กลวิธีพิชิตใจอ๋องปีศาจ

98.0K · จบแล้ว
เทียนสื่อ
60
บท
3.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

มือสังหารสาวได้รับหน้าที่กำจัดท่านอ๋องปีศาจ นางต้องหาวิธีหลบหนีคมดาบของเขาเพราะถูกจับได้ นางจึงเลือกจบชีวิตด้วยการกระโดดหน้าผา ทว่าชะตาดันเล่นตลก นางได้ย้อนกลับมาในวันที่ตนอยู่บนเกี้ยวเจ้าสาวอีกครั้ง!

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณท่านอ๋องแต่งงานสายฟ้าแลบสายลับนางเอกเก่งนักฆ่าเกิดใหม่จีนโบราณโรแมนติก

บทที่ 1 เกี้ยวเจ้าสาวกำหนดชะตา

เสียงล้อไม้เคลื่อนบดบนทางคับแคบริมหุบเขาเฟยหย่า กีบเท้าม้านับสิบห้อตะบึงตามหลังมาอึกทึกครึกโครม

“พระชายา ทำอย่างไรดีเพคะ ท่านอ๋องจะตามทันแล้ว”

ใบหน้าเกลี้ยงเกลายามนี้ผุดซึมไปด้วยหยาดเหงื่อวาวระยับ คิ้วสวยขมวดแน่นจนเกิดเป็นปม ลมหายใจติดขัดหนักหน่วง อกด้านซ้ายกระเพื่อมถี่เพราะกำลังอ่อนล้าโรยแรง

“ไม่มีเวลาแล้ว เป่าชุนเจ้าหนีไปไม่ต้องสนใจข้า”

เป่าชุนส่ายหน้าระรัว ประกายตาแดงก่ำ “ไม่เพคะ พระชายาจะไปที่ใดเป่าชุนจะขอติดตามท่านไปด้วย”

จูฟางหรงจนใจกับความดื้อดึงของสาวใช้ผู้ภักดี แม้พวกนางรู้จักกันที่วังหลวง ทว่าทั้งสองกลับผูกพันธ์กันเฉกเช่นพี่น้อง

“เป่าชุน เจ้าบอกว่าจะเชื่อฟัง และภักดีกับข้าใช่หรือไม่”

เป่าชุนพยักหน้า “เพคะ”

“เช่นนั้นเจ้าฟังข้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า หนีไป!”

ฟิ้ว…ฉึก!

เป่าชุนตาเบิกโพลงกายแข็งค้าง จูฟางหรงตื่นตระหนก นัยน์ตาหงส์ลดต่ำลงเรื่อย ๆ กระทั่งพบว่าเกาทัณฑ์ดอกหนึ่งที่พุ่งเฉียดข้างแก้มนางเมื่อครู่ ปักเข้าบริเวณอกซ้ายของเป่าชุนเสียแล้ว

“เป่าชุน!!”

จูฟางหรงรู้สึกคล้ายฟ้าดินพลิกผัน หัวใจแทบแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี

“พะ…พระชายา เป่าชุนอกตัญญูคงร่วมเดินทางกับท่านไม่ได้แล้ว”

เป่าชุนโงนเงนดั่งต้นหญ้าต้องสายลม ม่านตาของจูฟางหรงขยายกว้าง มือเรียวคว้าไปเบื้องหน้าละล้าละลัง ทว่าไม่ทันเสียแล้ว ร่างของเป่าชุนร่วงหล่นลงจากรถ ไม่นานเกาทัณฑ์ดอกที่สองก็โผเข้ามาเฉียดเหนือศีรษะ

จูฟางหรงไม่อาจประวิงเวลา บังเหียนรถม้าไร้สารถีบังคับ แขนซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำจากการถูกทัณฑ์ทรมานยกขึ้นปาดน้ำตาลวก ๆ จูฟางหรงสลัดความเศร้าโศกทิ้ง จากนั้นตั้งใจบังคับรถม้าเพื่อหลบเลี่ยงคมหอกห่าธนูที่พุ่งเข้ามาดั่งพายุคลั่ง

โครม!

เพราะบริเวณนี้หินก้อนใหญ่มีมาก เป็นเหตุให้รถม้าเซถลาเสียหลัก ร่างระหงกลิ้งหลุน ๆ ตกลงมาอย่างรุนแรง

จูฟางหรงทั้งเจ็บและจุกจนพูดไม่ออก เสียงที่ไล่ตามหลังมาตลอดระยะทางสงบลงแล้ว มิใช่พวกเขาจากไปทว่ากำลังมองนางด้วยความสังเวชอยู่ต่างหาก จูฟางหรงรู้สึกว่าหูของตนอื้ออึงไปหมด นัยน์ตาหงส์พร่าเบลอไม่ชัดแจ้ง

