บทที่ 2 นรกขุมสุดท้ายส่งมาเกิด (1)
เสียงฝีเท้าเยื้องย่างเข้ามาด้วยความเบาหวิว มือเรียวกอบกุมกันแน่นเสียจนเปียกชื้น กลิ่นเครื่องหอมของไม้กฤษณาลอยกระทบเข้าโสตประสาทยิ่งเป็นเหตุให้จูฟางหรงประหม่า น่าแปลกที่หนนี้หลงโหย่วอี้มาเข้าห้องหอ ชาติก่อนเขายังหมางเมินไม่คิดเหยียบเข้ามาที่นี่แม้เพียงครึ่งก้าว
เพราะจูฟางหรงได้เรียนรู้รสชาติของการถูกอ๋องปีศาจเล่นงานมาแล้วหนหนึ่ง ครานี้นางย่อมไม่ต้องการเป็นปรปักษ์กับเขา หากสมรสพระราชทานล้มได้โดยง่ายนางไม่มีทางมานั่งเป็นปลาตากแห้งรอบที่สองเช่นนี้หรอก
จูฟางหรงจะขอใช้มารยาหญิงล่อหลอกเพื่อยืมมือเขากำจัดหอหงฮวาสุดชั่วช้าที่อยู่เบื้องหลังการตายของครอบครัวนางให้จงได้ หลังจากนั้นนางจะเขี่ยเขาทิ้งไปซะ
พรึบ!
จูฟางหรงสงบใจ เมื่อถูกปลดผ้าคลุมออก เปลือกตาบางช้อนขึ้นแช่มช้า นัยน์ตาแวววาวดั่งไข่มุกยามราตรีสบประสานกับนัยน์ตาคมปลาบดุจมีดดาบของบุรุษเบื้องหน้า
“ท่านอ๋อง”
เอ่ยปากไม่ทันไร ลำคอระหงก็ถูกมือหยาบระคายคว้าหมับอย่างไร้ความปรานี
“เจ้า…จงใจมาเป็นพระชายาของข้าเพราะมีเจตนาอื่นแอบแฝงใช่หรือไม่” หลงโหย่วอี้เอ่ยลอดไรฟัน น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือกข่มขวัญ
ใบหน้าเกลี้ยงเกลายามนี้เริ่มแปรผันเป็นแดงก่ำเนื่องจากจูฟางหรงใกล้ขาดอากาศหายใจจากแรงบีบบี้ของเขาอยู่รอมร่อ
“คะ…แค่ก ท่านอ๋อง ท่านพูดเรื่องใดเพคะ”
จู่ ๆ ร่างเพรียวบางในอาภรณ์สีชาดก็ถูกชายหนุ่มตวัดลงบนฟูกนอนด้วยความหยาบโลน กลีบเหมยกุ้ยฮวาที่ใช้ตกแต่งอย่างงดงามประณีตซะสาดเกลื่อนพื้น ข้อมือทั้งสองฝั่งถูกกดเอาไว้เหนือศีรษะจนไม่อาจขัดขืน
“เจ้าอย่ามาทำไขสือ คิดว่าข้าโง่งมเพียงนั้นเชียวรึ”
พรึบ!
ชุดวิวาห์ลายวิจิตรถูกเขาฉีกกระชากเสียจนขาดวิ่น ผิวกายขาวเนียนผุดโผล่สร้างความอับอาย จูฟางหรงเบิกตาค้างตัวแข็งทื่อ
นี่เขาเป็นประสาทหรือไง ทำไมหนนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อน เขากลายเป็นสุนัขบ้าดีเดือดไปตอนไหนกัน?!
“ท่านอ๋อง ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ พระองค์กำลังคิดทำสิ่งใด”
หลงโหย่วอี้หรี่นัยน์ตาสำรวจปานสีชมพูระเรื่อด้วยความใคร่รู้ เท่าที่เขาสืบทราบมา มือสังหารของหอหงฮวาจะมีสัญลักษณ์บัวสี่กลีบอยู่บนร่างกาย ทว่าปานของนางในยามนี้มันกลับไม่ใช่
ฝ่ามือกว้างคลายพันธนาการออกแช่มช้า จูฟางหรงเห็นว่าแรงบีบกดถูกผ่อนปรน นางจึงดันกายออกห่างเขาเดี๋ยวนั้น แล้วจึงเรียกสติพยุงร่างพิงหัวเตียงเพื่อตั้งหลัก มือเรียวคว้าผ้าห่มขึ้นมาเพื่อใช้บดบังส่วนสงวนเอาไว้
“ท่านอ๋อง…”
นัยน์ตาคมกริบตวัดมองเข้ม “ปานนั่นเจ้าได้มาอย่างไร”
จูฟางหรงกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอ หากเขาทราบว่าแท้จริงนางเพียงใช้ผงชาดชนิดพิเศษปลอมแปลงสัญลักษณ์บนอกซ้ายเอาไว้ นางต้องดับอนาถด้วยเงื้อมมือเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
“ตอนหม่อมฉันยังเล็ก ท่านพ่อบอกว่าหม่อมฉันเผลอหยิบเกสรดอกไม้พิษเข้าปาก ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ท่านหมอก็เลยขับพิษออกทางเส้นโลหิต และทิ้งร่องรอยเป็นปานบุปผาหกกลีบเอาไว้เพคะ”
“โกหก!”
