3 กระท่อมร้อนรัก
ดังนั้น ฝ่ายนางต้องอกสั่นขวัญแขวน กล่าวได้ว่า จนมีความคิดโง่เขลาอยากกลั้นใจตายไปเสีย
อ๋าวเซียวเหริน... บุรุษที่ถูกเขียนให้เป็นศัตรูหัวใจเจ้าของร่าง เนื่องจากเนื้อหาเดิมในนิยาย ตัวประกอบง่อยๆ อย่างหยวนชิงอี้ กำพร้าพ่อและแม่ จนถูกเรียกว่าเป็นดาวอัปมงคลตระกูลหยวน นับแต่เด็กถูกส่งตัวไปอยู่เรือนนอก พออายุได้สิบขวบเกิดโรคระบาดในหมู่บ้าน เลยต้องไปอยู่สำนักนางชี และกลายเป็นศิษย์ปลายแถว ที่รับใช้ทุกคนเยี่ยงทาส อดมื้อ กินมื้อ ใช้ชีวิตอย่างคนไม่มีตัวตน จวบจนได้รับการช่วยเหลือ จึงได้กลับเรือนรองตระกูลหยวน ถึงอย่างนั้น นางได้สร้างปัญหาใหญ่หลวงจนหวิดถูกขายเข้าสำนักโคมเขียว
ซึ่งความเบาปัญญา ทั้งอยากเอาใจผู้อื่น เพราะอยากให้ตนกลายเป็นที่รัก เลยตกเป็นหมากให้เหล่านางร้ายยืมมือรังแกนางเอกของเรื่องอย่างซ้ำซาก ฝ่ายเทพสังหารที่คอยคุ้มครองนางเอก จึงเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของหยวนชิงอี้ไปโดยปริยาย และเขาคือผู้ส่งนางไปให้พ้นหูพ้นตา สุดท้ายชีวิตอนาถขั้นสุด หญิงสาวต้องรับใช้คณะทูตที่ดินแดนทางใต้ มีหน้าที่เป็นสตรีระบายตัณหาให้แก่บุรุษมากหน้า ก่อนจบชีวิตในคอกสัตว์อย่างน่าสงสาร
อนิจจาชาติก่อน ถึงนิยายบรรยายเรื่องราวต่างๆ ของหยวนชิงอี้ไว้ไม่มากนัก แต่ทุกบรรทัดช่างข่มขื่นโดยแท้ เมื่อรู้ว่าตนมาอยู่ในร่างนี้แบบเลือกชะตาชีวิตไม่ได้ ไฉนหยวนชิงอี้จะต้องก้าวขาลงขุมนรก นางไม่ได้สมองทึบอย่างที่ใครบางคนกล่าวหา ดังนั้นการใช้ไหวพริบ และความฉลาดอย่างรอบรู้ คือสิ่งสำคัญที่จะทำให้หญิงสาวไม่ต้องกลับสู่เรื่องราวแบบเดิมใน เอาละ... บอสสาวจากอีกโลก จะพลิกบทหยวนชิงอี้เสียใหม่ ให้กลายเป็นคุณหนูชาเขียวตัวแม่... ที่กุมหัวใจเทพสังหารเอาไว้ในกำมือ เพราะนางรู้ดี มิใช่พระเอก หรือ พระรองในนิยายที่มีความสามารถพลิกฟ้าดิน แต่ผู้บงการหลายสิ่งเอาไว้คือ อ๋าวเซียวเหริน ดังนั้นเขาคนเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้นางมีชีวิตรอด ไปจนนิยายเรื่องนี้เดินทางถึงตอนจบ
***************
คราแรกอ๋าวเซียวเหรินตั้งใจพาหญิงสาวกลับไปหาพี่สาวของนาง ทว่าเห็นอาการที่รุนแรงแล้ว เขาคิดว่าปล่อยไปเช่นนั้น ย่อมสร้างความอับอายให้หยวนชิงอี้เกินไป อย่างน้อยที่สุด เมื่อยื่นมือช่วยเหลือ เขาคงต้องออกแรงอีกสักหน่อย สนับสนุนนางให้ได้มีลมหายใจไปอีกสักปีสองปี ซึ่งมันคงมากพอทำให้ตามหาคนร้าย และแก้แค้นในสิ่งที่พวกเขากระทำต่อนางสำเร็จ