บุรุษร่างสูงเยื้องย่างใกล้เข้ามาเนิบช้าพร้อมกระบี่อ่อนที่ถือไว้มั่น ใบหน้าหล่อเหลาของเขาช่างเย็นชาและดุดันดุจปีศาจ

เสียงทุ้มเอ่ยเย็นเยียบ “จูฟางหรง เจ้าจะกลับไปกับข้าเพื่อยอมรับผิดดี ๆ หรือเจ้าเลือกที่จะตายอย่างทรมานอยู่ตรงนี้”

จูฟางหรงแค่นยิ้ม แขนเรียวพยายามดันพื้นเพื่อพยุงร่างของตนให้ยืนขึ้นด้วยความทุลักทุเล อาภรณ์แสนงดงามยามนี้เปื้อนเขรอะไปด้วยเศษฝุ่นคราบโลหิต ริมฝีปากสีกุหลาบกระอักของเหลวสีแดงฉานออกมาคำโต

“ท่านอ๋อง ข้ายอมรับว่าข้ากระทำผิดที่คิดทำร้ายท่าน แต่เป่าชุนไร้ความผิด ไยท่านต้องสังหารนาง”

เขาไม่ได้ตอบกลับ ทว่าบุรุษร่างสูงฝั่งตรงข้ามยังยืนสงบนิ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทั้งยังแผ่กลิ่นอายครั่นคร้ามออกมาจนคนมองเสียวสันหลังวาบ

หากถูกเขาจับกุม นางจะต้องถูกเขาทรมานจนตาย ผู้ใดก็ว่าโหย่วอี้อ๋องเหี้ยมโหดอำมหิต ในเมื่อภารกิจที่ได้รับมอบหมายไม่อาจลุล่วง เช่นนั้นจูฟางหรงขอเลือกทางเดินที่ไม่ต้องเจ็บซ้ำซ้อนเสียยังดีกว่า

ร่างระหงถอยร่นไปเบื้องหลังทีละก้าว คิ้วเข้มเลิกขึ้นหนึ่งฝั่ง เขาจดจ้องสตรีตรงหน้าที่เคลื่อนตัวห่างออกไปเรื่อย ๆ

“ท่านอ๋อง!”

องครักษ์ผู้ติดตามง้างธนูรอฟังคำสั่งอยู่นานเห็นผู้เป็นนายนิ่งสนิทก็เร่งเอ่ยปาก ดูเหมือนว่าเชลยของพวกเขากำลังเล่นแง่บางอย่าง

มือแกร่งยกขึ้นเป็นสัญญาณ บรรดาทหารและองครักษ์ก็หุบปากฉับ จากนั้นลดธนูลง

จูฟางหรงหัวเราะประหนึ่งคนเสียสติ “ทำไมเพคะ ท่านยิงสิ ยิงเลย หรือว่าท่านยังติดใจเรื่องที่เรายังเป็นสามีภรรยากัน”

“เจ้ากลับมา”

“กลับรึ กลับให้ท่านทรมานข้าก่อนตายงั้นหรือ จะฆ่าก็ไม่ฆ่า จะปล่อยก็ไม่ปล่อย ท่านสนุกมากหรือไม่ที่ได้เห็นข้าเหมือนตายทั้งเป็น โหย่วอี้อ๋อง…”

เท้าเล็กเปิดขึ้นและเริ่มเข้าใกล้ขอบผาเรื่อย ๆ หน้าหล่อเหลาก็ยิ่งหม่นทะมึน

“ข้าบอกให้เจ้ากลับมา!”

“คนเผด็จการ ท่านมันอ๋องปีศาจ!”

จูฟางหรงตัดสินใจกระโดดลงหน้าผาอย่างไม่ลังเล บรรดาทหารเบื้องหลังวิ่งกรูเข้ามา ต่างเบิกตากว้างตะลึงลาน จูฟางหรงประสานกับนัยน์ตาคมกริบของเขา แววตาของบุรุษผู้นี้ช่างเยือกเย็นและน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจร้าย

เขาไม่ได้เห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาแม้สักเสี้ยว กักขังหน่วงเหนี่ยวทรมานนางอย่างแสนสาหัส วันนี้จูฟางหรงเลือกจบชีวิตอันแสนบัดซบนี้ลง หวังว่าโลกหน้านางจะไม่ต้องเกิดมาเป็นมือสังหารให้ใครหลอกใช้ และไม่ถูกสามีข่มเหงเฉกเช่นชาตินี้อีก

ลาก่อนหลงโหย่วอี้

.

.

.

“เฮือก!!”

