บทที่ 4 คอยอยู่เคียงข้างกันเสมอ
ข่าวการแต่งงานระหว่างหมอภัทรและหมอพริมดังทั่วสนั่นโรงพยาบาล ไม่เว้นแม้แต่คนไข้บางรายที่แอบปลื้มหมอภัทรต่างก็แอบรู้สึกเสียดาย
“เอยรู้เรื่องหมอภัทรจะแต่งงานหรือยัง” ขวัญเนตรเดินเข้ามาในห้องทำงาน หญิงสาวเดินมาหยุดหน้าโต๊ะเอิงเอย ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างเพื่อนรัก
“อืมรู้แล้ว” หลังจากวันนั้นเอิงเอยพยายามทำใจยอมรับเรื่องรักแรกของตนเองให้ได้
เช้าวันนี้หญิงสาวก็ดันได้ยินเรื่องการประกาศแต่งงานของคนทั้งสองอย่างสายฟ้าแลบ ตอนแรกก็แอบตกใจอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เมื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน เรื่องระหว่างเธอกับเขาในอดีต ถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต ฉะนั้นเธอจะไม่เศร้ากับมันจนนานเกินไป.ถึงจะยังทำใจไม่ได้ทั้งหมด แต่เวลาจะช่วยรักษาจิตใจให้ดีขึ้นเอง ตัดใจแต่ตอนนี้ดีกว่าถลำลึกไปมากกว่านี้จนถอนตัวไม่ได้
“เอยไม่ตกใจหน่อยเหรอ วันก่อนยังเห็นสนใจหมอภัทรอยู่เลย”
“ไม่แล้วนะ”
“โห่ ทำตัวเย็นชาอีกแล้ว ในใจคงคิดถึงแต่พี่คนนั้นสินะ”
“เอยจะไม่รู้สึกกับใครอีก” ขวัญเนตรมองหญิงสาวอย่างงุนงง เหตุใดเพื่อนรักเปลี่ยนไปราวกับคนละคนที่เธอเคยรู้จัก ตั้งแต่คบกันมา เอิงเอยมักจะเพ้อหาถึงรักแรกเสมอ แต่มาครั้งนี้กลับผิดปกติ
“เอยเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงเปลี่ยนไปอย่างนี้”
“ไม่มีอะไรหรอกขวัญ กลับไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวจะโดนดุ”
“มีอะไรก็บอก อย่าเก็บไว้คนเดียว”
“อืม”
เอิงเอยยืนจ้องสร้อยคอจี้รูปหัวใจ ภายในบรรจุรูปภาพเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อคนหนึ่ง แค่มองก็รู้หากเด็กคนนี้โตขึ้นไป คงหล่อมากอย่างไม่ต้องสืบ
หญิงสาวนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวสีขาวข้างริมแม่น้ำในสวนสาธารณะโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง
“เอยเกลียดพี่ภัทรที่สุดเลย ทำไมถึงลืมเอยได้ง่ายๆ” เอิงเอยตั้งท่าเตรียมจะปาทิ้งสร้อยคอรูปหัวใจในมือทิ้งลงแม่น้ำ
ทันใดนั้น!!
สายตาก็ปะทะเข้ากับร่างผอมเพรียวของหมอพริมกำลังยืนกอดกับใครคนหนึ่ง ซึ่งชายหนุ่มคนนั้นกลับไม่ใช่หมอภัทร แต่เป็นหมอรุจแผนกสูตินรีเวชกรรมเช่นเดียวกับหมอพริม เธอเห็นคนทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่มหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเป็นที่ลับตาคน หากไม่สังเกตดีๆคงไม่มีทางเห็น
เอิงเอยตกใจแทบแย่กับภาพตรงหน้า ไม่คาดคิดว่าคนอย่างหมอพริมจะกล้าทำอะไรลับหลังคนรักเช่นนี้ ครั้งก่อนเธอยังเห็นหมอพริมจูบกับก้องภัทร ณ โรงจอดรถอยู่เลย มาครั้งนี้กลับกลายเป็นอีกคนแทน
“รุจขา คืนนี้มาหาพริมนะคะ พริมคิดถึงรุจมากเลย”
“ได้ครับ คืนนี้ผมจะไปหาพริมนะครับ”
“คืนนี้พริมจะรอ”
“พริมแน่ใจใช่ไหม ว่าก้องภัทรจะไม่มา”
“ใช่ค่ะ ภัทรบอกว่าติดผ่าตัดคนไข้สำคัญ”
“งั้นคืนนี้เจอกัน ผมขอตัวก่อนนะครับ ต้องไปดูแลคนไข้ต่อ”
“ค่ะ”
เอิงเอยมองคนทั้งสองผละออกจากกัน ก่อนจะแยกย้ายจากบริเวณนั้น เหตุการณ์เมื่อสักครู่เป็นภาพติดตาหญิงสาว เธอจะทำอย่างไรดี จะบอกชายหนุ่มดีไหมหรือจะปล่อยเงียบไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวหันกลับมามองสร้อยคอในมือตนเอง
