
“โอ้ ข้าช่างโง่เขลา ทำคุณบูชาโทษโดยแท้ ถามหน่อยเถิด เจ้าเป็นสตรีเยี่ยงใดกัน ถึงได้ถูกวางยาพิษกำหนัดขั้นรุนแรง หรือว่าเจ้าแย่งชิงเจ้าบ่าวผู้อื่นจากเตียงนอนเขา ไม่ก็คงยั่วยวนพ่อหม้ายจนฝ่ายนั้นเกิดความปรารถนาอยากทำให้วิญญาณเจ้าหลุดออกจากร่างยามร่วมรักกันราวกับสัตว์ป่า”
หยวนชิงอี้ไม่อยากฟังสิ่งใดที่เขาเอ่ย มันแทงใจดำเกินไป แต่ความบัดซบมันอยู่ตรงนี้ ด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ เจือความเย้าหยอกที่แสนจิกกัด ทำให้นางอยากแนบชิดร่างกายอุ่นจัด
ในตอนนั้น นางจึงเล่นสนุกกับนิ้วยาวใหญ่ของเขาอีกหน
ทั้งดูด เลีย ก่อนเม้มรุนแรงจนชายหนุ่มส่งเสียงคำรามเอ็ด
“คุณหนู เจ้าอยากท้าทายใครก็ได้ แต่อย่าริปฏิบัติกับข้า” ชายหนุ่มบอกจบ จึงจับร่างนางพลิกให้นอนหงายบนฟูก ฝ่ายเขาอยู่ด้านบน ก่อนค่อยๆ แยกขานางให้กว้าง กว้างพอที่เขาจะแทรกตัวเข้าไปอยู่ตรงกลาง
ขณะเดียวกัน มือใหญ่แหวกคอเสื้อนางออก เผยให้เห็นเอี้ยมตัวบาง เขาหัวเราะเล็กน้อย ก่อนใช้ฟันคมๆ กัดสายเอี๊ยมขาด แล้วดึงทิ้งอย่างไม่ใยดี ในช่วงเวลาดังกล่าวกลิ่นหอมจากเรือนกายนางส่งถึงเขาไม่หยุด เส้นเลือดที่ลำคอหยวนชิงอี้เต้นแรง ทั้งยอดหน้าอกสีผลอิงเถาก็ชวนให้เขาส่งความสุขถึงนาง
เขาแลบลิ้นสากแสนอุ่นออกมา และไล้ไปตามริมฝีปากบางของตน ภาพของอ๋าวเซียวเหรินส่งผลให้หยวนชิงอี้เร่าร้อนกว่าเดิม
“เทพสังหารแซ่อ๋าวผู้นี้ ทำสิ่งใดแล้วรับผิดชอบเสมอ”
ยามนั้น หยวนชิงอี้หูดับชั่วขณะ ร่างกายยิ่งส่งแรงขับเคลื่อนออกมาไม่หยุด ยอดหน้าอกตั้งชัน ส่วนที่หวานฉ่ำก็มีน้ำใสๆ เกาะพราวไปหมด นางไม่ปฏิเสธเขา สิ่งใดที่จะเกิดต่อจากนี้ ไม่นึกหวาดกลัว ทุกอย่างย่อมลิขิตเอาไว้ และนางจะสานต่ออย่างเต็มที่
เมื่อสองขานางถูกยกสูง ส่วนที่หวานเยิ้มจึงจ่ออยู่ใกล้กับขาที่สามอันใหญ่โต การเคลื่อนไหวของอ๋าวเซียวเหรินชวนให้ครั่นคร้าม หากเจือความซาบซ่านที่สุด จมูกโด่งเขาเคลื่อนเข้ามาใกล้ปลายจมูกนางก่อนมันจะชนกัน แล้วลมหายใจทั้งคู่ก็รินรดอีกฝ่าย
“ถ้าเจ็บจงรีบบอกข้า...”