“คุณหนู ท่านเป็นอะไรหรือเจ้าคะ”

เสียงนี่ เสียงสตรีผู้นี้นี่ใครกัน หรือข้าอยู่ในปรโลกแล้ว…

จูฟางหรงหันรีหันขวางทว่ากลับรู้สึกคล้ายคนตาบอดสนิท ดูเหมือนยามนี้ศีรษะของนางกำลังถูกบางอย่างปกคลุมไว้ หนำซ้ำจูฟางหรงยังรู้สึกคล้ายกับว่าตนกำลังนั่งอยู่บนบางอย่างซึ่งลอยตัวเหนือพื้นดิน

มือเรียวยกขึ้นด้วยอาการสั่นเทา เสียงเล็กจากด้านนอกยังคงถามย้ำ ทว่าหูของจูฟางหรงนั้นอื้ออึงไปตั้งนานแล้ว

เสียงลมหายใจหอบถี่ดังวนเวียนภายในโซนสมองพลางกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอประหนึ่งลำบากยากยิ่ง ไม่นานผ้าที่คลุมปกปิดการมองเห็นก็ถูกเลิกขึ้นจนสุด

นัยน์ตาหงส์เบิกค้างตะลึงลาน

เรายังไม่ตายอีกหรือ!?

จูฟางหรงควานหาบางอย่างบริเวณเข็มขัดผ้า และได้พบเรื่องอัศจรรย์ที่ว่ายามนี้ นางกำลังนั่งอยู่บนเกี้ยวเจ้าสาวเมื่อหลายเดือนก่อน เพราะเครื่องแต่งกายบนเรือนร่างมันได้ยืนยันบางอย่างจนแจ่มชัด

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไม ทำไมข้ากลับมาที่นี่ล่ะ”

ซองกระดาษขนาดเล็กร่วงแหมะลงบนตัก จูฟางหรงคลี่อ่านข้อความด้านในก็นิ่งค้างไปอีกหน มือเรียวยกขึ้นกุมขมับ

ภารกิจลับของนางคือการลอบสังหารโหย่วอี้อ๋องโดยแฝงตัวในฐานะคุณหนูสกุลจูลูกสาวเสนาบดีผู้ถือครองตำแหน่งปิงปู้แห่งแคว้นช่านเป่ย ซึ่งแน่นอนนางเติบโตมาในคราบของคุณหนูเพียงคนเดียวของสกุลจูตั้งแต่เยาว์วัยเพื่อการนี้โดยเฉพาะ โดยมีหอหงฮวาเป็นผู้หนุนหลัง

การวิวาห์ครั้งนี้ก็หาใช่งานพิธีการเล็ก ๆ จูฟางหรงกำลังเข้าสู่ประตูวิวาห์กับโหย่วอี้อ๋องอีกครั้ง แน่นอนว่าหากนางเลือกลงจากเกี้ยวตามแผนการ ไม่นานจูฟางหรงก็ต้องพบจุดจบเดิม

นั่นคือความตายและความทรมาน!

หอหงฮวาเป่าหูและหลอกใช้นางมาโดยตลอดทั้งที่หอบัดซบนี่คือเบื้องหลังการตายทั้งหมดของครอบครัวนาง จูฟางหรงก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในกระดานเท่านั้น เมื่อใดที่นางล้ม หอเส็งเคร็งนั่นก็พร้อมกำจัดนางทิ้งในทันที ไม่ว่าจูฟางหรงคิดเลือกเส้นทางใด ก็ล้วนมีจุดจบที่ไม่สวยหรูทั้งสิ้น

จูฟางหรงตริตรองเพื่อหาทางรอดให้ตนเองอยู่นาน เหงื่อก็ผุดซึมเต็มฝ่ามือ ยามนี้หลงโหย่วอี้ยังไม่รู้จักหรือระแคะระคายในตัวของนาง เช่นนั้นโอกาสบัดซบที่ไม่ต้องการ

จูฟางหรงขอเลือกคว่ำกระดานหมากดูสักครา

“วางเกี้ยว…ถึงลานพิธี เชิญเจ้าสาวลงจากเกี้ยว…”

สีหน้างดงามยามนี้เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มกระวนกระวายใจ มือทั้งสองบีบบี้เพื่อปลอบประโลมตนเอง

หรงหรง คิดสิ หนี หรือเดินหน้าต่อ

“คุณหนู ถึงเวลาแล้วเจ้าค่ะ”

เสียงแม่สื่อดังขึ้น จูฟางหรงหลุดจากภวังค์ ผ้าแพรสีชาดที่วางทิ้งไว้ถูกคลุมลงบนศีรษะอีกครั้ง

จูฟางหรงกำหนดลมหายใจเข้าออกเพื่อเรียกสติ ร่างระหงยืดกายขึ้นแช่มช้า ขาเสลาก้าวออกมาจากเกี้ยวด้วยท่วงท่างามสง่า

ในโลกนี้ขอแค่มีชีวิตรอดถึงไม่ยุติธรรมก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนมิใช่หรือ เช่นนั้นข้าจะขอกำหนดชะตาชีวิตใหม่ด้วยตัวข้าเอง

เชิงอรรถ

^

เสนาบดีกรมกลาโหม หรือปิงปู้ (兵部) เสนาบดีกรมนี้ทำหน้าที่ด้านธุรการทางทหารมากกว่าถือกำลัง