กระท่อมลับของนายพราน ถูกใช้เป็นที่ปลดปล่อย ระบายความอัดแน่นในร่างกายของหยวนชิงอี้ สถานที่แห่งนี้ คนที่เขารู้จักวางค่ายกลอำพรางตาทหารต่างแคว้นไว้ ทั้งที่มันอยู่ในพื้นที่อันตราย ด้วยเป็นเขตที่พร้อมมีการปะทะได้ทุกเมื่อ ชายหนุ่มมองร่างของหยวนชิงอี้ซึ่งพึ่งโยนนางลงไปในอ่างไม้ที่มีน้ำอุ่นๆ และที่ทำให้เขาฉงนและทึ่ง นางไม่ได้ขวยเขินเมื่อต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าเขา
หยวนชิงอี้ทำให้เขาเข้าใจว่า ระหว่างชายหญิง เป็นเรื่องปกติหากต้องใช้ชีวิตร่วมกัน
“ร่างกายของท่านกับข้า แตกต่างกันก็จริง...และข้าไม่คิดว่า เป็นเรื่องน่าละอายหากต้องเปิดเผยเนื้อหนังของตน”
“ข้าไม่เคยได้ยินผู้ใดกล่าวเช่นนี้มาก่อน หากไม่ใช่คนเสียสติ คุณหนูก็คงเป็นพวกวิตถาร และใกล้เคียงว่าไร้ยางอาย”
หยวนชิงอี้สูดลมหายใจลึก ระงับโทสะเป็นอย่างมาก และเอ่ยกับเขา
“ถึงอย่างนั้นท่านก็ยังไม่หันสายตาไปทางอื่น หรือว่าอยากอาบน้ำเป็นเพื่อนข้า หึๆ ๆ ในกระท่อมนี้ คงมีคนไร้ยางอายสองคน!”
“คุณหนู...เจ้ากำลังล้อข้าเล่น... อย่าได้กล่าวเช่นนี้อีก อาจทำให้เจ้าต้องระบมไปทั้งตัว”
“อยู่ด้วยกันเพียงลำพังเช่นนี้ ข้ายังต้องหวั่นเกรงสิ่งใดอีก และหากท่านปรารถนาทรมานข้า ท่านคงลงมือไปตั้งนานแล้ว”
เมื่อหญิงสาวจับพิรุธจากอ๋าวเซียวเหรินได้ เขาก็ทำเป็นหุนหันก้าวจากไป
กระทั่งนางสวมชุดใหม่ มันก็ชวนให้มอง เป็นเสื้อผ้าชาวบ้าน ถึงเรียบง่ายหากขับให้หยวนชิงอี้มีเสน่ห์แบบสตรีบ้านป่า
และนางได้ชำระร่างกายด้วยน้ำอุ่นที่มีสมุนไพรก็จริง แต่
ยาพิษที่ดื่มเข้าไป ยังไหลเวียนในกระแสเลือด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หยวนชิงอี้จะส่งสายตาหวานเชื่อมถึงเขา พอนางดึงนิ้วมือใหญ่ๆ ไปเย้าหยอก แล้วตามด้วยการส่งเข้าไปในโพรงปากตน ชายหนุ่มก็ส่งเสียงเตือน ถึงอย่างนั้นนางยังดื้อรั้นแสดงความเอาแต่ใจ คุณหนูคนนี้กำลังทำให้เทพสังหารต้องรับมือยาก
“นั่นคือนิ้วของข้า เจ้ากลับดูดราวกับมันจะมีน้ำวิสุทธิ์พุ่งออกมาได้ เด็กน้อย...หลงใหลราคะมากถึงเพียงนี้”
อ๋าวเซียวเหรินกล่าว เสียงเขาเข้มจัด หัวคิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ทว่าหยวนชิงอี้ไม่ฟังสิ่งใด นางต้องระบายแรงกำหนัดมิเช่นนั้นร่างกายคงทรมานอยู่เช่นนี้