ข้อมือเล็กถูกอีกฝ่ายกระชากจนตัวลอยหวือแขนแทบเคล็ด ใบหน้างามเหยเกเพราะอาการเจ็บแปลบกำลังแล่นวาบเข้ามาราวกระดูกในกายใกล้แหลกละเอียด
จูฟางหรงอยากสวนกลับจริงแท้ แต่ยามนี้นางกำลังสวมบทบาทเป็นสตรีผู้อ่อนแอ และดูเหมือนเขากำลังหยั่งเชิงนางเช่นเดียวกัน
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันเจ็บนะเพคะ”
หลงโหย่วอี้โน้มกระซิบชิดใบหู “เจ้าคิดว่าข้าดูไม่ออกหรือ แสร้งอ่อนแอตบตาข้า สารภาพมาว่าเจ้าเป็นคนของหอหงฮวาใช่หรือไม่ ตอนตายแขนขาจะได้อยู่ครบ”
จูฟางหรงตัวสั่นเทาราวลูกนกตกน้ำ นัยน์ตาหงส์ร้อนรื้นแดงก่ำ ม่านน้ำตาก่อขึ้นมาบดบังจนภาพตรงหน้าพร่าเลือน นางมิได้เกรงกลัวเขาสักนิด จูฟางหรงกำลังข่มความโมโหที่ปะทุข้างในใจมิให้ระเบิดอยู่ต่างหาก
“มานี่”
หลงโหย่วอี้ฉุดกระชากลากถูร่างระหงจนปลิวติดมือ เขาโยนนางกระแทกกำแพงไม่คิดแยแส หลังบางชนแผ่นหินสุดแข็งกระด้างอย่างรุนแรง
อั๊ก!
จูฟางหรงทรุดฮวบลงบนพื้น โลหิตสีแดงฉานไหลลงตรงมุมปาก
เจ็บเป็นบ้า! หากข้าไม่คิดยืมมือท่านสังหารคนชั่ว ข้าจะปลิดชีพท่านเสียตอนนี้เลย โหย่วอี้อ๋องคนถ่อย
จูฟางหรงช้อนตามองเขาแข็งกร้าว พริบตาเดียวก็แปรเปลี่ยนเป็นไหวระริก เสียงใสเว้าวอน “ท่านอ๋อง หม่อมฉันทำสิ่งใดให้พระองค์โกรธเคืองงั้นหรือ ไยต้องรุนแรงถึงเพียงนี้เพคะ”
ร่างสูงยอบกายลงเนิบนาบ มือหยาบระคายช้อนปลายคางโค้งมนขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาจุดรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมบริเวณมุมปาก ปลายนิ้วโป้งขยับเช็ดคราบโลหิตที่ไหลซึมออกมาจากขอบปากบางเฉียบดุจดั่งทะนุถนอม ทว่ามันกลับแฝงไปด้วยกลิ่นอายของความเหยียดหยาม
จูฟางหรงเบือนหน้าหนี แต่ก็ถูกฝ่ามือกว้างบีบปลายคางบังคับให้สบตาเขาไว้แน่น
“โกรธหรือ หากโกรธก็ตอบโต้สิ เจ้าเป็นวรยุทธ์ไม่ใช่หรือไร”
จูฟางหรงส่ายหน้า “หม่อมฉันเป็นสตรีตัวเล็ก ๆ จะเป็นวรยุทธ์ได้อย่างไรเพคะ”
“สตรีตลบตะแลง ใบหน้างดงามดุจปีศาจจิ้งจอก คิดให้ใครตกหลุมพรางงั้นหรือ”
ท่านน่ะสิ ปีศาจ! จะตกหลุมพรางหรือไม่เดี๋ยวได้รู้กัน
หลงโหย่วอี้ผลักคางของจูฟางหรงเสียจนหน้าหัน เขาคว้าไหล่แคบทั้งสองดันแนบกำแพง จากนั้นก็ตรึงแขนเรียวไว้ด้วยโซ่ตรวน
เชิงอรรถ
^
เหมยกุ้ยฮวา ดอกกุหลาบ
