บทที่ 2 นรกขุมสุดท้ายส่งมาเกิด (2)
จูฟางหรงตื่นตระหนก ไม่คิดเลยว่าการเลือกเข้าสู่ประตูวิวาห์ครั้งนี้ จะสาหัสจนแทบช้ำในตาย นางไม่รู้ว่าชาตินี้เขาสืบทราบเรื่องราว กระทั่งระแคะระคายถึงแผนการส่งตัวเจ้าสาวได้อย่างไร เดิมทีพิธีเข้าหอจูฟางหรงยังไม่ถูกเขาสอบสวนด้วยซ้ำ เพราะอย่างที่บอกเขาไม่ได้โผล่หน้ามาเฉกเช่นวันนี้ เหตุไฉนเรื่องราวจึงตาลปัตรไม่เป็นท่าไปเสียได้
บททดสอบใดของสวรรค์งั้นหรือ? นี่มันกลหมากกระดานใด บัดซบ บัดซบเสียจริง!
เพราะโหย่วอี้อ๋องกุมอำนาจทางการทหารเหนือกว่ากระทั่งฮ่องเต้ของแคว้น ผู้ใดก็ไม่อาจต่อกรกับเขา กาลข้างหน้าเกรงว่าทั้งแคว้นช่านเป่ยและต่างแคว้นเองก็ต้องศิโรราบแก่เขา
ด้วยเหตุนี้เองโหย่วอี้อ๋องจึงมีศัตรูอยู่ทั้งสี่ดินแดนแปดทิศ แม้เขาจะถูกลอบกัดอยู่หลายครา ก็ยังสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ทุกครั้ง เขาจึงได้รับฉายาท่านอ๋องปีศาจแห่งสมรภูมิโลหิต
หอหงฮวาแอบอ้างตนเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมจึงหมายกำจัดอ๋องเจ้าปัญหาเช่นเขา หากวันหนึ่งโหย่วอี้อ๋องสามารถกุมอำนาจทุกอย่างและช่วงชิงบัลลังก์ไว้ได้ นั่นหมายถึงหอหงฮวาจะต้องถูกกวาดล้างไปด้วยเช่นกัน ซึ่งจูฟางหรงอยากให้เขาทำลายหอหงฮวาให้ราบเสีย นางจะได้ชำระแค้นให้ครอบครัวเสียที
หากจูฟางหรงเอาชนะใจหลงโหย่วอี้จนบรรลุเป้าหมาย นางจะตลบหลังแหกอกและหนีเขาไปให้ไกล อ๋องปีศาจจะได้เรียนรู้ถึงความเจ็บปวดเฉกเช่นผู้อื่นบ้าง การทำเช่นนี้ก็เท่ากับว่าจูฟางหรงได้แก้แค้นคนชั่วช้าถึงสองฝ่าย นับเป็นการยืมดาบฆ่าคนที่แยบยลยิ่งมิใช่หรือ
ก่อนอื่นนางต้องหาทางรอดชีวิตจากสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้ ชาติที่แล้วจูฟางหรงต้องตายอเนจอนาถเพียงใดนางจำได้ไม่มีลืม
“ท่านอ๋อง ปล่อยหม่อมฉันเถิดเพคะ หม่อมฉันกลัวแล้ว”
จูฟางหรงถูกตรึงร่างแนบชิดกำแพงเย็นเฉียบ ไม่เพียงเท่านั้น หลงโหย่วอี้ยังหยิบผลผิงกั่วมาวางบนศีรษะของนาง
“อยู่นิ่ง ๆ หากเจ้าทำมันหล่น ข้าสาบานว่าธนูดอกนี้จะทะลวงเข้าเบ้าตาสวย ๆ ของเจ้า อย่ามาแสร้งบีบน้ำตาโง่ ๆ ใส่ข้า”
จูฟางหรงหายใจติดขัด เขาถึงขั้นใช้นางเป็นเป้าเพื่อความสนุก เพราะหลงโหย่วอี้หมายเค้นให้จูฟางหรงเผยวรยุทธ์จึงบีบบังคับนางด้วยวิธีป่าเถื่อน ทว่าหากจูฟางหรงยืนกรานจนวินาทีสุดท้ายเล่า เขาจะเลือกไว้ชีวิตหรือปลิดชีพนาง บางทีจูฟางหรงอาจต้องเลือกเดิมพัน
“ท่านอ๋อง พระองค์กำลังเข้าใจหม่อมฉันผิด หม่อมฉันอธิบายทุกอย่างได้เพคะ”
“ผิดหรือไม่ เดี๋ยวก็รู้เอง”
เสียงหัวใจเต้นถี่ระรัวจนอกอวบอัดกระเพื่อมขึ้นลง สมองของนางตีรวนกันไปหมด
อ๋องปีศาจ จอมมารขนานแท้ มิน่าศัตรูท่านจึงมากมายนัก หึ
จูฟางหรงขบฟันแน่น มองตามแผ่นหลังกว้างที่ถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ ไม่นานเขาก็หมุนตัวขวับ จากสีหน้าขึงขัง จูฟางหรงก็เปลี่ยนผันเป็นอ่อนหวานดุจกิ้งก่าเปลี่ยนสี
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันกลัวแล้วเพคะ”
“แพศยา”