“พี่ภัทร เอยควรทำอย่างไรดี เอยไม่อยากให้พี่ภัทรโดนผู้หญิงคนนั้นหลอก” มือบางลูบลงบนรูปภาพก้องภัทรด้วยความรัก
เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นทั่วห้องนอน ณ คอนโดหรูใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง สองร่างนอนกอดกายร่วมรักกันอย่างมีความสุข
“รุจ แรง ๆ หน่อยค่ะ อ๊า อ๊า”
“ได้ครับคนสวยของรุจ” และแล้วชายหนุ่มก็เพิ่มกระแทกเข้าสู่ช่องทางรักอย่างรัวๆ
“อื้อ อื้อ ไม่ไหวแล้วรุจ กรี๊ด” หมอพริมส่ายหน้าไปมาด้วยความเสียวซ่านสุดทรมาน
“อ๊า ซี๊ด ผมขอปล่อยในนะครับพริม”
“อ๊า ได้ค่ะ”
เสียงสนทนาและภาพร่วมรักของคนทั้งสอง ตกอยู่ในสายตาของร่างหนากำยำของใครคนหนึ่ง มองดูด้วยความเสียใจถูกคนรักทรยศหักหลัง
ก้องภัทรตั้งใจมาหาพริมา หลังจากผ่าตัดคนไข้คนสำคัญเสร็จ ชายหนุ่มตั้งใจมาเซอร์ไพรส์แฟนสาวโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า แต่ทว่าเมื่อมาถึงห้อง ชายหนุ่มรีบคว้ากุญแจห้องหยิบขึ้นมาไข ทันทีที่ประตูเปิดออกสิ่งที่เขาได้เห็นและได้ยิน กลับทำหัวใจชายหนุ่ม แตกสลายร้าวรานอย่างสุดแสนทรมาน ไม่คาดคิดคนรักเพียงคนเดียวจะกล้าทำลายความรักที่ตนเองมอบให้อย่างหมดสิ้น
ก้องภัทรแอบยืนดูกิจกรรมร่วมรักของคนทั้งสอง ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มได้ตาสว่าง ทั้งหมดที่ผ่านมาสาวคนรักเต็มใจจะมีคนอื่นมาแทนที่ตนเอง เมื่อทนต่อความภาพบาดตาไม่ไหว ก้องภัทรตัดสินใจผละออกห้องทันที โดยไม่มีให้คนบนเตียงได้รับรู้ถึงการมาของตนเอง
“ขวัญมันโป๊ไป เอยไม่ชอบเลย” เอิงเอยบอกแก่ขวัญเนตร เมื่อถูกเพื่อนรักลากเข้ามาในผับหรูชื่อดังแห่งหนึ่ง ขวัญเนตรบังคับหญิงสาวให้แต่งตัวสุดเซ็กซี่ด้วยชุดเดรสสีดำเผยให้เห็นหลังเนียนและทรวงอกอวบอิ่ม ที่มันยั่วยวนแก่สายตาเพศตรงข้าม ทุกสายตาหันมาจับจ้องร่างบางของเอิงเอย ราวต้องการครอบครองคนตัวเล็ก
“เอยมั่นใจหน่อยสิ สวยขนาดนี้ ดูสายตาพวกหนุ่มๆสิ ต่างก็หันมามองเพียงแต่เอย” ขวัญเนตรกระซิบลงข้างหูเอิงเอยพร้อมทั้งพยายามจูงแขนเรียวของเพื่อนสาว ให้เดินตามตนเองมายังโต๊ะที่จองไว้ก่อนจะมา
“แต่เอยไม่ชอบ”
“เอาน่าเอย ขวัญเห็นช่วงนี้เอยเครียด เลยอยากพามาผ่อนคลายสักหน่อย” ระหว่างคนทั้งสองกำลังถกเถียง จู่ๆก็มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินมาหาพวกเธอ
“น้องครับ สักแก้วไหม”
เสียงเพลงดังก้องในโสตประสาทหญิงสาว เอิงเอยไม่ได้สนใจคนตรงหน้าสักนิด เธอยังคงเงียบไม่มีการตอบโต้แต่อย่างใด กระทั่งขวัญเนตรต้องเป็นฝ่ายเอ่ยชวนชายหนุ่มคนดังกล่าวแทน
“เอ่อ...พี่ค่ะ เพื่อนหนูไม่ค่อยสบาย ชนแก้วกับหนูดีกว่านะคะ” ขวัญเนตรว่าพลางก่อนจะหันไปชวนชายหนุ่มตรงหน้าเพื่อนรักและพากันออกไปเต้นหน้าเวที
“เอย!! ขวัญขอออกไปเต้นกับพี่เขาหน่อยนะ ไปด้วยกันไหม” ขวัญเนตรเดินเข้ามากระซิบข้างหูเพื่อนรัก ก่อนจะได้ยินคำตอบจากปากบาง
“ไม่นะ ขวัญไปเถอะ เอยขอนั่งเล่นแถวนี้”
“อย่าไปไหนไกล ขวัญอยู่แถวหน้าเวทีถ้ามีอะไรก็ไปหาได้”
“อืม” หลังจากขวัญเนตรเดินจากไป เอิงเอยก็นั่งคนเดียวอย่างเบื่อหน่าย เดิมทีเธอไม่ได้ตั้งใจจะมา แต่ถูกขวัญเนตรรบเร้า จึงจำใจต้องตามใจเพื่อนรัก
เอิงเอยหันมองรอบสำรวจรอบๆตนเอง ขณะนี้เพลงในผับส่งเสียงดังเหลือเกิน หญิงสาวไม่ค่อยชอบบรรยากาศแบบนี้ และยังไม่ชอบการดื่มเหล้าอีกด้วย
“เฮ้อ เบื่อจังเลย อยากกลับแล้ว” เอิงเอยถอนหายใจก่อนจะผลุบศีรษะลงกับโต๊ะ
ทันใดนั้น!!
