บทที่ 2 จำได้ไม่เคยลืมเลือน
“แย่แล้ว แย่แล้ว สายแล้ว”เอิงเอยจ้องมองนาฬิกาข้อมือพร้อมวิ่งอย่างสุดฤทธิ์เพื่อเข้างานให้ทันเวลาแปดโมงครึ่ง ขณะนี้เป็นเวลาเกือบเก้าโมง ซึ่งหญิงสาวยังคงไม่ถึงสถานที่ทำงาน ใบหน้างามบัดนี้เต็มด้วยคราบเหงื่อและเสื้อผ้าก็เปียกชุ่ม
หญิงสาววิ่งอย่างไม่ทันระมัดระวัง จู่ ๆ ชนเข้ากับร่างหนาของใครคนหนึ่งของมากมายในมือตกลงกับพื้น ก่อนก้มลงเก็บหญิงสาวไม่ลืมกล่าวขอโทษคนตรงหน้า
“ขอโทษค่ะ เอยไม่ตั้งใจ” หญิงสาวเอ่ยคำขอโทษเสร็จพร้อมก้มเก็บของบนพื้น
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมช่วยเก็บ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเอยเก็บเอง” หญิงสาวพยายามบอกปัดคนตรงหน้าโดยสายตายังคงสนใจกับสิ่งของบนพื้น
“นี่ครับ”ชายหนุ่มตรงหน้ายื่นปากกาด้ามสุดท้ายที่ยังคงหลงเหลือบนพื้นส่งคืนแก่หญิงสาว
วินาทีนั้นสายตาของเอิงเอยปะทะเข้ากับร่างหนาของชายหนุ่ม สายตาเหลือบมองป้ายชื่อบนเสื้อกาวน์
“ก้องภัทร” เอิงเอยพูดอย่างแผ่วเบา สายตาจ้องใบหน้าหล่อเหลา เธอจำเขาได้ไม่เคยลืมเลือน เขาคือรักแรกของเธอ แม้ตอนนั้นเธอจะเป็นเด็กเพียงห้าขวบเท่านั้นก็ตาม แววตาอ่อนโยนของเขายากจะมีใครเหมือน หญิงสาวจ้องมองชายหนุ่มอย่างต้องมนต์สะกด
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” ชายหนุ่มพูดเพียงเท่านั้นก็เดินจากไป ปล่อยให้หญิงสาวยืนเหม่อลอยหลายนาที ก่อนจะหญิงสาวจะรู้สึกตัวและมองนาฬิกา
“ห๊ะ เก้าโมงแล้ว!!” เอิงเอยไม่มีเวลาสนใจมาก เธอหันหลังวิ่งกลับไปยังห้องทำอย่างเต็มกำลัง ในที่สุดหญิงสาวก็สามารถพาตนเองมาถึงห้องทำงาน
เอิงเอยมานั่งยังโต๊ะทำงานพร้อมเปิดคอมทันที ตอนนี้เธอไม่มีเวลาจะสนใจสิ่ง เพราะยังคงมีงานค้างคาอีกมากมายรอให้เธอสะสางอยู่
“เอย ทำไมวันนี้มาสาย” ขวัญเนตรกระซิบถามเพื่อนอย่างเบาๆ ให้ได้ยินเพียงกันสองคน
“เอยตื่นสายนะขวัญ เอ่อขวัญ เอยมีเรื่องจะถามขวัญหน่อยนะ ช่วงพักเที่ยงนะ”
“อืมได้”
และแล้วทุกอย่างก็เข้าสู่ความเงียบหลังจากหญิงสาวคุยกับขวัญเนตรเสร็จ เธอกลับมาสนใจงานตรงหน้าต่อ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ชายหนุ่มเงยหน้าจากกองเอกสารมองไปยังร่างเพรียวเปิดประตูเข้ามาข้างในห้องทำงานตนเอง
“ภัทรทำอะไรอยู่คะ”พริมาเดินเข้าไปคลอเคลียก้องภัทร มือบางทั้งสองข้างโอบต้นคอชายหนุ่ม
“คิดถึงจังเลยครับ” ก้องภัทรไม่พูดเปล่าชายหนุ่มดึงตัวหญิงสาวมานั่งบนตักตนเองพร้อมกำลังจะก้มจูบริมฝีปากอวบอิ่ม
“อย่าซนสิคะ ที่นี่โรงพยาบาลนะคะ”
“ไม่มีใครมาหรอกครับ ที่นี่ห้องส่วนตัวผม อีกอย่างผมเห็นพริมแอบล็อกประตูอยู่นะครับ”