หญิงสาวยิ้ม รอยยิ้มนางดึงดูดเขาเหลือเกิน แต่สิ่งที่นางเอ่ยทำให้อ๋าวเซียวเหรินทึ่งจัด
“คำพูดนี้สมควรเป็นข้าที่ถามท่านมากกว่าหากเจ็บ... จงรีบบอกให้ข้าหยุด และเตือนไว้ก่อน สตรีเช่นข้าหากพึงใจสิ่งใดแล้ว จะไม่ยอมทิ้งขว้างให้หลุดมือ ท่านจะเป็นสมบัติให้ชิงอี้เชยชมตลอดไป”
หยวนชิงอี้บอกจบก็เผยอริมฝีปากขึ้น เชื้อเชิญให้ชายหนุ่มส่งสัมผัสเร่าร้อนเข้าสู่เรือนกายงดงาม
“สตรีเก่งกล้าเกินงามใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี”
นางไม่ตอบ หากขยับตัวเข้าหาเขาอย่างพึงใจ ในยามนั้นส่วนหวานฉ่ำของนางถูกปลายหัวหยักบานใหญ่ถูไถไปมา
หยวนชิงอี้ซ่านสยิว พอนางเคลื่อนตัวอีกนิด ความอึดอัดก็เกิดขึ้น
“อื้อ... โปรดอย่าเร่ง... ช้ากว่านี้สักหน่อย” ขนบนร่างกายนางลุกชัน หัวสมองสร้างภาพเลื่อนเปื้อนไม่หยุด หน้านิยายที่เคยอ่าน ไฉนจะมีฉากหวานล้ำเช่นนี้ หยวนชิงอี้ก็เป็นแค่ตัวประกอบ คอยรับคำสั่งผู้อื่นเพื่อให้นางเอกของเรื่องได้สั่งสอนนางไปกระทั่งต้องจบชีวิตอย่างอนาถ
“กระบี่ประจำตัวข้า หากชักออกจากฝักแล้ว ถ้าไม่ได้ดื่มของหวาน อย่าคิดว่า ข้ามันจะสงบลงง่ายๆ”
“ข้าไม่ใช่คนอ่อนแอ หรือกลัวเกรงสิ่งใด และเมื่อท่านคิดยื่นมือช่วยเหลือ จงอย่าใจเสาะล้มเลิกกลางคัน”
ชายหนุ่มหัวเราะเสียงห้าวใหญ่ พอเขาตั้งใจบดกลีบปากตนกับกลีบปากฉ่ำวามวาม หยวนชิงอี้ก็ใช้ฟันรั้งริมฝีปากล่างเขาก่อนออกแรงขบเม้ม และกัดเบาๆ
“หญิงชั่ว...จะ เจ้า ปรารถนาดื่มเลือดผู้อื่น เป็นอาหารหรืออย่างไร” อ๋าวเซียวเหรินถามเสียงเครียด ในขณะที่กำลังถูกหยวนชิงอี้ออกแรงกว่าเดิม เขาไม่ได้เจ็บ เพียงแต่ไม่เคยถูกสตรีนางใด รุกเช่นนี้
หยวนชิงอี้ทำสิ่งที่รุนแรงเกินไปนิด แต่นั่นเป็นเพราะกลีบหวานๆ ถูกปลายหัวหยักดันเข้าไปจนอึดอัด พอนางปล่อยริมฝีปากเขาเป็นอิสระ สองมือก็ขยี้ผมของเขาที่เกล้าขึ้นและมัดไว้อย่างเรียบร้อย ซึ่งนางทำให้มันเสียรูป ขณะเดียวกันก็ส่งเสียงบอกเขาว่า
“ข้ากำลังจะตาย... ทะ ท่าน... สิ่งนั้นใหญ่โตเกินไป”
“เด็กน้อยจงเชื่อเถิดว่า ยามที่อยู่ในตัวเจ้า มันสามารถพองตัวได้มากกว่านี้”
บอกนางจบ เอวสอบก็เคลื่อนไหวจากเนิบช้าเป็นรุนแรง
กระทั่งผ่านไปเกือบสามคืน หยวนชิงอี้จึงได้พบกับขบวนรถม้าของตระกูลหยวน แต่ทุกอย่างย่อมไม่เหมือนเดิม
หยวนชิงอี้ได้ยินเสียงคำรามของเทพสังหารอีกหน ฟังดูก็รู้ว่าเขาขัดใจ ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