จูฟางหรงหน้าชา เขาช่างเป็นบุรุษที่ปากคอเราะรายยิ่งนัก ไม่รู้ว่ามีสุนัขไปเกิดในปากหรืออย่างไร ดุยิ่งกว่าสุนัขบ้า ซ้ำยังโหดร้ายเกินกว่าปีศาจคลั่ง
นรกขุมสุดท้ายส่งมาเกิด
คันศรในมือกว้างถูกยกขึ้นแช่มช้า หลงโหย่วอี้ง้างสายธนูเพื่อเล็งเป้ามาที่ผลผิงกั่วบนศีรษะงามด้วยแววตาเย็นเยียบ
จูฟางหรงต้องกัดฟันและอดทนให้ผ่านพ้นสถานการณ์ตรงหน้าไปให้ได้ ยิ่งอ่อนแอไร้กำลังมากเพียงใด ข้อสงสัยที่เขามีต่อนางก็จะน้อยลงเท่านั้น นางต้องแสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือเพื่อกาลข้างหน้า
เหงื่อเม็ดละเอียดผุดพราวเต็มกรอบหน้างาม เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเหยียดยิ้ม
นางกำลังแสร้งหวาดกลัว คนที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักจะกลัวเพียงนี้หรือ ข้าจะต้องไม่ตกหลุมพรางของนางเป็นอันขาด
“เจ้ากลัวงั้นหรือ มิใช่ว่า มือสังหารจากหอหงฮวาไม่เคยเกรงกลัวความตาย ซ้ำยังถูกฝึกมาเพื่อสละชีพหรือ”
ที่เขากล่าวมาก็นับว่าใช่ แต่ยามนี้จูฟางหรงขอรักตัวกลัวตาย ไม่ยอมตายเพื่อใครหน้าไหนแล้วทั้งสิ้น ชาตินี้นางขอเป็นคนเห็นแก่ตัว บุญคุณที่กล่าวกรอกหูจากอาจารย์ผู้ไร้สัจจะของนางก็ดั่งผายลม เขาหลอกใช้บรรดาเด็กไม่ประสาที่มีความแค้นเป็นชนักติดหลังมาเป็นพวกพ้อง ทั้งที่หอหงฮวานั่นล่ะตัวดี ทำร้ายครอบครัวผู้อื่นแล้วแสร้งเป็นโพธิสัตว์หยิบยื่นความช่วยเหลือ
ที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่า จูฟางหรงไม่ทันสืบทราบผู้อยู่เบื้องหลังของหอเน่าเฟะนั่น นางก็ต้องถูกไล่ล่าจากหลงโหย่วอี้จนต้องคิดสั้นจบชีวิต โชคดีที่สวรรค์คิดเมตตา ส่งนางมาให้ได้ล้างแค้นสมใจ เพราะคนโง่ขนานแท้กำลังยืนอยู่เบื้องหน้านางนี่อย่างไร เขาไม่รู้หรอกหรือว่าตนกำลังทำผิดมหันต์ ปลิดชีพนางไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะหอบัดซบนั่น ต่อให้เป็นพวกพ้องก็พร้อมพรากลมหายใจไปได้ทุกเมื่อราวชีวิตคนประหนึ่งผักปลา
“หากพระองค์ทำเช่นนี้แล้วสบายพระทัย ก็เชิญเถิดเพคะ”
“หึ แววตาของเจ้ามันช่างแตกต่างจากสตรีทั่วไปจริง ๆ ไม่ต้องร้องขอให้ลำบาก เจ้าได้สมปรารถนาแน่”
มุมปากของเขายกโค้งบางเบา พร้อมเสียงเอ็นที่ยืดออกจนสุด
ฟิ้ว…
ลูกเกาทัณฑ์ถูกปล่อยออกจากคันธนูอย่างไม่ลังเล จูฟางหรงหลับตาแน่น
จะตายอีกครั้งก็ช่างมันเถิด แต่ถ้าสวรรค์จะส่งข้ามาอีก ช่วยยันข้าไปเกิดที่อื่นไม่ได้หรือไร
เคร้ง!
เสียงปลายแหลมคมหล่นลงพื้น
แปะ แปะ แปะ
โหย่วอี้อ๋องตวัดตามองฉับเพราะลูกธนูของเขาถูกใครบางคนยิงสวนเข้ามาจนหลงทิศ
บุรุษร่างสูงพอ ๆ กับตนเยื้องย่างเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม มือหนาถือธนูคันหนึ่งเอาไว้
“มาเร็วมิสู้มาได้จังหวะ...น้องข้า เจ้าช่างอารมณ์สุนทรีย์ยิ่งนัก วันเข้าหอ เจ้าก็เล่นสนุกกับชายาเพียงนี้เชียวหรือ”
“ฝ่าบาท”
เชิงอรรถ
^
ผิงกั่ว คือ แอปเปิ้ล
^
แสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ หมายถึง แสร้งเป็นคนอ่อนแอ ไร้น้ำยา เพื่อหลอกลวงให้ศัตรูตายใจ ท้ายที่สุดจึงคว้าชัยชนะมาได้