“ภัทรอ่ะ รู้ทันพริมตลอดเลย”
“รู้สิครับ เราคบกันมาเกือบจะสิบปีแล้วนะครับ” ชายหนุ่มพูดเพียงเท่านั้นเขาไม่ปล่อยให้สาวคนรักได้ต่อล้อต่อเถียงไปมากกว่านี้ ค่อยๆประคองต้นคอหญิงสาว ฉกชิมความหวานจากริมฝีปากอวบอิ่ม มือหนาเอื้อมมือไปยังทรวงอกและจัดการขย้ำอย่างเบามือค่อย ๆ เพิ่มความเร็วเรื่อย ๆ จนในคนอ้อมกอด ทนไม่ไหวเผลอครางออกมา
“อื้อ อื้อ” เมื่อหญิงสาวเริ่มอ่อนระทวย เขาจึงปล่อยหญิงสาวเป็นอิสระอย่างเสียดาย
“ทำไมไม่ต่อคะ”คนที่ถูกปล่อยมองชายหนุ่มอย่างโมโห เธอกำลังเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสเร่าร้อนของเขา จู่ ๆ ก็ถูกปล่อยอย่างไม่เข้าใจ
“ผมก็ไม่อยากปล่อยคุณหรอกครับ แต่เรายังอยู่ในเวลางานกัน ไว้คืนนี้ผมไปหาที่คอนโด”
“ก็ได้ค่ะ คืนนี้พริมจะรอ”
“น่ารักที่สุดเลย เมียใครน่า” ก้องภัทรก้มหอมแก้มนวลสาวคนรักอย่างหมั่นไส้
“ใครเมียภัทร พริมไม่ใช่ซะหน่อย” พริมาพูดอย่างแง่งอนต่อแฟนหนุ่ม
“งั้นคืนนี้ผมทบทวนความจำให้”
เอิงเอยกำลังก้มหน้าก้มตาสะสางงานอย่างเร่งด่วนเพื่อให้ทันพักเที่ยง หญิงสาวนั่งทำงานอย่างเรื่อยๆ จวบจนเวลาเที่ยง งานก็เสร็จพอดี
“อื้อ เสร็จแล้ว” เอิงเอยบิดขี้เกียจครั้งหนึ่ง เตรียมพร้อมจะลุกออกจากโต๊ะทำงาน จังหวะเดียวกันขวัญเนตรก็เดินเข้ามาพอดี
“ไปกินข้าวกัน ยัยเอย”
“อืม” สองสาวเดินออกมาจากห้องทำงานไปโรงอาหาร ระหว่างกำลังเดิน ขวัญเนตรเอ่ยเปิดประเด็นในสิ่งค้างคาเมื่อช่วงเช้าจากปากเพื่อนรัก
“เอย มีเรื่องอะไรจะถามขวัญเหรอ”
“เอ่อจริงด้วย เอยอยากรู้เรื่องคุณหมอภัทรนะ”
“หึ!! เอยสนใจคุณหมอภัทรตั้งแต่เมื่อไร” ขวัญเนตรจ้องมองเพื่อนพยายามเค้นหาคำตอบจากปากหญิงสาว
“ไม่มีอะไรหรอก แค่เอยอยากรู้เฉยๆ เล่าให้ฟังหน่อยสิ” เอิงเอยเลี่ยงจะพูดความจริง เธอเองก็ยังไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มจะใช่รักแรกของตนเองหรือเปล่า แต่ความรู้สึกเธอบอกว่าใช่เขาอย่างแน่นอน
“อย่าปิดบังขวัญนะ”
“เอยไม่เคยปิดบังขวัญได้อยู่แล้ว ขวัญเองก็รู้”
“อืม งั้นเดี๋ยวขวัญเริ่มเล่าให้ฟัง” เอิงเอยมองเพื่อนขณะกำลังพูดถึงชายหนุ่ม หลายเรื่องราวเกี่ยวกับตัวชายหนุ่มทำเธออึ้ง แทบไม่คาดคิดโดยเฉพาะเรื่องที่เขามีแฟนแล้ว ถ้าเขาใช่รักแรกของเธอจริง เธอจะทำอย่างไรดีจะตัดใจหรือยังคงแอบชอบต่อไปเรื่อยๆ คำตอบในใจที่ได้รับกลับมาคือยังคงแอบชอบเขา
“เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างที่ขวัญเล่าแหละ” ขวัญเนตรพูดขณะเดินอ้อมไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามเพื่อนรัก
“คุณหมอภัทรมีแฟนแล้วจริงๆเหรอ”