สายตาเอิงเอยปะทะเข้ากับร่างอันคุ้นเคยของก้องภัทร กำลังนั่งอยู่หน้าบาร์เครื่องดื่ม มืออีกข้างหนึ่งกำลังกระดกเหล้าเข้าปากอย่างช้าๆ เธอรีบลุกขึ้นและเดินไปหาชายหนุ่มทันที เพราะตอนนี้กำลังมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าไปคลอเคลียเขา เธอทนต่อภาพนั้นไม่ไหว ลุกขึ้นเพื่อไปแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
“พี่ภัทรคะ เอยมาแล้วนะคะ รอนานไหมคะ” เอิงเอยไม่รอช้า หญิงสาวก็สวมบทบาทแสดงเป็นแฟนของชายหนุ่มทันที โดยแขนเรียวค่อยๆสอดเข้ากับต้นคอแกร่ง และปัดแขนหญิงสาวสวยคนนั้นออกอย่างหมั่นไส้
ชายหนุ่มมองหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เพราะขณะนี้สติของเขาค่อยๆเลือนราง เหลือน้อยลงทีละนิดและสลบคาโต๊ะในที่สุด
“เธอเป็นใคร!! กล้าดียังไง มาแย่งผู้ชายของฉัน” สาวสวยตรงหน้าเอิงเอย กำลังต่อว่าอย่างโมโหสุดขีด
“เหอะ ช่างกล้ามาก มาเรียกเขาว่าผู้ชายของตัวเอง”เอิงเอยสวนกลับ
“ก็ฉันมาก่อนเธอ เธอก็เห็น”
“แต่เขาเป็นของฉัน และฉันก็เป็นเมียของเขา” เอิงเอยแอบอ้างสถานะระหว่างตนเองกับชายหนุ่มอย่างถือวิสาสะ
“ฉันไม่เชื่อ แกมันโกหก ” หญิงสาวคนดังกล่าวยังคงไม่ละความพยายาม
“ไม่เชื่อก็เรื่องของเธอ!!” และแล้วเอิงเอยก็ทำในสิ่งที่คนตรงหน้าไม่คาดคิด คือโน้มใบหน้าหวานจูบลงที่แก้มสากก้องภัทร
“กรี๊ด...ฝากไว้ก่อนเถอะ” เธอแสดงกิริยาต่ำทรามก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่สบอารมณ์
ตึกตัก
เสียงหัวใจหญิงสาวดังไม่เป็นจังหวะ เธอรู้สึกเหมือนมันจะทะลุออกมานอกอก ไม่คาดคิดมาก่อนตนเองจะทำถึงขนาดนั้น ทั้งที่กำลังจะตัดใจจากเขา
เอิงเอยสลัดความรู้สึกนั้นออกและดึงสติหันกลับมาสนใจชายหนุ่มต่อ เธอนึกแปลกใจบางอย่าง เมื่อช่วงเย็นเธอได้ยินเหล่านางพยาบาลพูดกันว่าเขามีผ่าตัดคนไข้สำคัญ แล้วทำไมเวลานี้เขาถึงมาอยู่ผับแห่งนี้ได้
หญิงสาวมองร่างชายหนุ่มอีกครั้ง ตอนนี้นอนหลับเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง ทว่าตัวโตเกินกว่าจะเป็นเด็กเสียแล้ว ก่อนเธอจะเอ่ยเรียกเขา
“พี่ภัทรค่ะ ฟื้นสิ” มือบางพยายามเขย่าร่างหนาให้ตื่น แต่กลับไร้เสียงตอบรับ