“ถ้าคุณหนูของเจ้ายังแกล้งสลบอยู่เช่นนั้น ก็ตามใจนางสักหน่อย แต่...จงรู้ไว้ว่า มารยาของสตรี มิอาจใช้กับบุรุษเช่นข้าได้” อ๋าวเซียวหรงกล่าว พลางใช้หางตามองหยวนชิงอี้... ยามนั้นคล้ายมีบางสิ่งที่ทำให้เขาต้องขมวดหัวคิ้วเข้มเข้าหากัน
ชายหนุ่มไม่เข้าใจตนเอง ก่อนหน้าเขาช่วยนางเพื่อการใด และการสัมผัสร่างกายกันและกันอย่างลึกซึ้งทำให้เขาโหยหาเรื่องอุ่นเตียงไม่หยุด
หยวนชิงอี้ได้ยินคำใส่ร้ายตนเองนับครั้งไม่ถ้วน นางจึงลืมต้าขึ้นช้าๆ ยามนั้นแพขนตางอนดกหน้าไหวอยู่สองสามหน และขอบตาของนางแดงระเรื่อ หญิงสาวมองเทพสังหารด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการขอบคุณ ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใด
“เก็บแรงเอาไว้เสียเถอะ... หากภายหน้ายังมีชีวิตรอด และอยากขอบคุณข้า คงไม่สายจนเกินไป” บอกหยวนชิงอี้จบ เขาก็มองนางอีกครั้ง และยอมรับว่าสะดุดต่อดวงตาที่ดูเหมือนมีกลุ่มดาวสุกสว่างอยู่ด้านใน นอกจากนั้นริมฝีปากก็ชวนให้มองอย่างไม่รู้เบื่อ
อย่างไรก็ตาม สำหรับเขา สตรีผู้นี้งามรึ... สำหรับนางคงใช้คำนี้ได้อย่างไม่เต็มปาก ถึงอย่างนั้น เขามีความคิดโหดเหี้ยม เพราะอยากถลกหนังจิ้งจอกที่ห่อคลุมร่างนางออก เพื่อดูเนื้อแท้ข้างในของหยวนชิงอี้
เทพสังหารก้าวไปเตรียมจะขึ้นม้า ทว่าผู้ติดตามทำท่าคันปากยิบๆ เขาเลยใช้สายตาบอกให้อีกฝ่ายพูด
“แม่ทัพอ๋าว เสื้อคลุมของท่าน”
อ๋าวเซียวเหรินพึ่งนึกได้ในตอนนั้น เสื้อคลุมดังกล่าว เขาใช้มันห่อร่างของหยวนชิงอี้ในตอนที่ออกกระท่อม
“ให้ข้าไปนำมันกลับมาดีหรือไม่” ผู้ติดตามถาม และสีหน้าย่ำแย่มิน้อย
“หากเสี่ยวปิงถามถึงมัน ก็จงบอกว่าข้าทำมันหายระหว่างออกขับไล่โจรป่าก็แล้วกัน”
ถึงจะเอ่ยเช่นนั้น แต่อ๋าวเซียวหรงก็เกิดลางสังหรณ์บางอย่างในแง่ร้าย และจากเสื้อคลุมดังกล่าว เป็นสิ่งที่สตรีซึ่งเขารักและทนุถนอมตัดเย็บขึ้นอย่างประณีต กว่าจะได้มาครอบครอง เขาต้องลงสนามแย่งชิงมาจากคนผู้หนึ่ง
“ข้าหวังว่า คุณหนูเจ็ดจะเชื่อตามที่ท่านแม่ทัพบอก”
อ๋าวเซียวหรงสูดลมหายใจลึก และขึ้นไปอยู่บนม้าตัวโต ในขณะที่เตรียมบังคับม้าออกจากจุดนั้น เขามิวายมองไปยังหยวนชิงอี้ ซึ่งได้เห็นว่านางสัมผัสเสื้อคลุมที่เขาห่อร่างให้ด้วยสัมผัสอ่อนโยน ราวกับเป็นของรักของหวง