“ใช่ ทุกคนในโรงพยาบาลต่างก็รู้กันดี ขวัญได้ยินมาว่าเขาทั้งสองคบกันมานานตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยด้วยกันและกำลังจะแต่งงานกันอีกในไม่ช้า” คำบอกกล่าวจากปากเพื่อนรักเหมือนถูกค้อนขนาดใหญ่ทุบมายังศีรษะตนเอง สมองตอนนี้หนักอึ้งไปหมด เจ็บปวดรวดร้าวทั้งใจ สิบเก้าปีผ่านมามีเพียงเธอเท่านั้นคนเดียวยังจดจำเขาอย่างคนโง่งม โดยที่เขาไม่เคยรับรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเธอ
“เอย เอย” ขวัญเนตรพยายามเรียกเอิงเอยพร้อมทั้งสะกิดแขนเรียว
“วะ ว่าไงนะ”
“เอยนั่นแหละเป็นอะไร เหม่อลอยเชียว”
“เปล่า สั่งข้าวกันเถอะ”
“อืม”
เรื่องราวของก้องภัทรหรือหมอภัทรยังคงรบกวนสมาธิการทำงานของหญิงสาวตลอดช่วงบ่าย เธอไม่สามารถจะสลัดความคิดถึงชายหนุ่มให้พ้นได้ มันยังคงวนเวียนในสมอง เธอต้องทราบได้ให้ว่าเขาจะใช่คนเดียวกับรักแรกตนเองหรือไม่
วันรุ่งขึ้นเอิงเอยออกจากคอนโดช่วงเช้าก่อนเวลาเข้างานเกือบหนึ่งชั่วโมง เพื่อพิสูจน์ความจริงบางอย่าง หญิงสาวนั่งรอสักพัก และแล้วก็ถึงเวลาอันเหมาะสม ชายหนุ่มเดินมาเพียงคนเดียว หญิงสาวกำลังครุ่นคิดหาวิธีใกล้ชิดแพทย์หนุ่มให้ได้ จู่ๆความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในสมอง เธอต้องใช้แผนแกล้งล้มต่อหน้าเขาเหมือนเมื่อวาน แต่ครั้งนี้เธอต้องทำเป็นขาแพลงเพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับเขานานๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นหญิงสาวไม่รอช้ารีบเดินเข้าชนแพทย์หนุ่มก่อนเขาจะเดินจากไปไกล
“โอ๊ย!!”
“เป็นอะไรมากไหมครับ” ก้องภัทรมองคนล้มลงบนพื้นเอื้อมมือพยุงหญิงสาวตรงหน้าให้ลุกขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ”หญิงสาวพูดขณะหันมามองหน้าชายหนุ่ม
“อ้าว!! คุณนั่นเอง”
“คุณหมอจำเอยได้หรอคะ”
“จำได้ครับ เมื่อวานผมเดินชนคุณ”
“อ๋อค่ะ”
“แล้วเป็นอะไรมากไหมครับ”
“ไม่ค่ะ โอ๊ย!!”เอิงเอยส่ายศีรษะเบาๆก่อนทำท่าจะลุกขึ้นและแกล้งล้มลงเอนข้างไปหาร่างกำยำแพทย์หนุ่ม
“ผมว่าคุณไปตรวจก่อนหน่อยเถอะครับ”
“ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ เอยขอตัวก่อนนะคะ โอ๊ย!!” ขณะเอิงเอยกำลังผละออกจากอกแกร่งแพทย์หนุ่ม เธอก็แกล้งเจ็บขาอีกครั้งทำท่าเหมือนจะล้มลงกับพื้น
“ผมว่าไปตรวจเถอะ” ก้องภัทรไม่สนใจคำปฏิเสธคนตัวเล็กตรงหน้า ชายหนุ่มถือวิสาสะอุ้มร่างบางไปยังห้องพักแพทย์ของตนเอง
“ว้าย” เอิงเอยไม่คาดคิดเขาจะกล้าอุ้มตนเอง เธอรับรู้ถึงกลิ่นหอมสดชื่นจากตัวชายหนุ่ม จึงเผลอสัมผัสลงกับอกกำยำ เธออยากอยู่แบบนี้อีกนานๆจนไม่อยากออกจากอกแกร่งของเขา
